ตอนที่ 244 ฝีมืออำมหิต

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 244 ฝีมืออำมหิต

ว่าอันใดนะ มีคนยอมสารภาพแล้วหรือ ?

สายลับที่โดนนายทหารผลักก็บังเกิดความตกตะลึง จากนั้นจึงค่อย ๆ โกรธขึ้นมา

พวกเขาเป็นถึงสายลับ แต่เดิมก็ถูกฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด เหตุใดจึงสารภาพไปเล่า ?

ณ เวลานี้ สายลับเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ ภายในใจ

คนอื่นสารภาพและโดนปล่อยตัวไปแล้ว แต่เขาต้องโดนสังหาร

แม้เขาเป็นสายลับเช่นกัน แต่ก็มิอยากตาย!

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อข้อมูลมิได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้วเขาจักลองดิ้นรนสักครั้ง มิแน่ว่าอาจรักษาชีวิตไว้ได้

“ช้าก่อน ข้าบอกแล้ว ข้ายอมบอกทุกอย่าง ! ”

สายลับผู้นั้นร้องเรียกเสียงดังลั่น ใบหน้ามิมีความเด็ดเดี่ยวอีกต่อไป

ใบหน้าของนายทหารมีความแปลกใจวาบผ่าน มู่ซื่อจื่อถึงกับคาดเดาสิ่งเหล่านี้ได้ ช่างเก่งกาจเหลือเกิน

แม้ภายในใจนึกเช่นนี้ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังดูโหดเหี้ยมเช่นเดิม “พวกเจ้าแต่ละคนปากแข็งอย่างกับหิน มิยอมเอ่ยสักคำตั้งแต่ตอนแรก ถึงตอนนี้มีคนสารภาพแล้ว เจ้าอยากเปลี่ยนใจจักมีประโยชน์อันใด ? ”

“ข้า ภารกิจของพวกข้าแต่ละคนมิเหมือนกัน พวกเจ้าต้องอยากได้ข้อมูลของข้าแน่นอน ! ”

สายลับผู้นั้นกัดฟันแน่น เขามิรอให้นายทหารได้สืบสวนก็เริ่มเล่าว่าเป็นคนที่ใด มาถึงต้าโจวเมื่อไรและหลายปีมานี้ได้ส่งข่าวอันใดกลับไปบ้างออกมาทั้งหมด

“โอ้ พวกเจ้าแต่ละคนได้ทำเรื่องไปมิน้อยเลยจริง ๆ ”

นายทหารแอบตกใจอยู่ลึก ๆ สายลับแคว้นชิงเยว่แฝงตัวอยู่ใกล้สายตามานานถึงเพียงนี้ แต่พวกตนกลับมิรู้อันใดเลย

หากมิใช่มู่ซื่อจื่อรู้สึกถึงความผิดปกติและให้พวกเขาจับตัวมาทันเวลา ก็มิรู้ว่าสายลับเหล่านี้จักก่อเรื่องวุ่นวายไปมากเพียงใด

เขาถอนหายใจทีหนึ่งราวกับสงสารสายลับอยู่เล็กน้อย “ที่จริงแล้วข้อมูลของเจ้าก็มิต่างอันใดจากคนก่อนหน้าเท่าใดนักหรอก”

สีหน้าของนายทหารดูกลัดกลุ้ม “แม้เรื่องที่เจ้ากล่าวมาจักเป็นจริง แต่ท่านโหวได้มีคำสั่งมาแล้วว่าข้อมูลที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เรามิต้องการ เจ้ายอมตายแต่โดยดีเถิด”

“แต่ข้ายังมีอีกเรื่อง!”

สายลับกลืนน้ำลายแล้วตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญออกมาทันที

“พวกเจ้ารู้เรื่องโรคระบาดหรือไม่ ? นั่นก็เป็นฝีมือของพวกข้า”

เขาเห็นว่านายทหารชะงักไปทันที จากนั้นใบหน้าของนายทหารก็เหมือนค่อย ๆ แตกออกเป็นเสี่ยง “เจ้าว่าอย่างไรนะ ? ”

เสียงนายทหารสั่นเครือและเบาราวกับลอยมาจากเหนือสุดของก้อนเมฆ

สายลับรู้ว่าข้อมูลนี้ใช้ได้จึงเหมือนคนตกน้ำที่พยายามคว้าต้นหญ้าเพื่อเอาชีวิตรอด เขาทุ่มเทและทำทุกอย่าง ทั้งกล่าวออกมาอย่างซื่อตรงถึงเรื่องที่ได้วางยาพิษลงในบ่อน้ำให้ชาวบ้านโดนพิษจนตาย

“แท้จริง คนเหล่านั้นมิได้ติดโรคระบาดแต่เป็นยาพิษ” สายลับดูตื่นเต้นอยู่บ้าง ถ้อยคำที่เอ่ยไร้ต้นสายปลายเหตุ แต่คนฟังก็ยังเข้าใจความหมาย

“ยาพิษถูกคิดค้นออกมาโดยองค์ชายใหญ่ของเรา ปกติพระองค์ชอบปรุงยาเหล่านั้นอยู่แล้ว ฝ่าบาททราบว่ายาพิษที่องค์ชายใหญ่ปรุงออกมาคล้ายกับอาการโรคระบาดจึงได้คิดวิธีนี้ออกมาและให้พวกเราวางยาในบ่อน้ำของเมืองจิง รอให้โรคระบาด มิใช่สิ รอให้ยาออกฤทธิ์ แล้วต้าโจวย่อมตกอยู่ในความวุ่นวาย ถึงตอนนั้นฝ่าบาทจักเคลื่อนทัพเข้าโจมตีม่อเป่ยและตีมาจนถึงเมืองจิง”

“แล้วโรคระบาดในฉู่โจวเล่าเป็นฝีมือพวกเจ้าหรือไม่ ? ” นายทหารมีการคาดเดาอยู่ในใจและสีหน้าของเขาก็ดูย่ำแย่จนเหมือนมีหยดน้ำไหลออกมา

เนื่องด้วยโรคระบาดครั้งนี้ ชาวต้าโจวเสียชีวิตหลายพันคน แม้ท่านโหวอันและมู่จวินฮานจักนำหมอหลวงไปรักษาได้ อีกทั้งยังมียาจากคุณหนูใหญ่แต่ก่อนหน้านั้นผู้คนก็มิได้ป้องกันจึงทำให้แต่ละวันมีคนตายนับร้อย ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนามากเหลือเกิน

เดิมทีเขาคิดว่าเป็นภัยจากสวรรค์ แต่จักมีผู้ใดคาดคิดว่าที่จริงแล้วเป็นภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น !

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถูกเผยออกมาแล้ว สายลับก็มิกลัวอันใดอีก นายทหารจักว่าอย่างไรก็แล้วแต่จักเกิด

“ใช่ ฉู่โจวเป็นเมืองหน้าด่านและเป็นเส้นทางเดียวจากม่อเป่ยสู่เมืองจิง ขอเพียงฉู่โจวกับเมืองจิงวุ่นวาย การโจมตีเมืองจิงย่อมใช้เวลามิกี่วัน ! ”

อันอิงเฉิงที่ยืนอยู่ในมุมมืดมีสีหน้าโกรธจัด เขาโมโหจนอยากวิ่งออกมาสังหารสายลับนี้ให้ตายไปเสีย

ราษฎรหลายพันของต้าโจวต้องทุกข์ทรมานเพราะแผนการอำมหิตของแคว้นชิงเยว่ !

แคว้นชิงเยว่อยากโจมตีต้าโจวก็ควรใช้วิธีผ่าเผยอย่างเช่นการสู้ศึกในสนามรบ การลงมือต่อราษฎรเป็นวิธีต่ำช้าเกินไป !

แม้ว่าปกติอันอิงเฉิงรู้สึกว่าตนสูงศักดิ์กว่าราษฎรทั่วไป แต่พอได้ยินเช่นนี้ก็โกรธขึ้นมาจนเวียนศีรษะ

มู่จวินฮานมีสีหน้าเย็นเยียบ ดวงตาล้ำลึกราวกับกลายเป็นน้ำแข็ง

มิแปลกเลยที่แคว้นชิงเยว่กล้าเคลื่อนทัพมาโจมตีม่อเป่ย ที่แท้พวกมันได้วางแผนไว้แล้ว

แต่น่าเสียดาย แม้พวกมันวางแผนรอบคอบมากเพียงใดก็คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจักมียารักษาโรคระบาด อีกทั้งยังสามารถแก้ยาพิษนั้นได้จึงทำให้พวกมันต้องหยุดแผนกลางทาง

“สัญลักษณ์ที่พวกเจ้าทิ้งไว้บนก้อนหินคือการแจ้งให้คนของตนเปลี่ยนแผนใช่หรือไม่ ? ”

เมื่อนึกถึงโรคระบาดที่ถูกควบคุมไว้ได้ นายทหารก็นึกถึงสัญลักษณ์ที่ถูกเขียนอยู่บนก้อนหินขึ้นมา

สายลับพยักหน้า “ใช่ พวกข้านึกมิถึงว่ายาพิษที่องค์ชายใหญ่คิดค้นออกมาจักมีคนแก้ได้เร็วถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเอาสูตรยาออกมาช่วยราษฎรได้ แม้ว่าเมืองจิงและฉู่โจวต้องวุ่นวายเพราะเรื่องนี้ระยะหนึ่ง แต่มันก็มิเป็นไปตามเป้าที่เราคาดหวังไว้”

“เพื่อป้องกันมิให้ม่อเป่ยเกิดความผิดพลาด พวกเราจึงต้องกระจายข่าวนี้ออกไป”

มู่จวินฮานเดินออกมาจากมุมมืด ร่างสูงโปร่งของเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าสายลับ เขาทำเหมือนว่าเพิ่งมาถึง จากนั้นก็ขมวดคิ้วมองสายลับด้วยท่าทีมิพอใจ “เหตุใดยังมินำคนผู้นี้ไปประหารอีก ข้าสั่งให้พวกเจ้าฆ่าเขาแล้วมิใช่หรือ ? ”

“เรียนมู่ซื่อจื่อ คนผู้นี้บอกว่ามีข้อมูลสำคัญ ข้าน้อยจึงเก็บเขาไว้สอบถามเสียก่อนขอรับ”

นายทหารให้ความร่วมมือในการเล่นละครกับมู่จวินฮาน จากนั้นก็เดินไปข้างกายเจ้านายแล้วกล่าวบางอย่าง

มู่จวินฮานพยักหน้าและเริ่มสังเกตสายลับคนนั้นจากศีรษะจรดปลายเท้าอีกรอบ ”เจ้าบอกว่าเขียนสัญลักษณ์ไว้บนก้อนหิน แล้วผู้ใดรับผิดชอบการกระจายข่าวไปให้แคว้นชิงเยว่ ? ”

เขาถามถึงประเด็นสำคัญและสายลับก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าก็ย่นเข้าหากัน“ข้ามิทราบ พวกข้าเพียงต้องเขียนข่าวที่ได้มา จากนั้นจักมีคนมาเห็นสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้แล้วส่งข่าวออกไป”

มู่จวินฮานจ้องสายลับด้วยดวงตาเย็นเยือก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมิได้โกหกจึงโบกมือ “ข้อมูลไร้ประโยชน์ นำเขาไปประหาร”

ในขณะที่สายลับกำลังร้องขอชีวิต ทันใดนั้นมันก็รู้สึกเจ็บบริเวณหน้าท้องและก็มีโลหิต ไหลออกมา

มีมีดปักคาอยู่ตรงนั้น ส่วนด้ามถูกจับไว้ในมือนายทหาร

รอให้สายลับหยุดหายใจ นายทหารจึงดึงมีดออกมา

คนเหล่านี้ทำให้ราษฎรต้าโจวต้องตายไปมากมาย ยังหวังให้พวกตนไว้ชีวิตอีก ช่างเพ้อฝันยิ่งนัก !