ตอนที่ 108 พี่สาว

Perfect Superstar

ตอนที่ 108 พี่สาว

ท่ามกลางเสียงดนตรีอันไพเราะ ผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 16 คนเรียงหน้ากันขึ้นสู่เวที

กล้องโทรทัศน์จับภาพลู่เฉินขนาดใหญ่ในระยะใกล้โดยเฉพาะ

กล้องโฟกัสไปที่ลู่เฉิน

ฟางอวิ๋นทนไม่ไหวขยี้ตาแล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตา

ลู่เสวี่ยเอนอยู่ในอ้อมอกของเธอ ถือมือถือเอาไว้พลางยิ้มอย่างมีความสุข

ในบาร์เดย์ลิลลี่ ลูกค้าชนแก้วกันอยู่ ไม่ว่าจะทั้งคนที่รู้จักหรือไม่รู้จัก ก็ชนแล้วดื่มจนหมดแก้ว!

เยี่ยจื่อถงปิดโน้ตบุ๊กลงอย่างพอใจ แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าตรงหน้าเตียงของเธอมีเพื่อนสาวสามคนเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ กำลังจ้องมองเธอด้วยสายตามีเลศนัย

ในห้องออกอากาศลู่เฟย มีผู้เข้าชมเกือบหนึ่งล้านคน บรรยากาศของการเฉลิมฉลองเป็นไปอย่างสุดเหวี่ยง!

เพราะว่าลู่เฉินเป็นผู้ชนะแล้ว

เพราะผู้ออกอากาศลู่เฟยของพวกเขาชนะ เป็นอันดับแรกในผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบ 16 คน

ทุกคนเป็นพยานและเป็นผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้นทุกคน

นี่ถือเป็นชัยชนะของทุกคน!

บ่ายวันรุ่งขึ้น ทางออกสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

ลู่เฉินถูกเบียดเสียดอยู่ในฝูงชน เขามองตรงไปที่ประตูอัตโนมัติด้านหน้า มองหาเงาร่างที่คุ้นเคย

เหนือช่องประตูอัตโนมัติแขวนป้ายแอลอีดีเอาไว้ เขียนอย่างชัดเจนว่ารถไฟขบวนที่ G31 เข้าสู่สถานีแล้ว

รถไฟความเร็วสูงขบวนนี้เป็นที่คุ้นเคยของลู่เฉิน เมื่อหนึ่งปีก่อน เขาจากเมืองปินไห่มาถึงเมืองปักกิ่งได้ด้วยรถไฟขบวน G31 นี้

ส่วนวันนี้ เขามารับพี่สาวของตัวเองลู่ซี

การแข่งขันรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อคืน ลู่เฉินโทรศัพท์หาลู่ซี หวังว่าเธอจะมาถึงปักกิ่งภายในสองวัน และช่วยเขาเจรจาเรื่องกรรมสิทธิ์ของผลงานเพลงกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง

ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับลู่ซีแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกฝน

เธอรับปากว่าจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับลู่เฉิน

แม้แต่ลู่เฉินยังคิดไม่ถึงเลยว่าลู่ซีจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ทั้งยังรีบมาถึงภายในวันนี้

เธอไม่มีแม้แต่คำประชดประชันลู่เฉินเลยสักนิด

นักเดินทางมากมายออกมาจากประตูอัตโนมัติ ทางออกมีคนน้อยลงเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีวี่แววของลู่ซีเลย

ลู่เฉินรู้สึกกระวนกระวาย เตรียมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเธอ

ตอนนี้เอง หญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีเรียบลากกระเป๋าเดินทางออกจากประตูตรงมาทางเขา

ลู่เฉินถอนใจอย่างโล่งอก โบกมือให้ “พี่ลู่ซี!”

หญิงสาวผู้มาถึงช้า ก็คือพี่สาวของเขาลู่ซี

ลู่ซีชำเลืองมองลู่เฉิน เธอมัวแต่สนใจสอดบัตรเข้าเครื่องอัตโนมัติเพื่อเปิดประตูด้วยท่าทีเฉยเมย

“มาครับผมเอง…”

ลู่เฉินรีบเดินเข้าไปช่วยถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

ลู่ซีกำก้านกระเป๋าเดินทางแน่น สุดท้ายจึงปล่อยให้ลู่เฉิน

เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟ ด้านนอกก็มีรถมาจอดรออยู่

ลู่เฉินตั้งใจให้หลี่เฟยอวี่ไปเช่ารถยนต์มาคันหนึ่งเพื่อรับลู่ซีโดยเฉพาะ แบบนี้ก็สะดวกแล้ว

“คนนี้คือหลี่เฟยอวี่…”

ลู่เฉินแนะนำให้ลู่ซีรู้จักกับคนขับรถ “เขาเป็นเพื่อนที่ผมรู้จักในปักกิ่ง และเป็นผู้ช่วยของผมด้วย”

“นี่คือพี่สาวของฉัน ลู่ซี ซีที่หมายความว่าคึกคัก”

หลี่เฟยอวี่รีบทักทาย “พี่ลู่ซีสวัสดีครับ ตอนนี้ผมเป็นผู้ช่วยของต้าเฉิน”

“สวัสดีจ้ะ”

ลู่ซีพยักหน้า ตอบว่า “ตอนนี้แกเริ่มมีความเป็นเถ้าแก่ขึ้นมาแล้ว มีผู้ช่วยกับเขาด้วย”

สองประโยคหลัง เธอหันหน้าไปพูดกับลู่เฉิน

ลู่เฉินยิ้มเฝื่อน

ยังคงมีรสชาติที่คุ้นเคย นี่ถึงจะเป็นพี่สาวของเขา ลู่ซีตัวจริง ทุกคำพูดมักซ่อนคำเสียดสีทิ่มแทงเอาไว้

แน่นอนว่าสำหรับเขาคนเดียว

หลี่เฟยอวี่หดหัว รู้สึกได้ว่าทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกันนัก เขาฉลาดแล้วที่เลือกปิดปากไว้

จากเดิมลู่เฉินเตรียมจะกลับไปที่คอนโดก่อน แต่ลู่ซีอยากจะเข้าไปดูที่ออฟฟิศก่อน ด้วยเหตุนี้จึงต้องเปลี่ยนเส้นทางไปที่ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียนที่อยู่ในเขตวงแหวนที่ห้าของเมือง

สำนักงานของลู่เฉินในตึก A8 บนชั้น 19 ยังรกรุงรัง กาวบนผนังแม้จะแห้งแล้ว แต่โต๊ะและเก้าอี้สำนักงานที่สั่งไว้ยังมาไม่ถึง ดังนั้นห้องยังดูโล่งว่างเปล่า ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดถล่มผ่านไป

ด้านมุมหนึ่งของกำแพงห้องยังวางกองอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จอฉายภาพ เครื่องพิมพ์เป็นต้นไว้ ที่พื้นกลับถูกถูจนสะอาดหมดจด รอแค่โต๊ะ เก้าอี้มาตั้งประจำที่ เตรียมเปิดกิจการ

สำนักงานทั้งสองห้อง ห้องหนึ่งถูกดัดแปลงเป็นห้องออกอากาศสด เครื่องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไมโครโฟนที่เพิ่งซื้อใหม่ เมื่อลู่เฉินไม่มีเวลาจัดรายการออกอากาศสด ก็เป็นหน้าที่ของหลี่เฟยอวี่รับผิดชอบในการออกอากาศไป

รายการแข่งขันรอบคัดเลือกจาก 32 คนเหลือ 16 คน ก็ได้จัดการออกอากาศสดภายในห้องนี้

สำหรับตอนนี้การออกอากาศสดใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ ยังคงเป็นรายได้หลักของเขา

ส่วนห้องอีกห้องยังตกแต่งไม่เสร็จ ลู่เฉินได้เตรียมไว้ให้กับลู่ซี

เขาหวังว่านอกจากลู่ซีจะรับผิดชอบเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาแล้ว ยังจะรับตำแหน่งเป็นผู้จัดการของสำนักงานแห่งนี้ด้วย

ด้วยความสามารถของพี่สาว ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ส่วนลู่เฉินเอง เขาจะมุ่งมั่นแต่ด้านดนตรีก็เพียงพอแล้ว ไม่แน่ว่าอนาคตยังต้องวางแผนด้านการแสดงด้วย

ปัญหาเดียวที่มีอยู่คือตอนนี้ในสำนักงานไม่มีพนักงานเลยสักคน ยังต้องรับสมัครงานมาเพิ่มเติม

ส่วนเอกสารรับรองการเปิดบริษัททำเสร็จไปแล้วเมื่อสามวันก่อน

บริษัทนี้จดทะเบียนด้วยชื่อของลู่เฉินเอง มูลค่าทุนจดทะเบียนหนึ่งแสนหยวน ตอนนี้รัฐบาลให้การเกื้อหนุนกิจการขนาดเล็ก ด้วยเหตุนี้ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียนจึงได้รับสิทธิพิเศษและเงินทุนช่วยเหลืออยู่แล้ว

การจัดทำเอกสารขออนุญาตเปิดกิจการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เข้ามาอยู่เปิดบริษัทในที่นี้ฟรีค่าภาษีหนึ่งปี ปีที่สองลดครึ่งราคา ปีที่สามค่าภาษีทั้งหมดสามารถยื่นขอเงินทุนส่งเสริมค่าเช่าสำนักงานได้ด้วย ที่นี่ถือเป็นทำเลทองแห่งหนึ่งของเขตธุรกิจในเมืองหลวง

ลู่ซีทำความเข้าใจ แล้วก็มีท่าทางพึงพอใจมาก

แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพอใจลู่เฉินด้วยเหมือนกัน

“งานที่ปินไห่ฉันลาออกแล้ว มาที่นี่ครั้งนี้ก็หวังจะอยู่ยาวและดูท่าทีไปก่อน แม่อยากให้ฉันมาดูแลและคอยจับตามองนาย ตอนนี้วงการบันเทิงวุ่นวายจะตาย พวกเราไม่อยากให้นายไปจมอยู่ในนั้น”

ลู่เฉินยิ้มแหย

พอเข้าสู่ยุคศตวรรษที่ 21 อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเติบโตของโลกออนไลน์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีคนดังเกิดใหม่มากมาย วงการเพลง ภาพยนตร์ โทรทัศน์กำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดผลกระทบเชิงลบตามมามากมาย

คนทั่วไปชอบดาราและไอดอล แต่สำหรับวงการเพลงแล้ว ความประทับใจของทุกคนไม่ค่อยดีนัก

ยกเว้นคนจำนวนน้อย แต่คนที่อยู่ในวงการนี้ไม่มีใครได้เป็นเพชรน้ำหนึ่งตัวจริง

ที่ๆ ลู่เฉินกำลังจะก้าวเข้าไป คือวงการที่ลึกลับแปลกประหลาดที่สุดแห่งหนึ่ง

ฟางอวิ๋นกังวลก็เป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าลู่ซีอยู่ข้างๆ เขาคอยช่วยเหลือ ดูแลเขา แน่นอนว่าจะต้องดีกว่ามาก

ลู่เฉินเข้าใจในความคิดของมารดา

“นอกจากนี้…”

ลู่ซีเอ่ยต่อว่า “นายให้ฉันเป็นผู้จัดการของสำนักงานไม่มีปัญหา แต่เรื่องงานนายจำเป็นต้องฟังความเห็นของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่”

ลู่เฉินคิดแล้วตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีปัญหา ถ้าผมมีความคิดอะไร ผมจะปรึกษากับพี่”

ต่อให้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ด้านการทำงานอาจจะขัดแย้งกันบ้าง การสื่อสารนั้นสำคัญมาก

ลู่ซีคิดไปคิดมา ก็พยักหน้าอย่างฝืนใจ “ก็ได้…”

“นอกจากนี้ จะต้องรับสมัครผู้ช่วยของฉันคนหนึ่ง เอาผู้หญิงเท่านั้น ด้านบัญชีฉันต้องควบคุมเองก่อน ไม่ต้องไปหาคนอื่น แล้วก็รับสมัครเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คนหนึ่ง พนักงานทำสื่อประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์อีกคน สร้างโครงสร้างของสำนักงานขึ้นมาก่อน จากนั้นค่อยนำมาเติมเต็ม”

เธอกำลังจะได้เข้าสู่โลกใหม่ของตัวเอง นอกจากรับสมัครพนักงานแล้ว ยังเสนอแนะความคิดเห็นที่มีต่อสำนักงาน พูดอย่างเป็นระบบ

ลู่เฉินฟังจนเบื่อ รีบพูดต่อว่า “เรื่องแบบนี้ให้พี่จัดการเถอะ ผมให้พี่หลี่ช่วยพี่จัดการ ส่วนพนักงานต้อนรับ พี่หลี่รู้จักเพื่อนบางคนที่ยอมมาทำ ส่วนคนอื่นๆ พี่ก็ดูเอาเองแล้วกัน”

พูดจบ ลู่เฉินมอบบัตรธนาคารที่เตรียมไว้ให้แต่แรกแล้วให้ไป

เขาพูดกับลู่ซีว่า “เงินทั้งหมดของสำนักงานอยู่ในนี้ พี่ดูว่าจะใช้ยังไง รหัสผ่านคือวันเกิดของพี่”

ในบัตรมีเงินทั้งหมดสี่แสน เป็นเงินส่วนใหญ่ที่ลู่เฉินได้ในช่วงก่อน มาจากเงินรางวัลจากการถ่ายทอดสด เงินเดือนของผู้ออกอากาศ ยังมีส่วนที่หลี่ไป๋มอบให้อีกสองแสน ส่วนใหญ่ใช้จ่ายไปกับค่าเช่าและค่าจัดซื้ออุปกรณ์ในสำนักงานไม่น้อย

ลู่ซีไม่ได้เกรงใจ เธอรับบัตรธนาคารมา มองดูลู่เฉินด้วนสายตาอ่อนโยนลงกว่าเดิม

“เอาเป็นว่าต่อไปเงินที่นายหามาได้ให้ฉันช่วยดูแล จะได้เอาไปใช้หนี้ที่บ้าน”

ลู่เฉินไม่มีข้อโต้แย้ง

เขารู้ว่าสองปีมานี้ ลู่ซีเสียสละเพื่อที่บ้านไปมากมาย อย่างน้อยก็มากกว่าเขา

ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาต้องแบกรับภาระใหญ่หลวงแล้ว!

เมื่อได้เยี่ยมชมสำนักงานแล้ว ลู่เฉินพาลู่ซีไปถึงคอนโดที่เช่าไว้

เขาส่งหลี่เฟยอวี่กลับบ้าน แล้วตัวเองก็ขับรถมุ่งสู่หมู่บ้านจิ่นเฉิงวาน

ตอนที่อายุ 18 ปี ลู่เฉินสอบได้ใบขับขี่ แต่สองสามปีมานี้ไม่ได้ขับรถเลย ดังนั้นระหว่างทางต้องระวังตัวมากกว่าเดิม จนเริ่มคุ้นเคยแล้วถึงเพิ่มความเร็ว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เปิดประตูออกมา เขายกกระเป๋าอันหนักหน่วงเข้าไปด้านใน

ลู่ซีเดินตามเข้ามา เธอถอดรองเท้ามองทั้งด้านนอกด้านในไปทั่ว

“ไม่ได้เลอะเทอะอย่างที่ฉันคิด”

ลู่เฉินได้แต่ยิ้มแหย…วันนี้เขายิ้มแหยหลายครั้งมาก

สมัยก่อนตอนอยู่ที่บ้าน เขาไม่ค่อยรักษาความสะอาด

“พี่ ห้องนี้พี่อยู่ไปก่อนก็แล้วกัน!”

ลู่ซีอึ้ง ถามว่า “แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหน”

ห้องชุดนี้มีแค่ 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก ถ้าอยู่ด้วยกันลู่เฉินคงต้องนอนบนโซฟา

แต่เขายังมีแผนอื่นอีก

“ในออฟฟิศมีห้องพักด้วย พอให้ผมอยู่ได้ ทั้งยังทำงานได้สะดวกด้วย”

ลู่ซีนิ่งไปครู่หนึ่ง

“ความจริงแล้วนายไม่ต้องดีกับฉันขนาดนี้ก็ได้…”

ลู่เฉินตัดบท “พี่เป็นพี่สาวผมนี่!”

ลู่ซีนิ่งไปอีก ครู่ต่อมาเธอเอ่ยขึ้นว่า “นายพาฉันไปศูนย์การค้าแถวนี้หน่อย ฉันอยากจะซื้อของ ไม่ต้องเอาที่แพงมาก สิ้นเปลืองเปล่าๆ”

ลู่เฉินคิดแล้วตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นเราไปที่ศูนย์การค้าเสวียซื่อก็แล้วกัน ของที่นั่นทั้งถูกทั้งดี”

ศูนย์การค้าเสวียซื่ออยู่ใกล้กับเมืองมหาวิทยาลัย ขายสินค้าคุณภาพระดับกลางไม่ต่ำจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมของเหล่านักศึกษาและพนักงานออฟฟิศ อีกอย่างในฤดูร้อนอันอบอ้าว ศูนย์การค้ามีการลดราคามากมาย

หลังจากซื้อของเสร็จสามารถรับประทานอาหารในศูนย์การค้าได้เลย คืนนี้ค่อยแวะไปนั่งเล่นที่บาร์เดย์ลิลลี่

ลู่เฉินเตรียมจะแนะนำให้ลู่ซีรู้จักกับเฉินเจี้ยนหาว

ลู่ซีไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง แน่นอนว่าต้องเชื่อฟังการจัดการของเขาอย่างไม่มีข้อแม้

……………………………………………………………………………………