ตอนที่ 571

Elixir Supplier

571 เสาะหาการรักษา

 

“แน่นอนว่าต้องเป็นหมอน่ะสิ” หานจื้อหยูพูด

 

“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องเชื่อผม” หมอพูด

 

“แต่หมอ ผมยุ่งมากนะ” หานจื้อหยูพูด “ผมไม่มีเวลามานอนโรงพยาบาลหรอก!”

 

“งั้นคุณก็เอายากลับไปกินแล้วกัน” หมอพูด

 

“โอ้ ได้ครับ” หานจื้อหยูพูด

 

หมอให้ยาเขามาหลายตัว มีทั้ง ยาฆ่าเชื้อ, ยาแก้คัน, ยาทาภายนอก, และยาฉีด

 

“ล้อเล่นกันรึเปล่าเนี่ย! หมอปลอมเอ้ย!” หานจื้อหยูจากไปพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยยา

 

แผลที่มือและแขนของเขา เกิดจากการที่เขาไปหาราชายาและช่วยลูกศิษย์ของเขารักษาน้องชายคนเล็กของเขา เขาบังเอิญไปแตะโดนตัวยาเข้า และจัดการทำความสะอาดไม่ทันเวลา ตอนที่เขาจะกลับ ลูกศิษย์ของราชายาก็ได้เอ่ยเรื่องนี้กับเขาไว้แล้ว และบอกว่าไม่ต้องกังวลมาก ในเวลานั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาเพียงรู้สึกเย็นสบายที่แขนของเขาก็เท่านั้น

 

ระหว่างทางกลับ เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง มือและแขนของเขามีอาการคันและเจ็บเล็กน้อย เขาเกาอยู่สองสามครั้ง แล้วผิวหนังก็หลุดหลอกออกมา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกตกใจมาก เมื่อกลับไปถึงที่บ้าน สถานการณ์ก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปได้คืนหนึ่ง ผิวหนังที่แขนของเขาก็หลุดหลอกออกไปจนหมด เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในวันใหม่ เขาก็รู้สึกได้แค่อาการแสบร้อน ภายในระยะเวลาหนึ่งวัน แขนของเขาก็เริ่มมีหนองออก มันไม่ใช่แค่โรคผิวหนังแล้ว

 

“เป็นยังไงบ้าง?” หานชิ่งถามหลังจากที่หานจื้อหยูกลับมาถึงที่บ้าน

 

“บ้ามากเลยล่ะ เขาไม่ได้ให้คำตอบที่ดีเลยสักนิด แล้วก็ให้ยามาอีกเป็นกองเท่านั้น” หานจื้อหยูพูด

 

“ถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้ผล นายก็ยังจะกินยาพวกนั้นอยู่อีกเหรอ?” พี่ชายของเขาถาม

 

“อืม ฉันก็ว่าจะลองกินดูน่ะ” หานจื้อหยูพูด “เผื่อว่าพวกมันได้ผลขึ้นมาล่ะ?”

 

“ถึงพวกมันจะได้ผล มันก็ไม่ใช่ยาที่ราชายาทำขึ้นมาเองอยู่ดี” หานชิ่งพูด “ถ้านายยังไม่ดีขึ้น นายก็น่าจะลองไปหาราชายาดูนะ”

 

“ฉันไม่ไปหรอก” หานจื้อหยูรีบโบกมือปฏิเสธทันที

 

ที่ราชายายินดีให้พวกเขาเข้าพบ ก็เป็นเพราะยาที่ได้มาจากหวังเย้า ซึ่งมีความพิเศษอย่างมาก ถ้าหากเขาไปที่นั่นตัวเปล่า เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน แล้วเขาก็ยังรู้สึกกลัวราชายาอยู่เล็กน้อยด้วย เวลาอยู่ใกล้ราชายา เขารู้สึกราวกับว่า ตัวเองอยู่ภายในกรงที่ขังเสือร้ายกินเนื้อคนเอาไว้

 

“แล้วนายจะทำยังไงล่ะ?” หานชิ่งถาม

 

“ไม่ทำอะไรเลย ตอนนี้ มันก็ไม่ได้แย่อะไรมาก บางทีอีกสักพักมันอาจจะดีขึ้นเองก็ได้” หานจื้อหยูโบกมือของเขา

 

“อืม ถ้านายทนไม่ไหวเมื่อไหร่ ให้รีบบอกฉันเลยนะ” หานชิ่งพูด

 

“ได้” หานจื้อหยูพูด

 

 

หลี่ชื่อหยูขับรถบรรทุกเพื่อนำต้นไม้ไปส่งที่หมู่บ้าน นี่เป็นต้นไม้ที่หวังเย้าสั่งเอาไว้กับเขาที่ร้าน

 

“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ” หลี่ชื่อหยูพูด “ยังมีอีกส่วนที่ต้องใช้เวลาหน่อย และจำเป็นต้องส่งจากทางใต้ผ่านทางเรือด้วย”

 

“ไม่มีปัญหาครับ” หวังเย้าตรวจดูต้นไม้ และพบว่าทุกต้นแข็งแรงดี หลังจากที่ดับดูเรียบร้อยแล้ว เขาก็จัดการจ่ายเงิน

 

“ให้ผมเอาต้นไม้พวกนี้ไปไว้ที่ไหนดีครับ?” หลี่ชื่อหยูถาม

 

“เอาไปไว้ที่ตีนเขาเลยครับ” หวังเย้าพูด “ผมจะพาคุณไปที่นั่นเอง”

 

เขาเดินนำพวกเขาไปที่ตีนเขา เพื่อให้พวกเขาขนต้นไม้ลงไว้ในจุดนี้

 

“คุณจะเอาพวกมันไปปลูกไว้ที่ไหนเหรอ? ให้พวกเราช่วยไหม?” หลี่ชื่อหยูถาม

 

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมทำเองได้” หวังเย้าพูด

 

“โอเค ผมจะเอาต้นไม้ที่เหลือมาส่งให้เร็วที่สุดนะครับ” หลี่ชื่อหยูพูด

 

เมื่อพวกเขากลับไปกันแล้ว หวังเย้าก็ดูต้นไม้เหล่านี้ เขาเพียงแค่ใช้มือข้างหนึ่งถือต้นไม้หนึ่งต้นก็ได้แล้ว มันราวกับว่า เขากำลังแบกนุ่นสองก้อนแทนที่จะเป็นต้นไม้ เขาพุ่งตัวขึ้นไปบนเขาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากนัก เขาจัดการขนต้นไม้ทั้งหมดขึ้นไปบนเขา ด้วยการขึ้นลงสิบกว่าเที่ยวเท่านั้น

 

หวังเย้ารู้อยู่แล้วว่าเขาจะปลูกต้นไม้ไว้ตรงไหน แต่เขายังไม่ได้ขุดหลุม

 

หลังจบมื้อค่ำ เขาก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน และเดินดูรอบๆเนินเขา ซานเซียนก็เดินตามหลังเขาไปด้วย

 

“ซานเซียน พรุ่งนี้เราจะปลูกต้นไม้กันนะ” หวังเย้าพูด

 

โฮ่ง!

 

เช้าของอีกวัน หวังเย้าตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่และหาอะไรทานในกระท่อม เขาได้บอกกับคนที่บ้านเอาไว้แล้วว่า เขาจะอยู่บนเขาตลอดทั้งวัน

 

เขาแบกเสียมและจอบมุ่งหน้าไปยังจุดที่เขาจะปลูกต้นไม้ “เริ่มกันได้เลย!”

 

หวังเย้าไม่สามารถเทียบกับมาตรฐานความแข็งแรงและร่างกายกับคนธรรมดาทั่วไปได้ ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องใช้จอบและเสียมด้วยซ้ำ เขาสามารถใช้มือและนิ้วมือของเขาขุดหลุมได้อย่างง่ายดาย สำหรับเขาแล้ว แม้แต่ก้อนหิน เขาก็สามารถบีบจนแหลกละเอียดได้

 

หลุมสำหรับปลูกต้นไม้ถูกขุดอย่างรวดเร็ว หวังเย้าถือต้นไม้ไว้มือหนึ่ง เพียงโบกมือครั้งเดียว พลังที่มองไม่เห็นก็จัดการกลบดินจนเต็มหลุม

 

“ซานเซียน ดูซิว่ามันตรงไหม” หวังเย้าพูด

 

โฮ่ง! โฮ่ง!

 

“ดี” หวังเย้าพูด “มาต่อกันเถอะ”

 

ตลอดทั้งเช้า มีต้นไม้หลาบสิบต้นปรากฏขึ้นมาบนเนินเขาหนานชาน มันดูยุ่งเหยิงและลึกลับในเวลาเดียวกัน

 

ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีรถหรูคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้าน ชายหนุ่มสองคนได้ลงมาจากรถคันนั้น

 

“นี่คือที่ที่นายพูดถึงใช่ไหม?” ชายหนุ่มร่างกายสูงกำยำมองดูคลินิกด้วยสายตาดูถูก

 

“ใช่ ที่นี่แหละ” ชายหนุ่มอีกคนพูด

 

“ในหมู่บ้านบนเขาแบบนี้ จะมีหมอเก่งๆอยู่จริงเหรอ?” ชายหนุ่มร่างกายกำยำพูด “นายถูกหลอกแล้วล่ะมั้ง?”

 

“ไม่หรอก” ชายหนุ่มอีกคนรีบพูด

 

“เอาเถอะ เข้าไปดูข้างในกันดีกว่า” ชายร่างกายกำยำพูด

 

เมื่อพวกเขาเดินไปถึงที่ประตู ก็เห็นว่ามีป้ายไม้แขวนอยู่

 

“ไม่ว่างเหรอ? แล้วจะให้มาถึงที่นี่เพื่ออะไรกัน?” ชายหนุ่มร่างกายกำยำพูด

 

“โอ้!” ชายหนุ่มอีกคนที่เตี้ยกว่าพูด เขามองดูป้ายที่แขวนอยู่และเกาหัวตัวเอง “เป็นความผิดของฉันเอง”

 

“มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก” ชายหนุ่มร่างกายกำยำพูด “เขาไม่อยู่ที่นี่ งั้นเราไปกันเถอะ”

 

“อืม” ชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าพูด

 

“อั้ก โอ๊ย!” ชายหนุ่มร่างกายกำยำกดที่หน้าท้องของเขา ใบหน้าของเขาซีดลงไปทันที

 

“เป็นอะไรไปน่ะ?” ชายหนุ่มอีกคนถาม

 

“มันกำเริบอีกแล้ว! รีบเอายามาให้ฉันเร็วเข้า!” เขาพูดออกมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา

 

“โอเค ทนไว้ก่อนนะ!” ชายหนุ่มอีกคนรีบเข้าไปในตัวรถ แล้วหยิบขวดยาออกมา ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปหาเพื่อนของเขา

 

ชายหนุ่มร่างกายกำยำเทยาออกมาสองสามเม็ด แล้วกลืนมันลงไป หลังจากกินยาเข้าไปได้สักพัก สีหน้าเจ็บปวดทรมานก็ค่อยๆจางหายไป

 

“ดีขึ้นบ้างรึยัง?” ชายหนุ่มอีกคนถาม

 

“อืม ดีขึ้นแล้วล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจออกมา “มันมาจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลย!”

 

อาการป่วยของเขาค่อนข้างแปลก สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ มันไม่มีวิธีดีดีที่สามารถรักษาให้หายได้เลย ถึงแม้ว่าเขาจะลองไปรักษาที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ก็ตามที เขาได้ยินข่าวลือมาว่า มีหมอหนุ่มฝีมือดีอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่เขาก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลองมาดู

 

“กลับกันเถอะ” ชายร่างสูงพูด

 

“เรารออีกสักหน่อยดีไหม?” ชายอีกคนพูด

 

“ไม่จำเป็นต้องรอหรอก” ชายหนุ่มร่างสูงโบกมือ เขารู้สึกกลัวความเจ็บปวดที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไปไม่นาน

 

ถ้าหากความเจ็บปวดที่เพิ่งเกิดขึ้นส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นตามมา ในหมู่บ้านกลางหุบเขาแห่งนี้คงจะไม่มีการรักษาที่ดีพอที่จะรักษาเขาได้ และเขามีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก

 

ในตอนที่ทั้งสองเตรียมจะกลับขึ้นไปนั่งบนรถ พวกเขาก็เห็นรถสองสามคันขับเข้ามาจอดอยู่หน้าคลินิก มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ชายวัยกลางคนแบกคนคนหนึ่งเอาไว้บนหลังของเขา

 

“ที่นี่เหรอ?” ชายวัยกลางคนถาม

 

“ใช่ ที่นี่แหละ” ชายอีกคนพูด

 

“หมอหวังไม่อยู่เหรอ?” ชายวัยกลางคนพูด “เราจะทำยังไงกันดี? เราไปที่บ้านของเขากันดีไหม?”

 

“เราทำแบบนั้นไม่ได้” ชายอีกคนพูด “นี่เป็นกฎของเขา”

 

“กฎเหรอ?” ชายหนุมร่างสูงที่กำลังยืนมองอยู่รู้สึกตกใจ

 

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” ชายวัยกลางคนพูด

 

“อย่ารอเลย รีบไปโรงพยาบาลในเมืองกันดีกว่า” ชายอีกคนพูด “เด็กรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

 

“ใช่ๆ ฉันบอกแล้ว ว่าให้ไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก แต่คุณก็ไม่เชื่อฉัน” ผู้หญิงคนหนึ่งรีบพูดขึ้นมา เธอแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

 

“หืม?” ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากัน

 

ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมาจากภูเขา

 

“หมอหวังมาแล้ว!” มีคนจำหน้าหวังเย้าได้และตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

 

หวังเย้าถูกแม่ของเขาโทรเรียกตัว เขาจึงคิดว่า มีใครบางคนไปที่บ้านของเขาและมันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อเขาถามถึงรายละเอียด เขาก็รู้ว่าไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ตอนที่จางซิวหยิงเอาขยะออกไปทิ้ง เธอก็เห็นรถหลายคันจอดอยู่ที่หน้าประตูคลินิก เธอกังวลว่าอาจจะมีคนป่วยหนักอยู่ในนั้น เธอจึงได้โทรเรียกลูกชายของเธอให้ลงมาดู

 

“หมอหวัง คุณช่วยดูอาการเด็กคนนี้ให้หน่อยได้ไหม?” ชายวัยกลางคนถาม

 

“เข้ามาข้างในเลยครับ” หวังเย้าพูด