ตอนที่1254 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยมีเผ่าปีศาจ?

 

“ข้ารู้เพียงว่า เหล่าบรรพชนของพวกเรามีหน้าที่พิทักษ์ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมาหลายชั่วอายุคนแล้ว จนกระทั้งวันนั้น วันที่เผ่าพันธุ์ของพวกเราเริ่มล้มสลาย หลังจากหนีเข้ามาลี้ภัยอยู่ภายในนี้ ก็ราวกับตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง”

ซือโปเทียนกล่าว

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หยวนก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าไม่รู้จบ

เผ่ามนุษย์ไล่ล่าเผ่ายักษ์หินจนเกือบสูญพันธุ์เพราะความโลภล้วนๆ ในขณะที่เผ่าปีศาจไล่ล้างบางเผ่ามนุษย์หวังเพื่อยึดครองมาเป็นของตน

ใครถูกใครผิดกลับเห็นต่างที่มุมมองและจุดยืน กระทั้งประเด็นนี้เองเย่หยวนก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินได้เช่นกัน

มีเพียงคำพูดเดียวยังคงเป็นความจริงไม่เปลี่ยนผันคือ บนพิภพแห่งนี้ คนอ่อนแอเป็นเหยื่อของคนที่แข็งแกร่งกว่า

แม้เย่หยวนในตอนนี้จะเป็นผู้นำของมวลมนุษย์ แต่เขาก็ไม่มีอำนาจควบคุมมนุษย์ทุกคนได้เบ็ดเสร็จ

บางทีอาจมีอีกหลายเผ่าที่สูญพันธุ์ไปแล้วโดยฝีมือของมนุษย์ เพียงว่าเผ่าพันธุ์เหล่านั้นอาจถูกหน้าประวัติศาสตร์กลบฝังและหลงลืมไปตลอดกาล

 

ในฐานะผู้นำมวลมนุษย์ เย่หยวนต้องมีหน้าที่ปราบปรามเผ่าปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย

มิอาจกล่าวได้ว่าเผ่าปีศาจเป็นฝ่ายผิด แต่เป็นเพราะเย่หยวนคือมนุษย์คนหนึ่ง

 

สำหรับเผ่ายักษ์หินที่เห็นเผ่ามนุษย์เป็นศัตรู เย่หยวนย่อมตระหนักได้เข้าใจดี ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับเผ่ามนุษย์และปีศาจเลย ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เหล่ายักษ์หินโดยรอบกรนด่าสาปแช่งต่อไป

 

แน่นอน หากมีโอกาส เขาเองก็ต้องการปรับความเข้าใจของพวกเขาใหม่

 

“ท่านประมุขซือ วีรกรรมต่างๆนาๆของเผ่ามนุษย์ เย่คนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษ ข้าขอสัญญา หากข้าสามารถกำจัดเผ่าปีศาจได้สำเร็จลุล่วง เย่คนนี้จะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้พวกท่านตั้งถิ่นฐานใหม่และพักผ่อนได้ตามสะดวก”

เย่หยวนผสานมือกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม

 

แม้ว่าเย่หยวนจะมิใช่คนที่ใช้อำนาจบังคับสั่งการอันใดตามใจนึก แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถปล่อยทิ้งไว้ได้จริงๆ ในเมื่อมนุษย์เป็นคนก่อเรื่องขึ้น ดังนั้นก็จำต้องรับผิดชอบเช่นกัน

ทั้งๆที่เผ่ายักษ์หินมิได้อะไรเลย แต่เผ่ามนุษย์กลับตามล่าฆ่าฟันอย่างไร้เหตุผล ไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนก็ไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ

 

“เผ่าปีศาจ? ข้าจำได้ว่า บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยุคบรรพกาลไม่เคยมีเผ่าพันธุ์นี้ดำรงอยู่”

 

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับผงกด้วยความตกใจ!

ไม่เคยมีเผ่าพันธุ์นี้ดำรงอยู่?

เขามิได้กังขาสงสัยในคำกล่าวของซือโปเทียนเลย เขาหลับใหลอยู่ในที่แห่งนี้ไม่รู้กี่แสนปี และบางทีอาจมากกว่าหนึ่งล้านปีด้วยซ้ำ!

นี่แสดงให้เห็นถึงอะไร? สิ่งที่ซือโปเทียนกำลังสื่อก็คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อหลายล้านปีก่อน ยังไม่มีเผ่าปีศาจดำรงอยู่!

หากเช่นนั้น…เผ่าปีศาจมาจากไหน?

 

ความจริงข้อนี้ค่อนข้างทำให้เย่หยวนตกใจอย่างมาก!

 

“ท่าน…ท่านแน่ใจใช่ไหม? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต บางทียังมีอีกหลายเผ่าพันธุ์ที่ท่านยังไม่รู้จัก?”

เย่หยวนยังคงยืนยันคำเดิม เขาพลางคิดว่า กาลเวลาผ่านไปล้านปี ซือโปเทียนอาจมีอาการหลงๆลืมๆไปบ้าง

และสุดท้ายนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขายืนอยู่ก็มีขนาดใหญ่เกินไป!

นอกจากพื้นที่อาณาเขตหลักๆแล้ว ยังมีอีกแล้วดินแดนลึกลับที่ผู้คนไม่รู้จัก

 

อย่างไรก็ตาม ซือโปเทียนกลับส่ายหัวและกล่าวตอบด้วยความมั่นใจว่า

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มิได้กว้างใหญ่อย่างที่ท่านคิด สำหรับเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้ว เพียงพริบตาเดียวก็เดินทางข้ามดินแดนได้ไกลเกินจินตนาการ! แต่สุดท้ายนี้ข้าก็ยังยืนยัน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยมีชื่อเผ่าปีศาจดำรงอยู่”

 

เย่หยวนสูดไอเย็นแช่มเข้าปอดลึก เขาพยายามสงบสติอารมณ์โดยเร็ว

ทันใดนั้น พลันนึกถึงบางอย่างได้ เย่หยวนจึงเอ่ยถามอีกครั้ง

“ท่านประมุขซือ ท่านเคยได้ยินสถานที่นามว่า‘ดินแดนพฤกษานิรันดร์’มาก่อนหรือไม่?”

 

ซือโปเทียนยังคงส่ายหัวและกล่าวว่า

“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน”

 

“หากเช่นนั้น ท่านทราบหรือไม่ว่า ยังมีอาณาจักรพลังที่สูงกว่าอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าหรือไม่? บางทีหลังจากที่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดได้ พวกเขาเหล่านั้นอาจทำลายความว่างเปล่าและขึ้นสู่อีกดินแดนที่อยู่สูงกว่า คล้ายกับคนจากแดนล่างขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์?”

เย่หยวนเอ่ยปากสอบถามไถ่ต่อในทันที

 

“ตามที่ข้าทราบ อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ายังมิใช่จุดสิ้นสุดของเส้นทางแห่งพลัง เหล่าบรรพชนของเผ่ายักษ์หินในกาลอดีตเอง ก็น่าจะมีความแกร่งกล้าเหนือกว่าอาณาจักรพระเจ้าไปแล้วเช่นกัน แต่…พวกเขาก็ยังคงอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มิได้ขึ้นสู่ดินแดนที่สูงกว่าอย่างใด”

ซือโปเทียนกล่าว

 

ปรากฏว่ายิ่งเย่หยวนถามมากเท่าไหร่ ข้อสงสัยก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

ท่านบรรพบุรุษของเผ่ามังกรเคยกล่าวไว้ก่อนหน้าว่า บรรพชนต้นกำเนิดแห่งเผ่าสี่สัตว์เทวะสามารถจัดการยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้เพียงสะบัดมือ

แถมยังเย่หยวนยังจำเทพบรรพบุรุษของเผ่าพยัคฆ์ขาวในอนุสรหณ์ได้เป็นอย่างดี กระทั้งเซียนอาณาจักรพระเจ้ายังต้องก้มหัวให้! และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เย่หยวนจึงเริ่มตั้งข้อสงสัยแล้วว่า ยังมีอาณาจักรพลังที่อยู่สูงกว่าอาณาจักรพระเจ้าจริงๆหรือไม่?

 

หลังจากที่ฟังคำอธิบายของซือโปเทียน เย่หยวนยังกล่าวได้อีกว่า แม้จะสำเร็จอาณาจักรพระเจ้าหรือเหนือกว่านั้น แต่ใครใคร่จะขึ้นสู่ดินแดนถัดไป เกรงว่ามิใช่ทุกคนที่สามารถขึ้นไปได้

แต่อย่างไรก็ตาม…เผ่าปีศาจมาจากไหนกัน?

หากมาจากดินแดนที่สูงส่งกว่า ไฉนจะต้องลดตัวลงมาที่นี่?

 

คำถามนับร้อยพันพรั่งพรูเข้าสู้ห้วงความคิดของเขาจนสับสนมึนงงไปหมด เขาไม่สามารถสลัดสิ่งรบกวนจิตใจเหล่านี้ออกไปได้แม้สักนิด

 

“ช่างเถอะ,ช่างมันไปก่อน! ท่านประมุขซือ,เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ล้วนเกิดการความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เย่คนนี้มิได้มีเจตนาร้ายอันใด พวกเรายังมีธุระสำคัญอยู่ในมือ เช่นนั้นขอตัวลา”

กล่าวจบ เย่หยวนยกมือขึ้นประสานให้อีกฝ่าย

 

“นายท่านต้องการไปที่ใด?”

ซือโปเทียนเอ่ยถาม

 

“พวกเรากำลังเดินทางไปยังเขตพระเจ้าต้องห้ามเพื่อเสาะหาพฤกษาคุนหวู!”

เย่หยวนหาได้มีเจตนาปกปิดอันใดและเอ่ยตอบตามความเป็นจริง

 

ยามนั้น ขุนพลศิลาอดตะลึงมิได้และโพล่งขึ้นกล่าวว่า

“พวกเจ้าคิดจะไปเขตพระเจ้าต้องห้ามจริงๆรึ?”

 

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ขนาดนี้ยังต้องโกหก?”

 

ก่อนหน้าขุนพลศิลายังคิดว่าเย่หยวนคุยโม้เฉยๆ แต่มันคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะเดินทางเข้าไปจริงๆ!

 

“เช่นนั้นให้พวกเราเข้าไปด้วยกันกับท่าน!”

ซือโปเทียนกล่าวตอบทันทีโดยมิได้ลังเลแม้แต่น้อย

 

“แต่…เขตพระเจ้าต้องห้ามเป็นสถานที่อันตรายอย่างยิ่ง ท่านประมุขซือ อย่าเอาความเป็นยความตายของเผ่ายักษ์หินมาเสี่ยงกับข้าเลยดีกว่า”

สีหน้าเย่หยวนเหยียบเย็นเคลือบแข็งในทันทด พร้อมกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม

 

ทว่าเจตจำนงของซือโปเทียนช่างกล้าแกร่งและมั่นคงยิ่ง เขายังคงกล่าวตอบอย่างไม่ไหวติงว่า

“พวกเรามีหน้าที่พิทักษ์ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพตั้งแต่สมัยบรรพกาล ในเมื่อเจ้าของศิลาจารึกบัลลังก์พิภพรุ่นปัจจุบันคือท่าน ดังนั้นแล้วเราย่อมต้องปกป้องท่านจวบจนชีวิตจะหาไม่! แม้ตายก็ตายในหน้าที่ พวกเราย่อมไม่มีวันหวนคืนเสียใจ!”

 

 

เย่หยวนไม่คิดเลยว่า ซือโปเทียนจะมีความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้ กลับเป็นเขาเสียเองที่ไม่มีสิทธิ์ตั้งสินใจเลือกอะไรได้

ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่นัก หากเขาต้องเป็นต้นเหตุที่ทำให้เผ่ายักษ์หินต้องสูญพันธุ์ไป ตราบาปนี้กลับยากที่จะลบออกจากจิตใจแม้ตายลง

 

“แน่ใจแล้ว? แต่ข้าว่าพวกท่านอยู่ตรงนี้ไปก่อนดีกว่า เอาเช่นนี้,หลังจากที่ข้าออกจากเขตพระเจ้าต้องห้ามได้ ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปสู่โลกภายนอกด้วยกัน”

เย่หยวนครุ่นคิดพินิจกับตัวเองครู่ใหญ่ ก่อนกล่าวเสนอออกไป

หากเขาสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ มหาศึกใหญ่ที่รอเขาอยู่ข้างนอกก็มิน่าใช่ปัญหาเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดก็สามารถการันตีความปลอดภัยของเผ่ายัก์หินเหล่านี้ได้

 

“ความแกร่งกล้าของซือโปเทียนตนนี้ ก็เคยเป็นถึงเซียนอาณาจักรพระเจ้าขนานแท้ในกาลอดีต! ข้าคิดว่าตนเองน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง! ไม่ว่านายท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ซือโปเทียนก็ขอติดตามท่านไปด้วยทุกที!”

 

เย่หยวนถึงกับทำอะไรไม่ถูก จุดแข็งของซือโปเทียนผู้นี้เหนือชั้นกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด หากมีการดำรงอยู่ระดับนีติดสอยห้อยตามไปด้วย ย่อมอุ่นใจกว่านแน่นอน

 

“เอาล่ะ ข้ากล่าวอันใดไปคงปฏิเสธ จากนี้ต่อไป พวกเจ้าเข้ามาอยู่ในเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เสมือนไปก่อน ยามใดที่ข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะเรียกพวกเจ้าออกมาเอง”

เย่หยวนหันไปกล่าวกับยักษ์หินตนอื่นๆโดยรอบ และเรียกเจดีย์เลื่องสวรรค์ออกมาพร้อมนำพวกเขาเข้าไปทันที

อาณาเขตของเผ่ายักษ์หินอยู่ไม่ไกลนักจากเขตพระเจ้าต้องห้าม

 

พริบตาเดียว หนึ่งเดือนผ่านพ้นไป ในที่สุดกลุ่มของเย่หยวนก็เดินทางมาถึงเขตพระเจ้าต้องห้ามในท้ายที่สุด

“พี่ใหญ่ เขตพระเจ้าต้องห้ามแห่งนี้ให้ความรู้สึกคับคล้ายกับดินแดนผีสิง ช่างว่างเปล่าและน่าขนหัวลุกยิ่ง! เพียงย่างกรายเข้ามาในที่แห่งนี้ ร่างกายกลับสั่นเทาโดยมิตั้งใจ!”

อิ้งหมัวหู่เอ่ยกล่าวขึ้นพลางยกมือลูบแขนตัวเองเล็กน้อย

เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นที่รกร้างแสนว่างเปล่า

ยังไม่ทันเข้าสำรวจ รัศมีพลังผันผวนอันน่าสะพรึงหอบใหญ่ก็พัดผ่านปะทะร่างเสียแล้ว

 

ไม่เพียงอิ้งหมัวหู่ที่รู้สึกเช่นนี้ กระทั้งเย่หยวนยังต้องหายใจติดขัดไปเช่นกัน

ประหนึ่งต้นไม้ใบไม้หรือแม้แต่สรรพสิ่งโดยรอบมีสัมผัสพิเศษอย่างน่าพิสดาร

ในบริเวณนี้ดูท่าจะแตกต่างไปจากภายนอกโดยสิ้นเชิง!

 

ทันทีทันใด ญาณเหนือสัมผัสของเย่หยวนคล้ายสั่นระฆังเตือนขึ้นกลางใจ!

 

“ระวัง!”

คลื่นพลังสีโลหิตสองสายพวยพุ่งเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัว นี่เป็นการลอบโจมตีพวกเขาจากด้านหลังอย่างไม่ต้องสงสัย

ญาณเหนือสัมผัสของเย่หยวนค่อนข้างมีปฏิกิริยาว่องไวเฉียบคมยิ่ง ทว่าคราวนี้ เขาเองก็เพิ่งจับสัมผัสได้ทันทีที่การโจมตีพุ่งถึงตัว

คลื่นพลังสีโลหิตสองสายนี้เล็งเป้าไปยังอิ้งหมัวหู่กับลี่เอ๋ออย่างชัดเจน และทั้งสองไม่สามารถตอบสนองรับมือใดๆได้ทัน

 

กระบวนโจมตีนี้ช่างกล้าแกร่งอย่างยิ่ง!

 

เขตแดนจักรพรรดิแห่งดาบ!

เคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำ!

เย่หยวนพุ่งตัวเข้ามาปกป้องอิ้งหมัวหู่และลี่เอ๋ออย่างรวดเร็วทันควัน

 

บูมม! บูมมม!

 

คลื่นพลังสีโลหิตทั้งสองสายกระหน่ำเข้าใส่เย่หยวนโดยหาได้บ่ายเบี่ยงอันใด

 

“พร๊วดดด!”

เย่หยวนกระอัดพ่นเลือดสดคำโต พร้อมร่างที่ถูกซัดถอยออกไปหลายสิบก้าว

แม้แต่เคล็ดมหาดาราย้อนสวรรค์ของสามเทพอสูรยังไม่สามารถทลายปราการป้องกันเหล็กกล้าของเย่หยวนได้ ทว่าคลื่นพลังสีโลหิตทั้งสองสายจากทิศทางใดไม่ทราบกลับเล่นเอาเย่หยวนบาดเจ็บสาหัสได้ในคราเดียว!

 

“พี่ใหญ่!”

“ท่านพี่หยวน!”

เสี้ยวอึดใจพลันตอบสนอง อิ้งหมัวหู่กับลี่เอ๋อที่เห็นดังนั้นต่างกรีดร้องขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

 

“ฮิฮิ นับเป็นการป้องกันที่ทรงพลังไม่น้อย! ดูท่าเจ้าจะได้รับสืบทอดเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำมาด้วน แต่นั้น…ยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ!”

เสียงหัวเราะแปลกๆชวนขนลุกลั่นดังขึ้น ร่างของจู่เก๋อฉิงซวนค่อยๆประจักขึ้นสู่สายตาของทั้งสาม