บทที่ 303 จู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 303 จู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว
บทที่ 303 จู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว

“ไม่ว่าเขาจะเลวขนาดไหน แต่คน ๆ นั้นก็ยังเป็นลุงสองของแก! แกกล้าดียังไงถึงไปด่าเขาอย่างรุนแรงขนาดนั้น?”

หลี่ชงซานตำหนิลูกชายตัวเอง

“โธ่พ่อ! คนแบบนั้นเราไม่ควรนับญาติด้วยหรอก พ่อเองก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อวานนี้เขายังไม่เห็นเราเป็นญาติเลย!”

หลี่จิงเทียนเถียงกลับเสียงแข็งอย่างน่าประหลาดใจ

หลี่อิงไห่กล้าด่าว่าเขาเป็นขยะต่อหน้าเขา ซึ่งถ้าอีกฝ่ายยังคงมีอิทธิพลเหมือนเดิม เขาคงไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้

แต่ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้แล้ว หากเขาไม่เหยียบย่ำอีกฝ่ายจนถึงที่สุด เขาก็คงไม่ใช่หลี่จิงเทียนผู้ที่เจ้าคิดเจ้าแค้นแน่นอน!

“แก!”

หลี่ชงซานต้องการจะโต้แย้ง แต่เมื่อคิดได้ถึงฉากเมื่อวาน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองใจอ่อนเกินไปจริง ๆ เมื่อวานนี้หลี่อิงไห่ทำตัวราวกับว่าเขาไม่ใช่ญาติจริง ๆ

ในที่สุด หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความโกรธของเขาก็กลายเป็นความจนใจ

“ช่างเถอะ มันเป็นลุงสองของลูกจริง ๆ ที่ผิด เอาล่ะ มานั่งลงกินข้าวกันต่อ”

“ผมขอออกความเห็นสักหน่อยนะพ่อ! ผมคิดว่าพ่อใจอ่อนเกินไป ถ้าผมเป็นพ่อ ผมจะไล่หลี่อิงไห่ออกจากตระกูลเราในทันที!”

หลี่จิงเทียนพึงพอใจเป็นอย่างมากที่พ่อของเขาเห็นด้วยกับคำพูดของเขาอีกครั้ง ดังนั้นจึงกล้าพูดเสนอความคิดเห็นของตัวเองต่อ

หลี่ชงซานเหลือบมองลูกชายที่ไม่เอาถ่านของตัวเองอย่างเหนื่อยใจ และอดไม่ได้ที่จะตวาดขึ้นอีกรอบ

“ถ้ายังพูดจาไร้สาระต่อไปอีก เดือนนี้ฉันจะไม่ให้เงินแกสักหยวน!”

“ห๊ะ?”

“อ…เอ่อ…ด…ได้พ่อ ผมจะกิน ๆ ผมไม่พูดต่อแล้วก็ได้…”

หลี่จิงเทียนตื่นตระหนกทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขารีบนั่งลงและกินข้าวต่อไปทันที

ตอนนี้เขาไม่มีงานทำ และเครือฮ่าวหรานก็ไม่เรียกเขากลับไปทำงาน ดังนั้นถ้าพ่อของเขาไม่ให้เงิน คงต้องอยู่แต่ในบ้านตลอดเพราะไม่มีเงินแม้แต่จะออกไปกินข้าวนอกบ้าน!

อีกด้านหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานทำงานเสร็จหลังจากสี่โมงเย็นและกลับบ้านพร้อมกับถวนถวน

อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้จะถึงคอนโดและเหยียบเบรกรถ รถเบนซ์สีดำของเขาก็สั่น ราวกับว่าเบรกมีปัญหา

หลังจากลงจากรถ เขามองเข้าไปใกล้ ๆ และพบว่าระบบเบรกผิดปกติจริง ๆ

ปัญหาเล็กนี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ในภายหลัง มันจึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ทว่าเมื่ออวี้ฮ่าวหรานมองไปที่สภาพของรถ ซึ่งมีแต่รอยขีดข่วนเต็มไปหมด ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าเขาควรเปลี่ยนรถ

ในฐานะประธานของเครือฮ่าวหราน ซึ่งมีทรัพย์สินระดับพันล้านหยวน การซื้อรถสักคันเป็นเรื่องเล็กราวกับออกไปกินข้าวหน้าบ้าน

หลังจากตัดสินใจได้ เขาก็วางแผนเอาไว้ว่าจะไปซื้อรถใหม่ในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตาม ให้ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูเข้าไปในห้อง เขาได้ยิน หลี่หรงกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ารังเกียจ

“เออ! ฉันเข้าใจแล้ว แค่นี้แหละและอย่าโทรมาอีก! เดี๋ยวฉันจะพาถวนถวนไปดูเอง!”

ทันทีที่พูดจบ หลี่หรงก็วางสายอย่างรุนแรง และจากนั้นคิ้วที่ขมวดของเธอก็ค่อย ๆ คลายลง เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ

เมื่อเห็นฉากนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ

“ทำไม? ใครทำให้ประธานหลี่ของเราแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวขนาดนี้?”

หลี่หรงหันขวับไปจ้องเขม็งที่อวี้ฮ่าวหรานทันที เมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น

“พี่เดาไม่ออกหรือไงว่ามันคือหลิวเทียนอี้! พี่ไปบล็อกเบอร์โทรของไอ้อ้วนนั่นจนหมด จนตอนนี้ฉันก็เลยเป็นคนซวย เพราะไอ้อ้วนนั่นโทรหาได้แต่ฉัน! ถ้าไม่ใช่เพราะลูก ๆ ของไอ้เจ้าลูกกวาดของเรายังอยู่ที่นั่น ป่านนี้ฉันเองคงบล็อกเขาไปแล้วเหมือนกัน ชิ!”

เมื่อพูดจบ หลี่หรงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและบันทึกเบอร์โทรของหลิวเทียนอี้ด้วยชื่อ ‘คนน่าขยะแขยง’

“ต้องเขียนเอาไว้แบบนี้! คราวหน้าที่เมื่อไหร่มันโทรมาฉันจะได้เตรียมใจได้ถูก!”

อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก หายากมากที่หลี่หรงจะรังเกียจใครได้ขนาดนี้

“เขาโทรมามีอะไรงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าเป็นเรื่องของลูก ๆ ของเจ้าลูกกวาด ตอนนี้พวกมันโตขึ้นมากแล้ว ดังนั้นไอ้อ้วนนั่นก็เลยโทรมาถามว่าเราจะไปดูพวกมันหรือเปล่า”

ทันทีที่หลี่หรงพูดจบ ก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้พูดตอบ ถวนถวนก็ตะโกนถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที

“ลูกของเจ้าลูกกวาดโตแล้วเหรอ ถวนถวนอยากเห็น! ถวนถวนอยากเห็นพวกมัน!!”

เด็กน้อยตะโกนขึ้นอย่างมีความสุข ดวงตากลมโตของถวนถวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ยังมีอีกเรื่อง ชายน่ารังเกียจคนนั้นยังถามอีกว่าบริษัทของพี่มีแผนจะซื้อรถเพิ่มเร็วๆ นี้ไหม เขาบอกว่ารถหรูชุดใหม่เพิ่งมาถึงไม่กี่วันมานี้”

หลี่หรงพูดต่ออีกครั้ง

อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้วขึ้นทันที ตอนนี้เขากำลังต้องการเปลี่ยนรถจริง ๆ ระบบเบรกรถของเขามันผิดปกติ

“พรุ่งนี้บ่ายพี่จะไปซื้อรถ และหลังจากนั้นพอถวนถวนเลิกเรียน พี่จะพา ถวนถวนไปที่บ้านของหลิวเทียนอี้เพื่อดูลูก ๆ ของเจ้าลูกกวาด”

“พี่เขย ในที่สุดพี่ก็เปลี่ยนรถสักที!”

หลี่หรงแสดงสีหน้ายินดีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ราวกับว่าเธอเคยบ่นเรื่องรถของพี่เขยเธอมาก่อนแล้ว

“เมอร์เซเดสเบนซ์ของพี่มันเละเทะซะขนาดนั้น พี่ควรจะเปลี่ยนมันตั้งนานแล้ว!”

“จริง ๆ แล้วหากตอนนี้ระบบเบรกของมันไม่มีปัญหาพี่คงไม่เปลี่ยนหรอก พี่ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าภายนอกของมันจะเละถึงขนาดไหน”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นอย่างสบาย ๆ เขาไม่ได้ใส่ใจกับพวกรถหรูหรือเครื่องแต่งกายราคาแพงแม้แต่น้อย

เขาได้สัมผัสกับความหรูหราขั้นสุดในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมาตอนอยู่ในดินแดนแห่งเทพมาแล้ว ดังนั้นความหรูหราของโลกมนุษย์นั้นจึงไม่มีค่าอะไรในสายตาของเขา…

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ของโลกใต้ดินเมืองฮ่วยอันกำลังวุ่นวายอย่างมาก!

ภายใต้คำสั่งของโจวเฟยหู่ แก๊งพยัคฆ์เวหา รวมถึงแก๊งเล็ก ๆ ที่จับมือกันทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหว

ใช้ประโยชน์จากการไม่ระวังตัว พวกเขาโจมตีกลุ่มวาฬยักษ์อย่างรุนแรง

ช่วงกลางดึก แก๊งวาฬยักษ์ถูกโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว! และสูญเสียพื้นที่สำคัญหลายแห่งไปอย่างรวดเร็ว

คฤหาสน์แก๊งฉลามคลั่งของกงซุนซา

เคร้ง!!

“มันมากเกินไปแล้ว! โจวเฟยหู่ผู้นี้! มันไม่กลัวความตายเลยใช่ไหม?”

หลังจากที่หลิ่วอวี้จิงได้ยินข่าวจากลูกน้อง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเดือดดาล พร้อมกับบีบถ้วยชาในมือจนแตกละเอียด

คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าเริ่มก่อน!

“ฮี่ฮี่ ทำไมน้องหลิ่วต้องกังวลด้วย? นี่มันแค่การดิ้นรนของพวกหมาจนตรอกก็แค่นั้น”

กงซุนซาที่นั่งอยู่อีกฝั่งไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาจิบชาอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม

“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดี? พี่กงซุนต้องการจะตอบโต้กลับเลยไหม?”

ที่ผ่านมา หลิ่วอวี้จิงมักจะมีความเห็นต่างจากกงซุนซาตลอด แต่ตอนนี้เมื่อได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแล้ว หลิ่วอวี้จิงจึงยินยอมให้อีกฝ่ายเป็นผู้ตัดสินใจแทนตัวเขา

ความปรารถนาในความแข็งแกร่งนั้นทำให้เขายอมได้ทุกอย่าง

กงซุนซาวางถ้วยน้ำชาลงเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย

“การโต้กลับเป็นเรื่องที่แน่นอน ในเมื่อแก๊งพยัคฆ์เวหาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ดังนั้นเราเองก็ต้องเคลื่อนไหวบ้างเช่นกัน!”

ขณะที่เขาพูด ก็เหลือบไปมองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ แน่นอนว่ากงซุนซามีแผนอยู่แล้วในใจ

“อย่างไรก็ตาม ผู้คนของแก๊งฉลามคลั่งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในขณะนี้ น้องหลิ่วก็น่าจะรู้ดีว่าการที่เราจะรวมกลุ่มกันนั้นมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนพอสมควร”

หลิ่วอวี้จิงผงะเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกับการเป็นหัวหน้าแก๊ง เขาก็เข้าใจในความหมายของคำพูดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“พี่กงซุนหมายถึง ให้แก๊งวาฬยักษ์ของฉันออกไปจัดการกับคนพวกนั้นก่อนใช่ไหม?”

“ฮ่า ๆ หัวหน้าแก๊งหลิ่วมีไหวพริบที่เป็นเลิศจริง ๆ เยี่ยมจริง ๆ ที่มีคนฉลาดอย่างน้องหลิ่วอยู่ข้างกาย!”

กงซุนซาหัวเราะคิกคักพลางตอบกลับ

แผนของเขานั้นง่าย ๆ แก๊งวาฬยักษ์จำเป็นต้องแสดงความจริงใจโดยการสร้างผลงานเพื่อเข้าร่วมแก๊งของเขา และอีกอย่างแก๊งวาฬยักษ์จำเป็นต้องถูกบั่นทอนความแข็งแกร่งลงไป ไม่เช่นนั้นหากรวมกันในเวลานี้ คนของแก๊งวาฬยักษ์บางคนอาจจะยังหยิ่งผยองกับความแข็งแกร่งของตัวเองและสร้างปัญหาให้กับการรวมกลุ่มกันระหว่างทั้งสองแก๊ง

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ หลิ่วอวี้จิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเล

หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจะเดินจากไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากกงซุนซา!

แก๊งวาฬยักษ์คือความพยายามอันอุตสาหะของเขา เขาจะทนมองดูมันตายอย่างไร้ค่าได้ยังไง?