บทที่ 340 ลืมเลือน (6)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 340 ลืมเลือน (6)

ลู่เซิ่งผุดสีหน้าใคร่ครวญแวบหนึ่ง ก่อนจะเก็บตำราไว้ที่เดิม

“เจ้าชื่ออะไร” เขาหันไปมองเฟ่ยไป๋หลิง

“เฟ่ยไป๋หลิง ไป๋จากสีขาว หลิงจากผ้าไหม” เฟ่ยไป๋หลิงตอบตามตรง กำลังเก็บสมุดบันทึกบนพื้นขึ้นมาอ่านอยู่พอดี

“เฟ่ยเซินเต๋อบิดาเจ้าชอบออกทะเลหรือ”

“ไม่เคยได้ยินมาก่อน ท่านพ่อของข้าชอบเก็บงานพู่กัน ภาพวาดและของโบราณ” เฟ่ยไป๋หลิงส่ายหน้า พอดีที่นางพลิกไปเห็นคำพูดนั้น สีหน้ากลายเป็นซีดขาวทันที

“เป็นอะไรไป เจ้าคิดอะไรออกหรือ” ลู่เซิ่งซักทันใด

“ข้าเคยได้ยินลูกผู้พี่เล่าให้ฟังว่า พวกท่านพ่อได้ของโบราณชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ กำลังตั้งใจทดสอบความสามารถพิเศษในของโบราณชิ้นนั้นอยู่พอดี…” เฟ่ยไป่หลิงกล่าวเสียงกระซิบ “หรือว่าผลกระทบจากของโบราณชิ้นนั้นทำให้ตระกูลกลายเป็นแบบนี้”

“ไม่รู้ แต่ก็มีความเป็นไปได้” ลู่เซิ่งพยักหน้า

เขาเดินวนในห้องอีกรอบ ไม่พบเบาะแสใดๆ ที่มีประโยชน์ อีก จึงค่อยเดินออกจากห้องนอน

“พาข้าไปหาห้องเก็บของสะสมของบิดาเจ้า” ลู่เซิ่งสั่ง

“ตกลง” เฟ่ยไป๋หลิงไม่ลังเล นางไม่ทราบว่าบุรุษผู้นี้เข้ามาทำอะไร กระนั้นตอนนี้เขาเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวในการออกจากที่นี่ของนาง และความหวังหนึ่งเดียวที่จะช่วยเหลือผู้ตรวจการณ์ซือหม่าซิ่ว ดังนั้นนางจึงตัดสินใจร่วมมือกับอีกฝ่ายสุดกำลัง

ทั้งสองเดินไปตามระเบียงต่อ

“ท่านพี่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกของเด็กผู้หญิงดังมาจากด้านหลังอย่างรางเลือน

เสียงเฉื่อยชาอยู่บ้าง ไม่มีเสียงสูงต่ำ เหมือนกับเสียงทักทายตอนพบเจอกันในยามปกติ

เฟ่ยไป๋หลิงผุดสีหน้ายินดี หันกลับไปในทันที

“ชิงชิง! ใช่เจ้าหรือไม่ชิงชิง!?” นางเห็นเด็กผู้หญิงสวมกระโปรงขาวที่ยืนอยู่ในความมืดครึ้มของระเบียง สีผิวขาวซีดของอีกฝ่ายสะดุดตาเป็นพิเศษท่ามกลางความมืดมิด

“ท่านพี่ กลับมาเถอะ อยู่ด้วยกันกับข้า พวกเราไม่ต้องสนใจคนอื่นๆ ขอแค่พวกเราอยู่ด้วยกันก็พอ…” เด็กผู้หญิงกล่าวเสียงกระซิบ

“อยากให้ข้าอยู่กับเจ้าด้วยหรือไม่” ลู่เซิ่งชะโงกหน้าเข้ามาขัดขวางการพบหน้ากันอีกครั้งของพี่น้อง เขาถือกระบี่เดินเอื่อยๆ เข้าหาเด็กผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับเลียริมฝีปาก

“ท่านพี่…หนีไปก็เปล่าประโยชน์…นี่เป็นชะตากรรมของพวกเรา…” เด็กผู้หญิงกระซิบ ไม่สนใจลู่เซิ่งแม้แต่น้อย

“เพราะเจ้า นางเลยอยู่ที่นี่ได้นานขนาดนี้กระมัง” ลู่เซิ่งยิ่งเดินยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งเดินยิ่งประชิด

“เมื่อช่องว่างเปิดออก ทุกอย่างจะกรูกันออกมา พวกเราช่วยอะไรไม่ได้ เขตทั้งเขตไม่อาจช่วยเหลือ” เด็กผู้หญิงกล่าวอย่างสงบ “ฉวยโอกาสที่ข้ายังรักษาสติส่วนหนึ่งไว้ได้ ท่านพี่ตัดสินใจเถอะ”

ตุบ

เวลานี้ลู่เซิ่งเดินมาถึงด้านหน้าเด็กผู้หญิงแล้ว เขาก้มลงมองนาง

เด็กผู้หญิงยังคงพูดอย่างราบเรียบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่มีประโยชน์ ท่านทำร้ายข้าไม่ได้ ไม่ว่าท่านจะแข็งแกร่งขนาดไหนในโลกเดิม แต่สำหรับข้าแล้ว ล้วนเป็นแค่…อั่ก!”

คอของนางถูกมือใหญ่ที่เหมือนกับคีมยักษ์บีบเอาไว้ ร่างถูกยกขึ้นด้วยมือข้างเดียว

“บอกมา สิ่งที่ทำให้พวกเจ้ากลายเป็นแบบนี้อยู่ที่ไหนกันแน่” ลู่เซิ่งสนใจสิ่งนี้มาก

“ท่านพี่…อย่าฟังคำโกหกของนาง! นางเป็นตัวปลอม นางต้องการหลอกท่านเพื่อให้ท่านติดอยู่ที่นี่ตลอดกาล!” ทันใดนั้นสุดปลายระเบียงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของพวกลู่เซิ่ง ก็มีเด็กผู้หญิงขาวซีดที่สวมกระโปรงขาวเหมือนกันเดินออกมา

ใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนกับคนตรงหน้า เพียงแต่ว่ากระสับกระส่ายเล็กน้อย ขาดความเยือกเย็นหลายส่วน มีความจริงใจหลายส่วน

เฟ่ยไป๋หลิงมองด้านหน้าแล้วมองด้านหลัง นางปวดศีรษะอย่างกะทันหัน น้องสาวทั้งสองเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แม้แต่ตำหนิบนร่างที่เล็กมากก็ยังเหมือนกัน

“ท่านพี่ ฟังข้า รีบตามคนผู้นี้ไป!”

“ท่านพี่ อย่าไป ท่านไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ออกจากที่นี่ไปท่านจะจบสิ้นอย่างแท้จริง!”

“ท่านพี่ อย่าฟังนาง สิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะรับมือได้ รีบออกไปจากที่นี่สำคัญที่สุด”

“ท่านพี่ ข้าต่างหากตัวจริง นางกำลังหลอกลวงท่าน เป้าหมายของนางคือต้องการให้ท่านออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้…”

“ท่านพี่ ฟังข้า…”

“ท่านพี่ ข้าเป็นตัวจริง…”

“หนวกหูๆๆๆ! หนวกหูจะตายแล้ว!”

ตูม!

กำแพงของห้องนอนด้านข้างถูกลู่เซิ่งตบถล่มด้วยหนึ่งฝ่ามือ หินทรายจำนวนมากกระจัดกระจายออกมา ในนี้มีปราณจริงแท้กับแก่นมารแทรกอยู่ด้วย

เฟ่ยชิงชิงที่เป็นเด็กผู้หญิงสองคนถูกกรวดหินกระเด็นใส่ ร่างจางลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หายไป

“นำทางไปห้องเก็บของสะสม” ลู่เซิ่งมองเฟ่ยไป๋หลิงอย่างเหลืออด

“เฟ่ยไป๋หลิงรีบพยักหน้าอย่างสั่นกลัว”

“ท่านพี่! ท่านไปไม่ได้!”

“ท่านพี่ ท่านต้องไป ที่นั่นเป็นบ่อเกิดของทุกอย่าง!”

“นางกำลังโกหก สิ่งที่ซ่อนอยู่ที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะแตะต้องได้”

“นางต่างหากที่โกหก! รีบออกไปจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด…”

เปรี้ยง!

ลู่เซิ่งฟาดศีรษะของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจนแหลก

จากนั้นก็วูบไหวร่างดุจสายฟ้า อาศัยจังหวะที่เด็กผู้หญิงอีกคนไม่ทันตั้งตัวฟันกระบี่ใส่

เปรี้ยง!

เด็กผู้หญิงถูกพละกำลังอันมหาศาลบนตัวกระบี่ฟาดโดนตัว ร่างกระเด็นออกไปกระแทกกับกำแพงด้านข้างอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็ระเบิดกลายเป็นเลือดเนื้อกองหนึ่ง ค่อยๆ ไหลลงมา

“ชิงชิง!” เฟ่ยไป๋หลิงตกใจ ทั้งหวาดกลัวทั้งทำอะไรไม่ถูก “ชิงชิง! อย่าตายนะ!” นางรีบพุ่งเข้าไป แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกลู่เซิ่งสับฝ่ามือใส่คอ ก่อนสลบไสลไป

ลู่เซิ่งโคลงศีรษะ ในขณะที่หิ้วเฟ่ยไป๋หลิงไว้ พอสัมผัสได้ว่ามีพลังอาวรณ์เล็กๆ สองสายค่อยๆ ไหลเข้ามาในร่าง อารมณ์พลันเบิกบานขึ้นไม่น้อย

เฟ่ยไป่หลิงมองไม่ออก มีหรือเขาจะมองไม่ออกด้วย คนทั้งสองเป็นตัวปลอม พูดคำโกหกมดเท็จเหลวไหลเพื่อล่อลวงเฟ่ยไป๋หลิง ทำให้นางแยกแยะความจริงไม่ออก

‘น่าเสียดายที่มาเจอข้า’ ลู่เซิ่งสนใจตระกูลเฟ่ยขึ้นเรื่อยๆ

เขายกกระบี่ขึ้น ตัวกระบี่ที่ฟาดใส่เฟ่ยชิงชิงเมื่อครู่กำลังเลือนหายและบิดเบี้ยว แสดงให้เห็นว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ความจริงเมื่อครู่ในสองคนนั้นไม่แน่จะไม่มีตัวจริง แน่นอนว่าต่อให้ฆ่าตัวจริงไป ลู่เซิ่งก็ไม่มีทางยอมรับ

ขอแค่เป็นคนที่เขาฆ่า ล้วนเป็นตัวปลอมทั้งนั้น

ลู่เซิ่งคิดแบบนี้

เขาหิ้วเฟ่ยไป่หลิงด้วยมือข้างหนึ่งพร้อมเล็งหาทิศทาง จากนั้นก็ถีบกำแพงที่เหลืออยู่จนล้ม ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้อง

ตูม!

เกิดเสียงดังสนั่น กำแพงในห้องถูกลู่เซิ่งถีบถล่ม เขาเดินเข้าไปในช่องใหญ่บนกำแพง อีกด้านหนึ่งของช่องคือห้องนอน

ตูม!

เขาใช้วิธีการเดิมซ้ำอีก โดยฟันกระบี่ใส่กำแพงหินที่ขวางทางอยู่ด้านหน้า ปราณจริงแท้อันร้อนแรงและบ้าคลั่งรับผิดชอบเป่ากรวดหินออกไป สิ่งที่มีผลอย่างแท้จริงคือพละกำลังทางกายเนื้ออันน่าสะพรึงกลัวของเขา

กลิ่นอายประหลาดที่กระจายอยู่ในอากาศเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากลู่เซิ่งเดินเข้าใกล้

หลังจากตัดทะลุห้องนอนสามห้อง เขาก็มาถึงสวนดอกไม้แห่งหนึ่งที่มีบ่อน้ำ คนคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างบ่อน้ำโดยหันหลังให้เขา มองไม่เห็นใบหน้า

ลู่เซิ่งมองอยู่ห่างๆ แยกแยะออกว่านั่นเป็นบุรุษซึ่งกำลังใช้สองมือยันขอบบ่อน้ำโดยไม่ขยับเขยื้อน

ครืน

สายฟ้าแลบขึ้น ส่องสว่างทุกสิ่งในพริบตา

ลู่เซิ่งค่อยเห็นชัดว่าคนผู้นั้นสวมเครื่องแบบผู้ตรวจการณ์จากกรมหยินหยางในเขตจันทราสารท อีกทั้งมือของเขายังถูกตะปูตอกติดกับหินขอบบ่อ เลือดหลายสายไหลตามขอบลงไปในบ่อ

“ผู้ตรวจการณ์ซือหม่า!?” อยู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังลู่เซิ่ง

เขาหันไปเห็นหญิงสาวงดงามสวมอาภรณ์สีขาวที่มุดออกมาจากช่องบนกำแพงด้านหลัง

หญิงสาวคนนี้ก็คือเฟ่ยไป๋หลิงที่เขาเพิ่งฟาดสลบไป!?

ลู่เซิ่งงุนงง ก่อนจะมองเฟ่ยไป๋หลิงที่ตนหิ้วอยู่ แล้วมองดูเฟ่ยไป๋หลิงที่มุดออกมาด้านหลังอีกรอบ

“นั่น…นั่นมัน…!?” พอเฟ่ยไป๋หลิงที่อยู่ด้านหลังเห็นคนบนมือลู่เซิ่ง หน้างามก็ฉายแววแตกตื่นหวาดกลัว

“เกิดอะไรขึ้น!? เหตุใดจึงมีคนที่เหมือนกับข้าได้!?”

“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” ลู่เซิ่งยกเฟ่ยไป๋หลิงขึ้นมาสะบัดๆ กลับพบเห็นอย่างประหลาดใจว่าฝ่ามือของตนที่จับนางอยู่กลายเป็นกึ่งโปร่งแสงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ

“คนไหนตัวจริงคนไหนตัวปลอมกันแน่” ลู่เซิ่งสงสัยอยู่บ้าง แต่ไม่นานเขาก็คร้านจะขบคิด สนใจทำไมว่านางเป็นตัวจริงตัวปลอม ขอแค่ไปถึงต้นตอ ความจริงก็จะปรากฏเอง

เขาไม่สนใจคนข้างบ่อน้ำ หากเดินอ้อมไปจากด้านขวา แล้วตัดตรงไปยังห้องเก็บของสะสมที่อยู่ทางซ้ายสุดของห้องแถว

เปรี้ยง

สลักประตูถูกทำลาย ลู่เซิ่งผลักประตูเข้าไป พริบตาที่เห็นด้านในห้องเก็บของสะสม เขาก็อดงุนงงไม่ได้

ในห้องเต็มไปด้วยของสะสม ทว่าตรงกลางมีคันฉ่องทรงกลมบานหนึ่ง เป็นคันฉ่องแก้วที่ขนาดสูงเท่าคน

ความน่าประหลาดก็คือสิ่งที่คันฉ่องสะท้อนไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในห้อง หากเป็นถ้ำอันเวิ้งว้างสีเทาที่ปิดสนิท ตรงกลางถ้ำมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง สิ่งที่ฉายออกมาในกระจกก็คือแกนกลางของบ่อน้ำบ่อนี้

หมอกสีเทาจางๆ จำนวนมากไหลออกมาจากบ่อน้ำเป็นระยะ จากนั้นก็แผ่กระจายตามคันฉ่องออกไปด้านนอก

หมอกสีเทาเหล่านี้เพิ่งจะออกมาก็สลายหายไปในอากาศ ไม่เหลืออะไรสักอย่างเดียว แต่ลู่เซิ่งรู้สึกในทันทีว่าหมอกสีเทานี้เป็นต้นตอของกลิ่นเหม็นที่ตนสัมผัสได้

“สิ่งนี้คือ…ประตูแห่งความเจ็บปวด…” ลู่เซิ่งคิดขึ้นได้ในทันที สูดหายใจเย็นเยียบเฮือกหนึ่ง

เขาเคยเห็นประตูใหญ่บนลานกว้างทองคำ และเคยแย่งชิงประตูที่คล้ายกันมาบานหนึ่ง แต่ว่านั่นไม่ใช่ประตูที่เปิดได้จริงๆ

ตามบันทึกบนคัมภีร์รวมถึงคำบรรยายของราชาเงามืด พวกมันแค่เชื่อมไปยังเขตกันชนใกล้ๆ โลกแห่งความเจ็บปวดเท่านั้น

ส่วนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะเป็นทางเชื่อมที่เชื่อมสู่โลกแห่งความเจ็บปวดอย่างแท้จริง

ตอนนี้เฟ่ยไป๋หลิงที่มาทีหลังตามเข้ามาแล้ว นางยืนอยู่หลังลู่เซิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยังมีซือหม่าซิ่วก็ติดตามมาด้วยสีหน้าเฉื่อยชาเช่นกัน มือถือมีดสั้นไว้เล่มละข้าง เพียงแต่ส่วนปลายเล็กๆ ของมีดสั้นอยู่ในสภาพโปร่งแสง

สวบ!

ทันใดนั้นลู่เซิ่งก็รู้สึกปวดที่มือขวา เฟ่ยไป๋หลิงที่ก่อนหน้านี้สลบไสล ไม่ทราบว่าเอามีดสั้นที่เหมือนกันเล่มหนึ่งมาจากไหน แทงใส่กลางฝ่ามือขวาของลู่เซิ่งอย่างรุนแรง ทั้งยังแสดงสีหน้าดุร้ายอึมครึม

‘นี่ก็คือการปนเปื้อนจากความเจ็บปวด…ร้ายกาจจริงๆ’ ลู่เซิ่งยกมือขึ้น ถึงกับเจาะการป้องกันของกายเนื้อได้

ต่อให้อีกฝ่ายมีอาวุธลึกลับและพิเศษก็ตาม

เปรี้ยง!

เขากระทืบส่วนเอวของเฟ่ยไป๋หลิงที่อยู่ด้านข้างอย่างหนักหน่วง

เสียงกระดูกหักนับไม่ถ้วนดังขึ้น เฟ่ยไป๋หลิงกระอักเลือด ประกายตาริบหรี่ลงกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าใกล้จะไม่ไหวแล้ว

เขาปล่อยมือขวา มองดูฝ่ามือขวาที่กำลังโปร่งแสงและจางลงด้วยความเร็วสูง แสดงให้เห็นว่ากายเนื้ออันแข็งแกร่งของเขาต้านทานการปนเปื้อนจากความเจ็บปวดไม่ได้

ลู่เซิ่งยืดเล็บออกมาบนมืออีกข้าง จากนั้นก็เฉือนข้อมือขวาอย่างแผ่วเบา ฝ่ามือร่วงตกลงด้านล่างอย่างสบายๆ เหมือนกับลูกท้อที่สุกงอมแล้ว

ถัดจากนั้น เลือดเนื้อตรงส่วนที่ขาดของฝ่ามือขวาก็สานตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว เกิดเสียงซ่าๆ ดังไม่ถึงห้าอึดใจ มือใหม่เอี่ยมก็ปรากฏขึ้นบนร่างลู่เซิ่ง

‘ถึงกับแทงทำร้ายกายเนื้อของเราได้…ยอดเยี่ยมจริงๆ’ ลู่เซิ่งจ้องมองมีดสั้นบนมือคนทั้งสามอย่างสนอกสนใจ

ส่วนมือที่ถูกตัดทิ้งไป ถ้าหากเขาต้องการ จะให้งอกมือร้อยข้างในหนึ่งชั่วยามก็ไม่มีปัญหา

……………………………………….