ตอนที่ 637 นรกหรือสวรรค์ มีผมอยู่เคียงข้างคุณ / ตอนที่ 638 ความเข้มแข็งของเธอมีมากกว่าที่คิดไว้

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 637 นรกหรือสวรรค์ มีผมอยู่เคียงข้างคุณ

 

 

“พ่อแม่รักลูก……”

 

 

“โอ้ยยยย”

 

 

แววตาปรากฏภาพที่ดูไม่คุ้นเคยแต่ดูเหมือนจริง เหนียนเสี่ยวมู่ปวดศีรษะจนแทบจะระเบิด สองมือกุมศีรษะเอาไว้ จู่ๆ ก็ทรุดตัวลง

 

 

กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด!

 

 

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ

 

 

ดวงตาชื้นไปด้วยน้ำตา

 

 

“เหนียนเสี่ยวมู่!”

 

 

ฟ่านอวี่กำลังจะตรงเข้าไปหา แต่อวี๋เยว่หานทรุดตัวลงนั่งก่อนแล้ว รั้งหญิงสาวเข้ามากอด

 

 

สองมือกระชับรั้งเธอมากอดไว้แนบอก

 

 

“เรากำลังสืบเรื่องนี้ อย่าเพิ่งกลัวไปก่อน” น้ำเสียงแหบต่ำของชายหนุ่ม มีเวทมนต์ปลุกปลอบอยู่ในตัว

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงยังมีอาการสั่นระริกอยู่

 

 

“ฉันเห็นภาพพวกนั้น เป็นภาพในอดีต มีเปลวไฟกองใหญ่ แผดเผามาเรื่อยๆ……”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ใช้ทั้งสองมือขยำเสื้อของชายหนุ่มไว้แน่น

 

 

นิ้วมือขาวซีดด้วยอาการหวาดกลัว

 

 

พยายามทำให้ตัวเองสงบลง แต่ภาพที่ปรากฏขึ้นทำให้ระงับอารมณ์ไม่ได้

 

 

ตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล เธอก็จำอะไรไม่ได้เลย

 

 

ความทรงจำเดียวที่มีก็คือภาพเหตุการณ์ไฟไหม้

 

 

เปลวไฟที่ลุกโชนอย่างรุนแรง……

 

 

ช่วงแรกๆ ที่เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมา แทบจะฝันทุกคืน ฝันว่าตัวเองติดอยู่ในกองไฟที่ลุกโชน

 

 

เธออยากจะหนี แต่ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น

 

 

มองดูคนรอบกาย รวมทั้งตัวเธอเอง ถูกล้อมรอบด้วยเปลวเพลิง แล้วก็ค่อยๆ ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน……

 

 

การดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต การสิ้นหวังโดยอย่างไร้เรี่ยวแรง ราวกับถูกสาหร่ายพันมัดรอบคอจนขาดอากาศหายใจ เมื่อคิดขึ้นมาทีไรก็ทำเอาเธอรู้สึกหายใจไม่ออกทุกที

 

 

ถานเปิงเปิงช่วยรักษาอาการทางจิตของเธออยู่นาน ความทรมานจากความฝันของเธอจึงค่อยๆ จางหายไป

 

 

แต่ว่าตอนนี้ ภาพที่เคยจางหายไปกลับผุดขึ้นมาในสมองของเธออีกครั้งตามคำพูดของสิงลี่……

 

 

“สิงซิง ถ้าแกยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ก็ควรจะระลึกเอาไว้ทุกวันว่าแกเป็นคนทำให้พ่อแม่ต้องตาย ทำให้ครอบครัวของเราต้องพังพินาศ แกมีสิทธิ์อะไรไปมีความสุข แกควรต้องตกนรกไป!”

 

 

เมื่อสิงลี่อยู่ต่อหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ อารมณ์ก็พุ่งขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะบอดี้การ์ดขวางอยู่ด้านหน้า เธอคงลงไม้ลงมือกับเหนียนเสี่ยวมู่ไปแล้ว

 

 

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ดูไม่ปกติ เสียงของเธอก็ดูจะแหลมขึ้น พยายามดิ้นรนอยากจะพุ่งเข้าไปหา

 

 

วินาทีต่อมา อวี๋เยว่หานก็เงยหน้าขึ้น กวาดสายตาเย็นชาไปที่เธอแวบหนึ่ง

 

 

แววตาเย็นชาคู่นั้น ราวกับจะสาปให้ทุกอย่างรอบๆ ตัวกลายเป็นน้ำแข็งไป

 

 

ขนาดสิงลี่ยังต้องชะงักไปกับสายตาของชายหนุ่มที่มองมา

 

 

อ้าปากเล็กน้อย ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

 

 

“เหนียนเสี่ยวมู่ต่อให้ต้องลงนรก ก็จะมีผมคอยอยู่กับคุณ” สองมือของอวี๋เยว่หานจับไปที่บ่าของหญิงสาว บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมา

 

 

เดิมทีคิดว่าจะได้เห็นสายตาหวาดกลัว สิ้นหวังของเธอ

 

 

ไม่คิดเลยว่า ใบหน้าเล็กที่ซีดเผือดนั้นจะเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งลงแล้ว

 

 

ได้ยินคำพูดของสิงลี่ เธอก็เหมือนจะหลุดพ้นออกมาจากภาพในสมองพวกนั้น ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น เดินไปตรงหน้าของสิงลี่

 

 

ทุกฝีก้าว เดินไปหาเธออย่างแน่วแน่

 

 

“เมื่อกี้คุณบอกว่า พ่อแม่ตายเพราะช่วยชีวิตฉัน แล้วตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหน”

 

 

“……”

 

 

สิงลี่สบกับสายตานิ่งสงบของหญิงสาว แล้วชะงักไปชั่วขณะ

 

 

จากนั้นก็ตะคอกไปที่เธอ “แกตาบอดหรือไง ฉันเสียโฉมขนาดนี้แล้ว หรือแกอยากจะเห็นฉันตายไปในกองไฟนั้นด้วย แบบนั้นจะได้ไม่มีใครรู้ว่าแกเป็นตัวกาลกิณีทำให้พ่อแม่ของตัวเองตาย!”

 

 

“……”

 

 

“สิงลี่ ทำไมคนที่ตายไปไม่ใช่แก แกเป็นตัวต้นเหตุ คนที่ควรตายก็คือแก! ตำรวจควรจะจับแกเข้าคุก ให้แกสำนึกผิดอยู่ในคุกไปตลอดชีวิต!”

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 638 ความเข้มแข็งของเธอมีมากกว่าที่คิดไว้

 

 

สิงลี่เอื้อมมือไปผลักบอดี้การ์ด กำลังจะพุ่งไปด้านหน้าแต่ก็ถูกกักตัวไว้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว จึงทำแต่ได้ตะคอกใส่เหนียนเสี่ยวมู่อย่างเคียดแค้น

 

 

เปรียบเทียบกับอาการที่แสดงออกของสิงลี่แล้ว เหนียนเสี่ยวมู่เพียงแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เมื่อครู่เท่านั้น นอกนั้นเธอมีอาการสงบอยู่ตลอด

 

 

ได้ยินเสียงสาปแช่งของสิงลี่ สีหน้าของเธอก็ซีดขาว

 

 

มือที่วางอยู่แนบลำตัว กำขึ้นแน่น

 

 

แต่ว่าสีหน้าไม่ได้แสดงออกถึงความอ่อนแอของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนตรงอยู่ตรงหน้าสิงลี่ เอ่ยถามต่อไป

 

 

“คุณให้สัมภาษณ์ในคลิปว่าฉันทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่ฟังที่พวกท่านพูด กลับไปเผาของที่อยู่ในห้องของตัวเองจึงทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งนั้น ทำให้คนครอบครัวของตัวเองต้องตาย ฉันอยากจะรู้ว่าตอนนั้นฉันทะเลาะกับพ่อแม่เรื่องอะไร”

 

 

“……”

 

 

สิงลี่ถูกถามก็ชะงักไป

 

 

ชั่วขณะหนึ่งสีหน้ามีแววซีดเผือดลงเล็กน้อย

 

 

แต่ก็กัดฟันพูด

 

 

“แกเอาแต่ใจตัวเองตั้งแต่เด็ก เอาตัวเองเป็นใหญ่ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ทำให้พ่อแม่โมโหแทบทุกวัน ขนาดฉันว่าแกนิดหน่อย แกยังมาทะเลาะกับฉันเลย พอมีอะไรไม่พอใจก็จะหนีออกไปจากบ้าน อยู่ข้างนอกไม่ยอมกลับบ้านเป็นวันๆ!”

 

 

“ฉันจำไม่ได้แล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบออกไปตามตรง

 

 

หันไปมองทางฟ่านอวี่

 

 

เรื่องที่สิงลี่พูดเธอแยกไม่ออกว่ามันคือเรื่องจริงหรือโกหก แต่ฟ่านอวี่ต้องรู้แน่ๆ

 

 

ตั้งแต่ที่สิงลี่ปรากฏตัว ฟ่านอวี่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีกเลย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

สายตาที่ชายหนุ่มมองไปยังสิงลี่มันดูแปลกๆ

 

 

“แกก็ต้องจำไม่ได้อยู่แล้ว! แกทำเรื่องแย่ๆ ไว้ตั้งเยอะ แกจำได้หมดหรือไง” สิงลี่เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่เหมือนปีศาจร้ายอยู่ครึ่งซีก “สิงซิง เรื่องที่แกทำเอาไว้ ฉันช่วยแกจำไว้หมดแล้ว ขอแค่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะต้องให้แกชดใช้มันด้วยชีวิต!”

 

 

สิงลี่ก้มหน้าไปกัดมือของบอดี้การ์ด อาศัยจังหวะที่บอดี้การ์ดปล่อยมือ ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

กำลังจะจับไปที่มือของเหนียนเสี่ยวมู่ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เบี่ยงตัวจับไปที่ข้อมือของเธอ แล้วไพล่แขนเธอไปไว้ที่ด้านหลัง

 

 

เมื่อเห็นว่าสิงลี่จะสะบัดออก หญิงสาวจึงยกขาขึ้นถีบไปที่หัวเข่าของสิงลี่ ให้เธอทรุดตัวลงด้วยเข่าข้างเดียว

 

 

จากนั้นตัวเธอเองก็นั่งลงตาม ประสานสายตาระดับเดียวกัน

 

 

“เรื่องที่คุณพูด ฉันจำไม่ได้แล้ว แต่ว่าเรื่องที่บ้านตระกูลสิงไฟไหม้มันเป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นคุณเสียโฉม แล้วฉันล่ะ ตอนนั้นฉันอยู่ที่ไหน”

 

 

นี่คือเรื่องที่เหนียนเสี่ยวมู่ไม่เข้าใจมากที่สุด

 

 

ตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บและถานเปิงเปิงช่วยเธอเอาไว้ มันคือเรื่องเมื่อสามปีก่อน

 

 

แต่ว่าเรื่องไฟไหม้ที่บ้านตระกูลสิง เป็นเรื่องเกือบสิบปีมาแล้ว

 

 

ตอนนั้น เธอเป็นเด็กสาวอายุสิบกว่าปีเท่านั้น บ้านเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงขนาดนั้น เธอไปอยู่ที่ไหน

 

 

สิงลี่เกลียดเธอขนาดนั้น ทำไมตอนนั้นไม่ตามไปแก้แค้นเธอ แต่กลับรออยู่เป็นสิบปี พอเธอกำลังจะแต่งงานกับอวี๋เยว่หานจึงได้ปรากฏตัว

 

 

“แกต้องถามตัวเองสิ”

 

 

สิงลี่อยากจะลุกขึ้นยืนแต่กลับโดนเหนียนเสี่ยวมู่กดให้อยู่แบบนั้น เธอหันไปจ้องเหนียนเสี่ยวมู่เขม็ง

 

 

“เพื่อจะช่วยแก พ่อกับแม่ต้องตายในกองไฟ แต่แกกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขนาดงานศพของพวกเขาแกยังไม่มาปรากฏตัวเลย หายไปเป็นสิบปี ทุกคนต่างก็คิดว่าแกตายไปหมดแล้ว ไม่ได้ตายในกองไฟก็คงตายเพราะความรู้สึกผิด คิดไม่ถึงว่าแกจะตายยากขนาดนี้ ยังมีชีวิตรอดอยู่……”

 

 

สิงลี่พูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่มุมปากก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหยัน

 

 

“คิดว่าพอแกเปลี่ยนชื่อแล้วฉันจะจำแกไม่ได้เหรอ ตัวกาลกิณีที่ทำให้ฉันเสียโฉมอย่างแก ต่อให้แกกลายเป็นผุยผงฉันก็จำแกได้!”

 

 

“…….”

 

 

“ฉันเกลียดจนอยากจะกินเลือดกินเนื้อแกจนไม่ให้เหลือแม้แต่ศพเลย!”