บทที่ 312 ตำหนักเทพคุนเผิง มรดกโบราณ
ทุกคนตรวจสอบเกาะนี้อย่างเป็นลำดับขั้นตอน บางครั้งเจอสัตว์ร้ายรับมือยากก็จะถูกฉีเซ่าเสวียนจัดการ
ความจริงแล้ว เดิมทีเสิ่นเทียนก็อยากจะออกมือ แต่ถูกทุกคนห้ามไว้
ในมุมมองของทุกคน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสิ่นเทียนต้องเก็บพลังปราณเดิมไว้ควบคุมไอเบิกฟ้าในกาย
เรื่องสู้อะไรนี่ พวกเขาจัดการได้หมด
ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เมื่อทุกคนร่วมมือกันเต็มที่จริงๆ บนเกาะก็มีสัตว์ประหลาดไม่กี่ตัวที่เป็นคู่ต่อสู้
โดยเฉพาะฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอู หลังจากร่วมมือกันสำแดงวิชาลับ กำลังรบของสองคนก็แกร่งยิ่งกว่าเดิม
ต่อให้ปลาหมึกนอกเกาะนั่นเกิดใหม่ ก็เกรงว่าจะต้านไม่ได้กี่กระบวนท่า
แน่นอน การจะสังหารเจ้านั่นในกระบวนท่าเดียวก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
บุกเข้ายึด แบ่งของโจร
บุกเข้ายึด แบ่งของโจร
บุกเข้ายึด แบ่งของโจร
……
เส้นทางการผจญภัยของทุกคนเบาสบายมีความสุขมาก
และทรัพยากรที่ทุกคนได้มาก็ค่อนข้างมากพอดู พอจะเท่ากับทรัพยากรที่ออกไปผจญภัยข้างนอกหลายปี
เขตทะเลในเกาะดาราเบิกฟ้าเป็นแดนลับที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในทะเลอุดรจริงๆ!
หลังจากรอบนอกเกาะถูกบุกยึดพอประมาณแล้ว ทุกคนก็เริ่มค้นหาส่วนในของเกาะ
แกนกลางของเกาะนี้ถูกคลุมด้วยไอม่วงเบิกฟ้าหนาแน่นก็จริง แต่โชคดีว่าตรงกลางมีสถานที่วิเศษอีกแห่ง
หลังจากทุกคนค้นหาส่วนลึกของหมู่เกาะไปร้อยกว่าลี้แล้ว ก็พบพระราชวังแห่งหนึ่งอย่าง ‘น่าแปลก’
พระราชวังแห่งนี้โอ่อ่ายิ่งใหญ่มาก มีขนาดหลายร้อยจั้ง สูงเสียดเมฆนภา
มันเหมือนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน ทำให้ใครที่เห็นจะอดเกิดความยำเกรงตรงส่วนลึกในใจไม่ได้
พระราชวังสูงตระหง่านยิ่งใหญ่ตั้งขวางบนเกาะ เหมือนกับสัตว์ร้ายมหึมายิ่ง แผ่กลิ่นอายป่าเถื่อน
ตรงหน้าพระราชวังแห่งนี้เป็นประตูใหญ่ยักษ์สูงกว่าร้อยจั้ง
บนคานเหนือประตูแขวนป้ายสีทอง บนป้ายแกะสลักอักษรเผ่าปีศาจทรงพลังสี่คำ
เสิ่นเทียนเพ่งมองอักษรเผ่าปีศาจสี่คำนั้น รู้สึกว่าจิตวิญญาณทั้งหมดเหมือนจะถูกมันดึงดูด เกือบจะอดใจถล้ำเข้าไปไม่ได้
ขนาดเสิ่นเทียนยังใจลอย คนอื่นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นอกจากฉีเซ่าเสวียนที่รวมดวงจิตดรุณ อีกทั้งยังหลอมรวมน้ำตาดาวเทพสมุทรเพิ่มพลังจิตวิญญาณอย่างมากจนต้านแรงกระทบกระเทือนจากสี่คำนี้ได้แล้ว
คนอื่นๆ เช่นเอ๋าอู อวี้เผียนเซียนรวมถึงสี่คุณชายล้วนเหม่อมองป้ายนั้น เหมือนถูกดูดจิตวิญญาณ
“ตื่นขึ้นมา!”
เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังแห่งดินบริสุทธิ์วัฏจักรแฝงอยู่ในพลังจิต สั่นสะเทือนออกไปพร้อมกับเสียงตะโกน
พริบตาเดียว ทุกคนก็ได้สติกลับมา เหงื่อเย็นๆ ซึมออกมาจากด้านหลัง
“อักษรประหลาดมาก ไม่อยากเชื่อว่าจะแฝงความหมายลึกล้ำของกฎเกณฑ์ส่วนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะสหายเสิ่นปลุกพวกเราทันเวลา เกรงว่าพวกเราคงตื่นเองได้ยากมาก นี่คือการเข้าสู่มรรค เล่าลือว่าในอดีตกาลมีคนพบยอดฝีมือหมากล้อม หลังจากดูหมากหนึ่งตาแล้ว กว่าจะเข้าสู่ทางโลกอีกครั้งก็ร้อยปี
หากโลกภายนอกได้เห็นสี่คำนี้ ได้ตระหนักรู้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่เราอยู่ในทะเลดาราเบิกฟ้า หากตระหนักรู้หลายปีจริงๆ คงจะโดนยอดค่ายกลเบิกฟ้าสาปเอาแน่
เดิมทีข้ายังคิดจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตของสหายเสิ่น ไม่นึกเลยว่าจะติดค้างสหายเสิ่นอีกชีวิตเร็วเช่นนี้ บุญคุณช่วยชีวิตสองครั้ง นี่จะให้เผียนเซียนตอบแทนพี่เสิ่นอย่างไร!”
…..
เสิ่นเทียนพูดด้วยความจนปัญญา “ทุกท่านไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ทุกคนรู้จักสี่คำนี้หรือไม่”
คุณชายไป๋เผ่าเทพหมึกยักษ์มองสี่อักษรอย่างระมัดระวัง หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักแล้วก็เหมือนจะรู้จัก
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “หากแซ่ไป๋จำไม่ผิด สี่คำนี้น่าจะเป็นคำว่า ‘ตำหนักเทพคุนเผิง[1]’”
ตำหนักเทพคุนเผิงรึ
เป็นนามที่บ้าอำนาจมาก หรือจะเป็นถ้ำของเซียนกัน
คุณชายไป๋เห็นทุกคนสงสัยจึงพูดอธิบาย “ข้าเคยอ่านเจอในมรดกลับโบราณ ในอดีตกาลมีคำเล่าขานว่า เผ่าพญาเผิงปีกทองแห่งดินแดนทักษิณกับเผ่าคุนสุญตาของทะเลอุดร ล้วนเป็นสายเลือดย่อยมาจากคุนเผิง
หากสายเลือดของเผ่าปลาคุนเข้มข้นถึงระดับที่แน่นอนก็อาจจะมีปีกกลายเป็นเผิง มีกายแท้จริงและร่างแยกสองชนิดต่างกัน ศักยภาพพัฒนาถึงขีดสุด
หลักการเดียวกัน หากสายเลือดของพญาเผิงปีกทองเข้มข้นถึงขีดสุดก็อาจจะมีความเป็นหยางสูงสุดจนเกิดหยิน ได้รับพลังแห่งเผ่าคุนสุญตา”
เอ๋าอูถามด้วยความแปลกใจ “หรือว่าในตำหนักเทพคุนเผิงแห่งนี้จะมีมรดกของเผ่าคุนเผิงอยู่”
คุณชายไป๋ตอบ “รายละเอียดเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่จากในพงศาวดาร ทุกครั้งที่ทะเลอุดรปรากฏ ‘สัตว์เทพคุนเผิง’ ขึ้น จะสั่นสะเทือนทั้งห้าดินแดน เล่าลือว่าคุนเผิงตัวสุดท้ายที่ปรากฏในห้าดินแดนก็คือยุคต้องห้ามเมื่อหมื่นปีก่อน
ตอนนั้นเผ่าคุนให้กำเนิดสวีคุน อัจฉริยะที่แกร่งที่สุดในประวัติการณ์ สายเลือดพัฒนาขึ้นสูงสุดกลายเป็นคุนเผิง กวาดล้างผู้ฝึกบำเพ็ญระดับเดียวกันทั้งหมด
ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดถึงขั้นสำแดงยอดวิชาอุดรสมุทรกลืนฟ้า เคยละลายเซียนแท้จริงจากโลกข้างบนคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งโดดเด่นของเขาเป็นรองเพียงราชินีหงส์อมตะในตอนนั้น!”
อืม ตอนนั้นเอ๋าปิงถูกสับไปแล้ว
เมื่อได้ฟังคุณชายไป๋เล่าถึงความแกร่งของคุนเผิง ทุกคนก็ตาลุกวาวขึ้นมา
ใช้ระดับพลังผู้อริยะกลืนกินเซียนแท้จริงจากโลกข้างบน นี่คือพรสวรรค์ระดับใดกัน
อย่าไปพูดถึงอัจฉริยะที่สู้ข้ามขั้นได้เลย เหอะๆ นั่นคือตอนระดับต่ำ
ระดับหลอมปราณสู้สร้างฐาน หลอมกายสู้เหนือสามัญ คนที่ทำได้เช่นนี้ในห้าดินแดนมีมากมาย
แต่ระดับดวงจิตดรุณสู้หลอมรวมเทพ ระดับหลอมรวมเทพสู้ผู้อริยะ อัจฉริยะเช่นนี้แทบจะงัดนิ้วออกมานับได้เลย
ส่วนผู้อริยะสังหารเซียนแท้จริง นั่นหายากยิ่งกว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้
ถึงอย่างไรเขาก็ฝึกเป็นเซียนแท้จริงได้ ใครบ้างไม่ใช่สุดยอดโอรสสวรรค์มีพรสวรรค์น่าตื่นตกใจ
ถ้าเจ้าจะแขวนทุบตีพวกเขาข้ามขั้น ระดับความยากไม่เป็นรองไต่ฟ้าเลย
ทว่าคุนเผิงตัวนั้นในอดีตกาลทำได้ เขาใช้กายระดับผู้อริยะหลอมละลายเซียนแท้จริงได้
อำนาจน่าเกรงขามเช่นนี้ ไม่แปลกที่จะเลื่องลือไปทั้งห้าดินแดน!
………
ฉีเซ่าเสวียนกำง้าวมังกรสวรรค์ในมือแน่น “หรือก็คือ ตำหนักเทพเทพนี่มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นของคุนเผิงตัวนั้นในตอนนั้นหรือ”
เสิ่นเทียนส่ายหน้าช้าๆ “ตำหนักเทพเทพยิ่งใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นมหาอริยะคุนเผิง ก็ยากจะหลอมสร้างออกมาเป็นตำหนักเทพเช่นนี้ได้ มิหนำซ้ำยอดค่ายกลเบิกฟ้าห่อหุ้มทั้งเขตทะเล ผู้ฝึกบำเพ็ญอายุห้าร้อยปีขึ้นไปเข้าไปไม่ได้เลย ถ้าจะบอกว่ามหาอริยะคุนเผิงท่านนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนสร้างตำหนักเทพนี้ไว้ แซ่เสิ่นเชื่อว่ามหาอริยะคุนเผิงเคยมาที่นี่ตอนหนุ่มมากกว่า”
คุณชายไป๋พยักหน้าเช่นกัน “ตามพงศาวดารบอกว่ามหาอริยะคุนเผิงเคยเข้ามาในเขตทะเลเบิกฟ้า หลังจากเขากลับออกไปก็ศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก เริ่มนำคนรุ่นเดียวกันจนกระทั่งไร้พ่าย น่าเสียดายก็แต่สุดท้ายมหาอริยะคุนเผิงท่านนี้ถูกศัตรูแข็งแกร่งปิดล้อมสังหาร ไม่ได้ถ่ายทอดวิชาของตนเอาไว้”
เสิ่นเทียนเดินมาหน้าตำหนักเทพคุนเผิงช้าๆ “ไม่มีอะไรน่าเสียดาย ในเมื่อที่นี่มีตำหนักเทพเทพ บางทีข้างในอาจจะมีโชคลิขิตอะไรอยู่ พวกเราเข้าไปดูก็รู้เอง”
เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ผลักประตูใหญ่ของตำหนักเทพคุนเผิงช้าๆ เพียงแต่รู้สึกว่าสองมือถูกขัดขวางอย่างรุนแรง
ประตูยักษ์สูงร้อยจั้งนั้นเปล่งแสง ปรากฏยันต์ลายเทพลึกลับขึ้นบนประตู แฝงไว้ด้วยพลังแก่กล้า
ทันทีที่ปรากฏยันต์พวกนี้ขึ้น เสิ่นเทียนก็รู้สึกว่าประตูใหญ่ร้อยจั้งนี้เหมือนกับภูเขายักษ์ลูกหนึ่ง มั่นคงไม่สั่นคลอน
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการทดสอบบางอย่าง
หากศักยภาพไม่แข็งแกร่งพอ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าประตูบานนี้
“คิดจะขวางแซ่เสิ่น น้ำหนักแค่นี้ยังไม่พอ”
เสิ่นเทียนดวงตาสองข้างเปล่งแสงสว่าง ทั่วร่างระเบิดพลังไร้ที่สิ้นสุด
เขายืนบนพื้นอย่างมั่นคงและเชื่องช้า มือขวาพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบจั้ง เปล่งแสงสีทองสว่างแพรวพราว
จะเห็นเงาเทพพญาเผิงปีกทองตัวใหญ่ข้างหลังเสิ่นเทียนรางๆ
วิชาปักษาสวรรค์ปะทะมังกร!
แควก~
เสิ่นเทียนเหมือนกลายเป็นอินทรีเทพโบราณตัวหนึ่ง พุ่งกระโจนใส่หน้าประตูนี้
ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘เปรี้ยง’ ในที่สุดประตูยักษ์สูงร้อยจั้งก็เปิดออกช้าๆ
ตำหนักเทพใหญ่กว้างโล่งยิ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
………
ใช่ กว้างโล่งมาก
ในตำหนักเทพไม่มีอะไรเลย แม้แต่เก้าอี้ยังไม่มี
เห็นได้ชัดว่าตำหนักเทพเทพแห่งนี้เคยถูกคนยกเค้าไปก่อนแล้ว สมบัติทั้งหมดถูกห่อกลับบ้านไป
เวลานี้ทุกคนหมดอารมณ์กันนิดๆ มีเพียงเสิ่นเทียนที่มีสีหน้าปกติ ราวกับคาดการณ์ทุกอย่างไว้ได้แล้ว
เขาหลับตาลงช้าๆ เหมือนนึกอะไรบางอย่าง และเหมือนกำลังสัมผัสอะไรบางอย่าง ไม่นานเสิ่นเทียนก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและเดินหน้าต่อไป
ตำหนักเทพแห่งนี้ดูไม่เล็ก เดินไปดูใหญ่กว่าเดิม ภายในเหมือนจะมีมิติแยก พื้นที่จริงมากกว่าพันลี้
แต่ไม่นานเสิ่นเทียนก็หาเป้าหมายของตนพบในสิ่งปลูกสร้างตั้งสลอนมากมาย
นั่นคือที่ดินกว้างใหญ่ ในที่ดินแห่งนี้มีพืชสีเขียวเจริญงอกงาม
ใช่ สมุนไพรวิญญาณในตำหนักเทพคุนเผิง
แม้ตำหนักเทพคุนเผิงจะโดนคนยกเค้าไปแล้ว แต่ส่วนสมุนไพรวิญญาณยังไม่ได้รกร้าง
วัตถุดิบสมุนไพรพวกนั้นในสวนผ่านการเติบโตขึ้นอีกครั้งในหมื่นปี งอกงามเป็นยอดสมุนไพรที่มีฤทธิ์ยาสูงสุดนานแล้ว
กล่าวได้ว่าสมุนไพรล้ำค่าทุกต้นในสวนสมุนไพรแห่งนี้ หากโยนไปโลกข้างนอก ยังมากพอจะทำให้ผู้อริยะสนใจ ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บางคนตาแดง
“เพียบเลยๆ!”
“นี่ผลสีชาดโบราณ อายุมากกว่าหมื่นปี ฤทธิ์ยาเทียบเท่ากับสมุนไพรเตรียมอริยะ!”
“นี่ดอกกล้วยไม้โลหิตปรโลก ใช้หลอมเป็นโอสถเพิ่มพรสวรรค์และสายเลือดได้ มีมูลค่าไร้ขีดจำกัด!”
“หรือว่านี่จะเป็นว่านปฐมกาลใจสมุทร หลังใช้แล้วจะเพิ่มความสามารถการควบคุมน้ำอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นว่านเซียนที่ได้รับการดูแลจากมหาสมุทร”
…….
เห็นได้ชัดว่า ปีศาจทุกตนมีความรู้
สมุนไพรพวกนี้ดึงดูดต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด
แต่เสิ่นเทียนกลับไม่ค่อยสนใจสมุนไพรพวกนี้ เพราะเขารู้ว่าโชคลิขิตที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่อันนี้
ทุกคนแบ่งสมุนไพรพวกนี้กันอย่างระมัดระวังแล้ว ก็ยิ้มกันหน้าบาน แน่นอนว่าเสิ่นเทียนได้แบ่งไปเยอะสุด
ถึงอย่างไรตอนนี้ทุกคนก็เชื่อแล้วว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคจริงๆ คาดการณ์โชคลิขิตได้
ถ้าไม่เช่นนั้น จะได้ทรัพยากรมามากมายเช่นนี้ทุกครั้งได้อย่างไร
แบ่งตามคุณูปการแล้ว เสิ่นเทียนควรจะได้ไปมากที่สุด
เมื่อเก็บสมุนไพรเรียบร้อย เสิ่นเทียนก็นำทุกคนมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกยิ่งกว่าของตำหนักเทพคุนเผิง
ต้องบอกว่าตำหนักเทพคุนเผิงลึกลับจริงๆ แม้ในอดีตกาลจะถูกคนยกเค้าไปก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีห้องลับมากมายปิดอยู่ ผนึกตราเวทสูงสุดของยุคโบราณในห้องลับพวกนั้น ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกบำเพ็ญธรรมดาจะทำลายได้
เกรงว่าคงมีเพียงคนที่ก้าวสู่ขอบเขตวิถีเซียนเท่านั้นถึงจะลองทำลายดูได้
แต่เป้าหมายของเสิ่นเทียนก็ไม่ใช่ห้องลับพวกนั้น
เขาข้ามผ่านห้องลับมาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว มาถึงส่วนลึกสุดของตำหนักเทพคุนเผิงแห่งนี้
นี่คือภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ตั้งโดดๆ กลางอากาศ มีความสูงหลายหมื่นจั้ง สูงตระหง่านอย่างยิ่ง
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ภูเขาลูกนี้เหมือนถูกคนตัดเป็นสองส่วนจากตรงกลาง ครึ่งทางซ้ายและครึ่งทางขวาห่างกันหลายร้อยจั้ง
แม้จะห่างกันหลายร้อยจั้ง แต่เทียบกับระดับความสูงของมันแล้ว ระยะห่างแค่นี้ไม่ถือว่าเท่าไรเลย
มองไกลๆ ภูเขาสูงสองส่วนเหมือนกับเชื่อมเข้าด้วยกัน
…….
สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงอีกอย่างคือ ส่วนที่ถูกตัดของภูเขาสองซีกนี้มีภาพวาดสองภาพ
ภาพทางซ้ายเป็นคลื่นมรกตหมื่นลี้ คลื่นลูกใหญ่หมุนม้วนพันกองหิมะ และตรงระหว่างคลื่นยักษ์ไร้ที่สิ้นสุดนั้นยังมีเงายิ่งใหญ่ขยับไหวอยู่
เงานั้นเหมือนกับปลาตัวหนึ่ง แต่รูปร่างใหญ่จนน่ากลัวกว่าเทือกเขา มองทีแรกไม่รู้ว่ายาวกี่พันลี้
ใช่ หลายพันลี้!
เห็นๆ อยู่ว่าขนาดของหน้าผาแห่งนี้ไม่ถึงหลายพันลี้ แต่ตอนที่ทุกคนมองภาพฝาผนัง กลับรู้สึกว่าปลายักษ์นี่มีความยาวหลานพันลี้
คุน!
ทุกคนรู้ดีว่านี่คือคุนสูงสุดตัวหนึ่ง
ระดับพลังของมันถึงระดับที่ยากจะจินตนาการได้ เหนือกว่าระดับผู้อริยะ
เพราะทุกคนล้วนมาจากขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ ปกติเจอผู้ฝึกบำเพ็ญระดับผู้อริยะมาไม่น้อย ยังไม่รู้สึกยิ่งใหญ่เช่นนี้เลย
สิ่งมีชีวิตตัวหนึ่ง หากเติบโตถึงหลายพันลี้ ศักยภาพของมันจะต้องน่ากลัวอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นตัวเองก็อาจจะเป็นบ้าไปได้
หากมีคุนในภาพวาดฝาผนังอยู่จริงๆ ก็เกรงว่ากำลังของมันตัวเดียวคงจะโค่นล้มห้าดินแดนได้!
ส่วนหน้าผาทางฝั่งขวา วาดเป็นท้องนภากว้างใหญ่ไพศาล กลางฟ้ามีเผิงเทพยักษ์บินฉวัดเฉวียนอยู่ตัวหนึ่ง
กระทั่งมันยังน่ากลัวกว่าคุนทางฝั่งซ้ายอีก สองปีกกางออกบดบังท้องนภา ดวงตะวันส่องบนตัวมัน เหมือนกับทองคำเปล่งประกายแสง
แผ่นดินใหญ่ ท้องทะเล อาณาจักรใต้ร่างมัน ถูกเงามืดปกคลุมทั้งหมด
มันพลันสั่นปีก พายุคลั่งหมุนม้วนไปไกลหลายพันลี้ ร่างหมุนและบินขึ้นฟ้าไปสูงเก้าหมื่นลี้!
เวลานี้ทุกคนเป็นเอ๋อไปแล้ว
ภาพสองภาพนี้หยุดนิ่งเห็นๆ แต่ในสายตาทุกคน กลับเหมือนมีสองโลกคงอยู่จริงๆ
ทางซ้ายของทุกคนเป็นมหาสมุทรไร้พรมแดน ทุกคนเหมือนจะได้กลิ่นทะเล
ส่วนทางขวาของทุกคนเป็นท้องนภากว้างใหญ่ ยังเหมือนได้ยินเสียงร้องสูงของเผิงเทพเบาๆ!
……..
เหมือนจะมีเสียงแห่งมหามรรคลึกลับดังขึ้นในอากาศ
กลิ่นอายลึกลับมองไม่เห็นแผ่มาจากสองภาพวาดช้าๆ
ท่วงทำนองของกลิ่นอายพลังนี้ค่อยๆ หลั่งไหลเข้าไปในกายพวกเสิ่นเทียน เปลี่ยนเป็นพลังงานพิเศษในร่างกายพวกเขา พลังงานนี้ไหลเวียนในกายทุกคน เหมือนกับกำลังถ่ายทอดวิชาสูงสุดชนิดหนึ่ง
วิชาสูงสุดนี้ซับซ้อนเข้าใจยากมาก แม้จะมีภาพฝาผนังถ่ายทอดวิชา ทุกคนก็ยังไม่อาจตระหนักรู้ได้ แม้แต่ผิวเผินยังตระหนักได้ยาก
“อาศัยจังหวะนี้ใช้น้ำตาดาวเทพสมุทร!”
เสิ่นเทียนนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาจากแหวนเวหา ก่อนจะพูดเตือนทุกคน
การตระหนักรู้วิชาต้องใช้พลังงานจิตวิญญาณจำนวนมาก และที่บังเอิญคือทุกคนมีอย่างอื่นไม่มาก แต่มีน้ำตาดาวเทพสมุทรที่ใช้เสริมพลังจิตวิญญาณ
ถึงน้ำตาดาวเทพสมุทรจะเพิ่มพลังจิตวิญญาณได้จำกัด ยิ่งใช้ยิ่งมีประสิทธิผลน้อยลง หลังจากห้าเม็ดไปแทบจะไม่มีผล แต่ถ้าแค่เสริมพลังจิตที่เสียไป ไม่มีข้อกำจัดใดๆ เลย
เวลานี้ ทุกคนนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาใช้ ทั่วร่างเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆ
เสียงแห่งมหามรรคข้างหูพวกเขาก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าดินพลิกกลับ ราวกับว่าตัวอยู่ระหว่างมหาสมุทรและท้องนภา
ข้างใต้พวกเขาเป็นคุนยักษ์ยาวหลายพันลี้ ขณะเวียนว่ายยังหมุนม้วนคลื่นทะเลสามพันลี้
บนฟ้าเป็นเผิงเทพยาวหลายพันลี้ กางสองปีกบังฟ้าบังดวงตะวัน
คุนยักษ์และเผิงเทพกำลังถ่ายทอดวิชา ใช้เสียงมรรคอันลึกลับยิ่งบางอย่างถ่ายทอด ประทับตราในความคิดของทุกคน
นั่น คือวิชาของคุนเผิง!
เวลาผ่านไปทีละนาที เห็นได้ชัดว่าทุกคนได้ผลประโยชน์กันอย่างมากมาย
ด้านหลังอวี้เผียนเซียนปรากฏเงามายาคุนยักษ์ร้อยจั้งลอยขึ้น เห็นได้ชัดว่าตระหนักวิชาคุนลึกซึ้งยิ่ง ได้ประโยชน์มากมาย
ไอม่วงหมื่นจั้งข้างหลังฉีเซ่าเสวียนรวมเป็นเผิง บินขึ้นฟ้าเก้าหมื่นลี้ เผิงกระแทกผืนนภากว้างใหญ่ เหมือนตระหนักวิชาสูงสุดใหม่
คนที่เหนือความคาดหมายที่สุดคือคุณชายซา เขาแบกดาบฟันฉลามข้างหลัง เดิมทีเป็นคนที่ยิ้มยากที่สุดในกลุ่ม ทว่าตอนนี้เอง เขาตระหนักถึงบางสิ่งที่สุดยอด เอกลักษณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก
ข้างหลังเขาปรากฏเงามายาปลาฉลามโลหิตสีชาดขนาดหลายร้อยจั้ง มันพุ่งขึ้นจากกลางมหาสมุทร จากนั้น…คลีบปลาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นปีกนก
ใช่ เจ้านี่ตระหนักท่วงทำนอง ‘ปีกปักษา’ ได้ส่วนหนึ่ง ปรากฏการณ์เริ่มเปลี่ยนไปทาง ‘เผิงฉลาม’
แม้จะดูแปลกๆ แต่หากตระหนักอะไรได้จริงๆ นั่นจะได้ผลประโยชน์อย่างมาก
…..
ทางด้านเสิ่นเทียน ได้มากที่สุด
เขาหลับตาลงช้าๆ แสงเทพห้าสีลอยขึ้นมารอบตัว
นั่นคือพลังงานของสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุกู่ร้องพร้อมกันในกาย ช่วยเสิ่นเทียนยกระดับต้นกำเนิด
ดอกไม้สีแดงและสีขาวเบ่งบานข้างกายเสิ่นเทียน แบ่งเป็นหยินหยาง สอดคล้องกับภาพคุนและเผิง
บุปผาฟากฝั่งสีขาวเป็นหยิน สอดคล้องกับมายา หลอมรวมกับร่างจำแลงของคุน บุปผาฟากฝั่งสีแดงเป็นหยาง สอดคล้องกับความจริง หลอมรวมกับร่างจำแลงของเผิง
บุปผาฟากฝั่งเปลี่ยนไประหว่างสีแดงกับสีขาวไม่หยุด ร่างจำแลงของคุนและเผิงผลัดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
จะเห็นได้ชัดเจนว่าข้างหลังเสิ่นเทียนมีสัตว์เทพมหึมาสองตัวลอยอยู่
หนึ่งในนั้นคือคุนยักษ์สีดำ อีกตัวคือเผิงเทพสีทอง ศีรษะและหางเชื่อมกันเป็นลักษณะโอบอุ้ม
เปรี้ยง~
หน้าผาสูงหมื่นจั้งสั่นไหวเบาๆ ท่วงทำนองพลังลึกลับในตอนแรก ตอนนี้หลั่งทะลักไปในกายเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่ง
จิตวิญญาณของเสิ่นเทียนตกตะกอนอยู่ในการตระหนักมรรค ไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงรอบตัวเลย
แก่นพลังทองในกายเขาลอยขึ้นช้าๆ แก่นพลังทองที่เดิมทีมีขนาดเท่าแอปเปิล ตอนนี้ใหญ่ขึ้นอย่างเร็วไว
แก่นพลังทองของผู้ฝึกบำเพ็ญจะเปลี่ยนไปตามการตระหนักต่อพลังของวิชามรรค ปกติยิ่งตระหนักเศษเสี้ยววิชามรรคมากเท่าไรก็ยิ่งแกร่งมากเท่านั้น แก่นพลังทองก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วย
อย่างเช่นฟางฉางตระหนัก ‘วิชามรรคอัสนี’ ถึงระดับที่มั่นคง รวมแก่นพลังทองเก้ารอบสำเร็จ
ฉีเซ่าเสวียนตระหนัก ‘วิชามรรคเคหาสน์ม่วง’ ‘วิชามรรคนิพพาน’ ‘วิชามรรคเทพมังกร’ ถึงระดับที่มั่นคง จึงรวมเป็นแก่นพลังทองสิบรอบ
และตอนนี้เสิ่นเทียน นอกจาก ‘วิชามรรคอัสนีกำเนิดฟ้าแล้ว’ ยังตระหนัก ‘วิชาคุนเผิงหยินหยาง’ ไปอีกขั้น แก่นพลังทองจึงใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
ในช่วงหลายชั่วยามสั้นๆ แก่นพลังทองเหนือศีรษะเสิ่นเทียนแทบจะใหญ่เท่าผลส้มโอแล้ว
พลังที่แก่นพลังทองแผ่กระจายออกมา ยังรู้สึกว่าจะทับคนตายได้เลย
ปัญหาคือ ยังไม่มีลายเทพเลยสักลาย!
……..
“อุดรสมุทรมีปลา นามของมันคือคุน ความใหญ่ของคุน ไม่รู้ว่ากี่พันลี้หนอ
แปลงกลายเป็นวิหค นามของมันคือเผิง แผ่นหลังของเผิง ไม่รู้ว่ายาวกี่พันลี้หนอ
โบยบินขึ้นด้วยโทสะ ปีกของมันดั่งเมฆทุบฟ้า วารีทุบสามพันลี้ ลอยสูงเก้าหมื่นลี้”
เสิ่นเทียนพูดออกมาอย่างลึกลับโดยไม่รู้ตัวเลย
ทองคำเซียนปีกปักษาข้างหลังเขาแผ่กางออก สวยงามและสูงศักดิ์ยิ่ง
แสงเทพไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมกายเสิ่นเทียน ตอนนี้เขาเหมือนจะกลายเป็นคุนเผิงโบราณตัวหนึ่งจริงๆ
สูงส่ง น่าเกรงขาม ยิ่งใหญ่ อยู่สูงสุด!
บึ้ม~!
ทันใดนั้นเอง เสิ่นเทียนขยับแล้ว
มวลอากาศในฟ้าดินแห่งนี้พลันพังทลายลง!
…………………….
[1] คุนเผิง คือปลาที่จะกลายเป็นนกในปรัชญาของจวงจื่อ