ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 162

ฮองเฮาถามแบบนี้เป็นเพราะข้าราชบริพารเหล่าทหาร หรือแม้แต่ขุนนางในวังส่วนใหญ่ก็กลัวอำนาจและการปกครองของเขา ไม่กล้าดำเนินการโดยพละการในคืนนั้น ไท่ฟู่ได้รับข่าวจากภายในจึงจะสามารถซุ่มโจมตีได้ แต่คนกลุ่มที่สามได้ข่าวจากที่ไหนกัน? ราวกับว่ามองเห็นแต่สิ่งที่จะอยู่ข้างหน้า แต่หารู้ไม่ว่ายังมีภัยมหันต์กำลังจะตามมา

เหลียงไท่ฟู่ส่ายหัว “พ่อคิดมานานแล้ว แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ คนที่โจมตีมู่หรงเจี๋ยในใจกลางเมืองหลวงก็ยังหาไม่พบ”

ฮองเฮาเป็นกังวลเล็กน้อย แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่ควรคิดมาก “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็ตายแล้ว เราต้องให้เฉียวเอ๋อเข้ายึดอำนาจเสียก่อน หวงไท่โฮ่วยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้อีกไม่นานนักหรอก ก็อย่างที่ท่านพ่อบอก ถ้าวันนี้ไม่ตกลง พรุ่งนี้ก็ต้องตกลง”

ใบหน้าของเหลียงไท่ฟู่มืดมน “สำหรับสองวันนี้พ่อจะนำขุนนางไปคุกเข่าหน้าตำหนัก บังคับให้นางยินยอม และไม่ให้นางกล้าปฏิเสธ”

ฮองเฮารู้สึกเหมือนได้รับพรเล็กน้อย “อนาคตขององค์รัชทายาทคงต้องฝากไว้กับท่านพ่อ เมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ตระกูลเหลียงของเราจะร่ำรวยมั่งคั่งไปตลอดกาล”

นัยน์ตาเล็ก ๆ ของเหลียงไท่ฟู่เป็นแสงเย็น ริมฝีปากก็ขดด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นก็เย็นชาอย่างยิ่ง “ใช่ ตระกูลเหลียงของเราจะได้รับความมั่งคั่งและอำนาจตลอดกาล”

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าหัวใจนางสั่นระรัวอย่างบอกไม่ถูก ในขณะนั้นนางคิดว่าท่านพ่อต้องมีแผนอื่นเป็นแน่

แต่นางรู้สึกถึงความกังวลทันที เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เสด็จพ่อสนับสนุนให้นางรักษาตำแหน่งของตัวเอง และเขาได้ให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง โดยปล่อยให้จักรพรรดิแต่งตั้งเฉียวเอ๋อเป็นองค์รัชทายาท มิฉะนั้นด้วยปัญญาของเฉียวเอ๋อ เกรงว่าคงไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได

องค์รัชทายาทกำลังคุกเข่าคำนับอยู่ด้านนอก หวงไท่โฮ่วที่อยู่ด้านในก็รู้สึกเป็นกังวลมาก

หลังจากที่หมอหลวงออกไป หวงไท่โฮ่วก็ลุกขึ้นนั่ง และตรัสอย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ดี? ในสถานการณ์ตอนนี้ ข้าไม่สามารถควบคุมได้จริง ๆ หรือว่าข้าต้องไปดูที่ภูเขาฮานซานดีหรือไม่?”

ซุนกงกงตรัสอย่างปลอบโยนว่า “ไท่โฮ่ว ท่านอย่ากังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ถึงผู้สำเร็จราชการจะสิ้นพระชนม์แล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครพบศพ ศพนั้นซาบสูญไร้ร่องรอย นอกจากนี้กระหม่อมได้มายินว่าเซี่ยจื่ออานขโมยศพไป ท่านลองดูสถานการณ์ภายในตอนนี้มีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ?”

หวงไท่โฮ่วมองมาที่เขา “เจ้าหมายถึง อาเจี๋ยยังไม่ตายงั้นหรือ?”

ซุนกงกงตรัสว่า “กระหม่อมไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมรู้สึกว่าผู้สําเร็จราชการมีวาสนามาก เป็นไปไม่ได้ที่จะสิ้นพระชนม์เช่นนี้ บางทีอาจเป็นการจงใจกดดันคนบางคน กระหม่อมรู้สึกว่าสองสามวันนี้คงจะมีละครดี ๆ ให้ดูพ่ะย่ะค่ะ”

“มีละครดี ๆ งั้นหรือ?” หวงไท่โฮ่วเอื้อมมือกุมหน้าผาก “ข้ารำคาญเสียจริง ไม่มีใครเห็นเลย”

ซุนกงกงช่วยประคองนางขึ้นมา “พ่ะย่ะค่ะ กระนั้นก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ดูแลร่างกายให้ดีเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

หวงไท่โฮ่วเดินไปได้สองก้าว “เจ้าบอกข้ามาสิว่ามีละครอะไร?”

ซุนกงกงตรัสว่า “สมมติว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้สำเร็จราชการ เช่นนั้นรัชทายาทก็ทรงปกครองบ้านเมืองก็แทบจะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัย แต่กุ้ยไท่เฟยนั่นจะเต็มใจที่จะมอบอำนาจในมือของนางให้เขาอย่างง่ายดายจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? ยังมีอ๋องหนานฮวายอีกคนไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? อีกทั้งยังมี พระสนมที่มีองค์ชายในวังหลังตอนนี้จะแย่งชิงกันไม่ได้หรือ? เบื้องหลังขององค์รัชทายาทล้วนมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่รายล้อมอยู่เต็มไปหมด แล้วไหนจะครอบครัวของพระชายาอีกเล่าพ่ะย่ะค่ะ ไท่โฮ่ว!”

หวงไท่โฮ่วตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ซุนกงกงเป็นคนรอบคอบอยู่เสมอ และมักจะมีความจริงบางอย่างในการวิเคราะห์ของเขา

“พูดต่อไป”

ซุนกงกงเอ่ยต่อว่า “เหลียงไท่ฟู่เป็นเป็นองค์รัชทายาทจริง ๆ หรือไม่ นั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มหาเสนาบดีต้องสนับสนุนองค์รัชทายาทเป็นแน่ มีข่าวลือมานานแล้วว่าองค์รัชทายาทแอบรักเซี่ยหว่านเอ๋อ และมหาเสนาบดีก็ต้องการให้เซี่ยหว่านเอ๋อได้เป็นองค์หญิง เมื่อองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ เทียบเท่ากับการได้รับอำนาจของฮ่องเต้ และในอนาคต เซี่ยหว่านเอ๋อก็จะได้เป็นฮองเฮา ครอบครัวของพระชายามหาเสนาบดีก็จะกลายเป็นคนที่อยู่ใต้คนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น”

“ข้าคงจะไม่มีวันยอมให้องค์รัชทายาทอภิเษกกับเซี่ยหว่านเอ๋อเป็นแน่” หวงไท่โฮ่วตรัสอย่างเย็นชา

ซุนกงกงตรัสว่า “ถ้าองค์รัชทายาทไม่อภิเษกกับเซี่ยหว่านเอ๋อ แล้วมหาเสนาบดีจะช่วยใครได้อีกเล่าพ่ะย่ะค่ะ?