สีหน้าของโพ่เทียนเปลี่ยนไปทันที และทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้ามองอาเป่าที่ยังคงกินเนื้อย่างอย่างสบายใจ แล้วหัวใจของเขาก็ว้าวุ่นมากขึ้น
ทำอย่างไรดี? ถ้าเรื่องราวมันเป็นไปตามที่อัลทิสพูดจะทำอย่างไรดี??? หากเดินอยู่บนถนนหรือเดินอยู่ในคฤหาสน์ บนถนนมีคนตั้งมากมาย ในคฤหาสน์เจ้าเมืองเองก็คนไม่น้อยเลย!
“เหมียว?” อาเป่าไม่รู้ว่าตอนนี้ใจของโพ่เทียนกำลังว้าวุ่น นางยังคงเลียปากอย่างพึงพอใจ ตบท้องด้วยอุ้งเท้าเล็กๆ เหลือบตามองแล้วกระโดดไปหาโพ่เทียน
“นางกินอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงจนกลายเป็นมนุษย์ก่อนวัยอันควรหรือไม่?” อัลทิสถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยและลูบคางของเขา
“คงไม่หรอก นางอยู่กับข้าตลอด ข้าเตรียมทุกอย่างให้กิน ข้าไม่ได้ให้อะไรแปลกๆ กับนางเลย” โพ่เทียนค้านการคาดเดาของอัลทิสทันที
“อย่างนั้นหรือ?” อัลทิสขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เจ้าไม่ได้ละสายตาจากนางเลยสักนิดหรือ?”
โพ่เทียนกำลังจะบอกว่าไม่ แต่ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว
“มีตอนที่เจ้าละสายตาไปใช่หรือไม่?” อัลทิสเข้าใจท่าทีของโพ่เทียนทันทีและถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ใช่ แต่เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น” โพ่เทียนจำได้ว่าตอนนี้เขารออาเป่าเลือกของทำเบาะให้นางเมื่อเดือนที่แล้ว ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวที่อาเป่าละสายตาจากเขา
“แบบนี้อาเป่าจะต้องกินอะไรลับหลังเจ้าแน่ๆ” อัลทิสพยักหน้ายืนยัน
“อาเป่า เจ้าเคยกินอะไรนอกจากที่ข้าให้กินไปหรือไม่?” โพ่เทียนก้มหน้าลงแล้วถามอาเป่าในอ้อมแขนของเขา
“เหมียว?” อาเป่ากะพริบตาราวกับกำลังคิดทบทวนอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นอาเป่าก็รู้สึกตื่นเต้น ขึ้นมาและโบกอุ้งเท้าร้องเหมียว
“นางกำลังพูดถึงอะไร?” อัลทิสไม่เข้าใจเลยว่าอาเป่ากำลังทำท่าอะไรอยู่
“นางกำลังพูดถึงการดื่มอะไรบางอย่างจากขวด” โพ่เทียนพูดพร้อมขมวดคิ้ว อาเป่าดูมีความสุขมากเมื่อได้ยินดังนั้น นางโบกมือและพยักหน้า
อัลทิสอึ้งไปเลย!
“ไม่จริงน่า เจ้าเข้าใจสิ่งที่นางจะบอกจริงๆ หรือ?” อัลทิสถามอย่างไม่เชื่อ
“ไอคิวของเจ้านี่…” โพ่เทียนเหลือบมองอัลทิสด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและหลังจากพูดประโยคนี้เบาๆ เขาก็กอดอาเป่าแล้วเดินไปเลย
“ไปไหน?” อัลทิสลุกขึ้นถาม
“ไปหาขวดที่อาเป่าพูดถึงไง บางทีอาจจะหาสาเหตุที่ร่างของอาเป่าไม่เสถียรเจอก็ได้” โพ่เทียนไม่หันกลับมา เขาพูดประโยคนั้นและเดินไปอย่างรวดเร็ว
“รอข้าด้วย” อัลทิสตามเขาไป
ลีน่าและแวนซ์ก็เดินตามไปเช่นกัน
เหมียว…ทำไมโพ่เทียนถึงต้องหาขวดนั้นล่ะ?
“อาเป่า ขวดนั่นอยู่ในนี้หรือไม่?” โพ่เทียนพาข้าไปที่ห้องที่ข้าเลือกของในวันนั้น
อื้ม มันอยู่ข้างในนี้ เดี๋ยวข้าไปเอามาให้ รอข้าก่อนนะ…
ทางนี้ๆ ข้ามุดเข้าไป นี่ไง ขวดยังอยู่ในนี้เลย
ข้าใช้อุ้งเท้าผลักขวดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เหมียว โพ่เทียน ขวดนี้ไง สิ่งที่อยู่ข้างในมีกลิ่นหอมมาก วันนั้นข้าดื่มไปครั้งเดียวหมดเลย มีมากกว่านี้อีกหรือไม่? ข้าอยากดื่มอีก
ข้าเหยียดอุ้งเท้าออกและชี้ไปที่ขวดแล้วตบท้อง แถมเหลือบมองแล้วนึกถึงกลิ่นหอมนั้น
“อันนี้หรือ?” โพ่เทียนก้มลงหยิบขวดขึ้นมา ข้าก็กระโดดข้ามไปนั่งหมอบบนไหล่ของเขาแล้วปีนขึ้นไปที่คอของเขา เหมียว ผมของโพ่เทียนนุ่มมาก ข้าชอบ
“นี่…” อัลทิสหยิบขวดมาดมแล้วดมอีก จากนั้นก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด
“มีปัญหาอะไรหรือ?” น้ำเสียงของโพ่เทียนดูกังวล กังวลอะไรกัน? นี่เป็นของดีนี่
“นี่ดูเหมือนจะเป็นสารเร่งชีวิต…ของล้ำค่าเช่นนี้ เจ้าไปวางไว้ในมุมเช่นนั้นได้อย่างไร?” อัลทิสขมวดคิ้วและเขย่าขวด
“นี่คือสาเหตุที่การเปลี่ยนแปลงของอาเป่าไม่เสถียรหรือ?” โพ่เทียนถามและหยิบขวดขึ้นมา
เหมียว โพ่เทียน มีสิ่งนี้อีกหรือไม่? ข้ายื่นอุ้งเท้าออกจากหัวของโพ่เทียนเพื่อจะเอื้อมไปหาขวด เฮ้อ ไปไม่ถึงเลย…ข้าขอดมหน่อยนะ ข้าอยากจะดมอีก มันหอม
“น่าจะใช่ แต่ทำไมเจ้าถึงมีของแบบนี้อยู่ที่นี่ล่ะ?” อัลทิสพูดแต่กลับเอื้อมมือไปคว้าอุ้งเท้าข้าไว้
เหมียว ทำอะไร? ข้าจะดึงอุ้งเท้าของข้ากลับแต่อัลทิสไม่ยอมปล่อยเลย
“อาเป่า มาให้ข้าตรวจร่างกายหน่อย” อัลทิสจับอุ้งเท้าของข้าแล้วบีบเบาๆ
ไม่ ข้าเกลียด! ปล่อยข้า! เหมียว โพ่เทียน ข้าไม่อยากให้อัลทิสอุ้ม!
ข้ายื่นอุ้งเท้าอีกข้างออกแล้วจับผมของโพ่เทียน และอัลทิสก็คว้าอุ้งเท้าของข้าแล้วดึงข้าไป
เหมียว! เกลียด! เกลียด! ตัวข้าถูกดึงไปแล้ว! เจ็บนะ อัลทิส ข้าเกลียดเจ้า! คนเลว
“ฮ่าๆ…”
“พรืด…”
ลีน่าและแวนซ์หัวเราะอยู่อีกด้าน
อะไรจะตลกขนาดนั้น! คนเลวสองคน พวกเจ้าไม่ช่วยข้าเลย เห็นอัลทิสรังแกข้าอยู่แท้ๆ ข้าไม่สนใจพวกเจ้าแล้ว!
“อาเป่า เด็กดี ลงมาให้อัลทิสตรวจหน่อยเถอะนะ” เสียงทุ้มๆ ของโพ่เทียนฟีงดูแปลกๆ ทำไมล่ะ?
โพ่เทียนยื่นมือออกมาอุ้มข้า จากนั้นข้าก็ปล่อยอุ้งเท้าและกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของโพ่เทียน ข้าเงยหน้าขึ้นแต่ก็ต้องตกใจ ทำไมโพ่เทียนถึงเป็นแบบนี้? ผมยุ่งน่ากลัวมาก! เหมือนรังไก่ฟ้าบนภูเขาเลย!
“ยังจะร้องอีก ก็เจ้าเป็นคนทำเองไม่ใช่หรือ” โพ่เทียนยิ้มและจัดทรงผมของเขาแล้วลูบหัวข้า
เหมียว ข้าทำหรือ?
“อาเป่า ยื่นอุ้งเท้ามาให้ข้าดูหน่อย” ในที่สุดอัลทิสก็หยุดดึงข้า แต่จับข้าที่อยู่ในอ้อมแขนของโพ่เทียน
เหมียว? ข้ามองขึ้นไปที่โพ่เทียน
โพ่เทียนพยักหน้า จากนั้นข้าก็ยื่นอุ้งเท้าออกไปอย่างระมัดระวัง
อัลทิสจับอุ้งเท้าของข้าไว้แล้วมองอย่างใกล้ชิด จากนั้นก็พลิกอุ้งเท้าดู ทันใดนั้น เขาก็ยื่นนิ้วออกมาและกดที่อุ้งเท้าของข้า
เหมียว! เกลียด! ข้าจะดึงกลับ แต่อัลทิสกำแน่นขึ้นอีก
เขาก็กดอีกครั้งและกดอีกเรื่อยๆ
“อัลทิส เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ถ้าเจ้าเล่นนะตายแน่!” โพ่เทียนพูดอย่างเย็นชา
“เหอะๆ สบายจัง นี่มันสนุกจริงๆ นะ” อัลทิสกดที่เท้าของข้าต่อและหรี่ตาด้วยท่าทางสบายอารมณ์
เหมียว! ข้าโกรธ! น่าเกลียดมาก! ที่แท้คนคนนี้ก็เล่นนี่เอง!
ข้าจะข่วนเจ้าให้ตายเลย!
ข้าดึงอุ้งเท้ากลับและข่วนมือเขาอย่างแรง จากนั้นก็เลื่อนขึ้นไปที่ไหล่ของโพ่เทียนแล้วไปที่หลังของ โพ่เทียนแล้วเกาะไว้
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ!” อัลทิสร้อง
เหอะๆ สมควรแล้ว! ใครบอกให้มาบีบเท้าข้าเล่นล่ะ!
“สมควรแล้ว ใครบอกให้มาบีบเท้าอาเป่าเล่นล่ะ ตอนนี้สบายหรือไม่?” ฮ่าๆ โพ่เทียนของข้า เหอะๆ คิดเหมือนข้าเลย สมควรแล้ว สมน้ำหน้า!
“อาเป่า ข้าชอบเจ้าก็เลยเล่นด้วยแบบนี้หรอกน่า เจ้ามาข่วนข้าเสียได้” น้ำเสียงของอัลทิสทำให้ขนของข้าลุกซู่เลย เหมียว รู้สึกไม่สบายเลย ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด ทำไมรู้สึกคลื่นไส้นะ? เมื่อกี้ข้ากินมากไปแน่ๆ
“เอาละ อาเป่ามีปัญหาอะไรหรือไม่?” โพ่เทียนขัดจังหวะอัลทิสอย่างหมดความอดทน
“ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าจะพูดถึงผลกระทบด้านลบ อย่างเดียวก็คือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เสถียร เมื่อนางแข็งแกร่งขึ้น นางจะควบคุมการเปลี่ยนแปลงของนางได้อย่างอิสระเอง ตอนนี้ข้าบอกไม่ได้ว่านางจะแปลงร่างเมื่อไหร่ ดังนั้นเจ้าควรจะระวังให้ดี” อัลทิสพูดแล้วหัวเราะ
เหมียว? คนเลวคนนี้กำลังหัวเราะอะไร? น่ารำคาญจริงๆ เลย
“ข้าจะควักลูกตาเจ้า!” เสียงของโพ่เทียนกรุ่นโกรธโกรธและพูดกับอัลทิสอย่างดุร้าย
เหมียว! คนเลว! ข้าสะบัดหัวออกจากไหล่ของโพ่เทียน กางอุ้งเท้าออกและโบกมือให้อัลทิส เป็นการเตือนเขาว่าข้าจะข่วนหน้าเขาถ้าเขากล้ามายุ่งกับข้า
“อาเป่า มานี่” โพ่เทียนดึงข้าจากหลังของเขาเข้าไปในอ้อมแขนแล้วก็เดินออกไป
เหมียว? ทำอะไร?
“เจ้าจะทำอะไร คงไม่ได้จะไปค้นหารูปแบบการเปลี่ยนแปลงของอาเป่าหรอกนะ?” เสียงของอัลทิสดังขึ้นข้างหลัง
“ใช่” โพ่เทียนไม่หันกลับไปและพูดประโยคนี้เบาๆ
“ให้ตายสิ! เจ้าวางแผนจะอยู่แต่ในห้องทั้งวันเพื่อค้นหารูปแบบจริงๆ หรือ?” อัลทิสตะโกนจากด้านหลัง
“ทำไมจะไม่ได้?” โพ่เทียนพูดออกมาเบาๆ
“ให้ตายสิ เจ้าก็ล็อกนางไว้ในห้องให้ลีน่าดูไม่ได้หรือ?” อัลทิสวิ่งตามเขาไปด้วยท่าทางแปลกๆ
“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะไม่มีวันปล่อยให้อาเป่าคลาดสายตา” โพ่เทียนก้มลงมองมาที่ข้าด้วยรอยยิ้ม
เหมียว! ข้าเข้าใจประโยคนี้ โพ่เทียนจะอยู่กับข้าตลอดไป ช้าชอบโพ่เทียนที่สุดเลย ข้ายื่นอุ้งเท้าออกไปกอดรอบคอของโพ่เทียนแล้วลูบที่คอของเขา เหมียว…โพ่เทียน ข้าชอบเจ้าที่สุดเลย
“จักจี้อาเป่า…ฮ่าๆ” โพ่เทียนหัวเราะแต่ไม่ได้ขยับหนี
หลังจากนั้นข้าก็กลุ้มใจเลย โพ่เทียนไม่ยอมให้ข้าออกจากห้อง! ข้าอยากออกไปจับผีเสื้อ ข้าอยากออกไปอาบแดด!
ทำไมโพ่เทียนไม่ให้ข้าออกจากห้องล่ะ? หนึ่งวันผ่านไป ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว แต่โพ่เทียนก็ยังไม่ยอมให้ข้าออกไปเลย
ตอนต่อไป →