Ch.111 – แม่แมลงที่น่าหวาดกลัว

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.111 – แม่แมลงที่น่าหวาดกลัว

 

ระหว่างฉินเฟิงกำลังต่อสู้อยู่ชั้นล่าง วังเฉินได้นำสิ่งกีดขวางมาวางทิ้งไว้ตามทางเดิน เพราะหวาดเกรงว่าตนจะถูกไล่ตามมาทัน และสังหารตกตาย แต่ในตอนนั้นเอง เขากลับพบว่าพวกแมลงได้ล่าถอยลงจากชั้นสองอย่างกระทันหัน ระเบียงทางเดินจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เขาเลยตัดสินใจลองกลับลงไป และเจอกับฉินเฟิงในที่สุด

 

แล้วเบื้องหน้าเขา ก็ปรากฏฉากที่น่ากลัวสุดแสน น่าผวายิ่งกว่าการหนีตายเอาชีวิตรอดจากพวกแมลงเมื่อครู่ซะอีก เขาจึงยอมกัดฟัน ตัดสินใจก้าวออกไปสนทนา หว่านล้อมฉินเฟิง

 

—-

 

วังเฉินนำฉินเฟิงไปที่หน้าต่าง ที่นั่นมีปืนไรเฟิลถูกตั้งเอาไว้

 

“มิสเตอร์ฉิน ทางนั้น!” เขาส่งสัญญาณให้ลองก้มลงมองผ่านสโคปปืน ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

 

ฉินเฟิงโน้มตัว แนบสายตายลง มองออกไปภายนอก

 

ขณะนี้ ใจกลางเมืองหานยังคงปราฏรอยแยกสีดำขนาดใหญ่ พวกแมลงสัตว์ร้ายยังคงมีคืบคลานออกมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มหาศาลเหมือนกับช่วงแรก

 

ในท้องถนนเต็มไปด้วยกองทัพแมลง พาหนะถูกจอดทิ้งเอาไว้ ตามผนังของตึกรามสาดกระเซ็น เปื้อนไปด้วยเลือด

 

แม้จุดที่ฉินเฟิงอยู่จะเป็นชั้นสอง แต่เนื่องจากความแข็งแกร่งและสถานะของหลิวซู ทำเลของโรงแรมแห่งนี้จึงถูกตั้งอยู่บนย่านที่คึกคักที่สุด มันติดถนน เพียงมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็สามารถพบเจอกับถนนที่แต่เดิมเคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คน และสามารถมองเห็นอาคารย่านการค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้โดยไม่มีตึกใดมาขวางกั้น

 

ทว่าเวลานี้ ณ กึ่งกลางของสองอาคารฝั่งตรงข้าม กลับมีเส้นใยขนาดใหญ่ ถักทอเป็นรังแมงมุมปรากฏขึ้น

 

เหนือขึ้นไปบนรัง ปรากฏแมงมุมขนาดใหญ่ ที่เพียงมองก็ทำให้สันหลังของผู้คนเย็นวาบ

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของฉินเฟิงก็กลายเป็นร้ายแรง

 

“นั่นมันราชันย์สัตว์ร้าย!”

 

ต้องทราบนะว่าระยะห่างระหว่างอาคารทั้งสอง อย่างน้อยก็กว้างกว่า 70 – 80 เมตร

 

แต่แมงมุมกลับสามารถสร้างรังไว้คั่นกลางได้

 

มันมีขนาดตัวใหญ่แค่ไหนกัน?

 

หากสังเกตดีๆ จะพบว่าใยแมงมุมที่ใช้ถักทอในการทำรัง มันมีความหนาราวกับเชือกป่าน ฉะนั้นแมงมุมบนรัง เพียงเฉพาะร่างกายของมัน อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 3 – 4 เมตร! หากบวกกับขาทั้งแปดที่โค้งมนของมันไปด้วย ก็น่าจะเกือบๆ 10 เมตร!

 

สัตว์ร้ายยักษ์ตนนี้ คือตัวที่ใหญ่ที่สุดเลย ที่ฉินเฟิงเคยเห็น นับตั้งแต่ที่เขาได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

 

ขนาดตัว 10 เมตรเท่ากับเท่าไหร่น่ะหรือ? หากคำนวณโดยเทียบกับตึกอาคาร หนึ่งชั้นจะมีความสูงประมาณ 3 เมตร นั่นเท่ากับว่าแมงมุมยักษ์ตัวนี้มีความสูงเทียบเท่ากับตึกสามชั้น!

 

ฉะนั้น การที่แมงมุมสามารถสร้างรังใจกลางอาคารทั้งสองได้ ทุกท่านคงสามารถจินตนาการได้ใช่หรือไม่ ถึงความรู้สึกตื่นตกใจของผู้ที่ได้พบเห็นมันกับตา

 

ไม่เพียงแค่นั้น บนรังแมงมุม ยังมีบางสิ่งคล้ายๆรังไหมแขวนอยู่นับหลายสิบ เมื่อเทียบกับขนาดของแมงมุมแล้ว มันมีขนาดเพียง 1/ 10 เท่านั้น

 

แต่ฉินเฟิงทราบดี เพราะดูจากขนาดของรังไหมแล้ว ที่อยู่ภายในนั้นคงจะเป็นมนุษย์ที่โดนจับมาโดยราชันย์สัตว์ร้าย

 

“มันคือแม่พันธ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก!” เหอหลิงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นไหว

 

“แต่ตอนนี้มันหาอาหารได้มากพอแล้ว แม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก เมื่อจับอาหารได้เพียงพอ มันก็จะเริ่มผสมพันธุ์ โดยการวางไข่บนร่างกายมนุษย์ ซึ่งคนนึงจะสามารถฟักไข่ลูกแมงมุมขาเหล็กได้ราวๆ 300 ตัว ”

 

“ลูกแมงมุมแรกเกิด จะใช้เวลาสามวันในการฟักไข่ เมื่อถึงเวลานั้น น่ากลัวว่า สถานที่แห่งนั้น ลากยาวจนมาถึงตำแหน่งที่พวกเราหลบภัยอยู่ จะกลายเป็นทะเลแมงมุม!”

 

คิ้วของฉินเฟิงขมวดมุ่นอย่างรุนแรง

 

ที่เหอหลิงกล่าว ใช่ว่าจะไม่ถูกต้อง

 

อันที่จริง ช่วงที่เขาต่อสู้ในชั้นแรกเมื่อครู่นี้ มันก็มีแมงมุมขาเหล็กรวมอยู่ด้วยเช่นกัน และพวกมันล้วนเป็นแมงมุมตัวผู้ แม้จะแกร่งไม่เบา แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นตึงมือสำหรับฉินเฟิง ทว่าหากพวกมันมาที่นี่ เกรงว่าในตำแหน่งอื่นรอบรัศมีของรังแมงมุมที่มีมนุษย์หลบอยู่มันก็ต้องไปเหมือนกัน และหากพวกเขาถูกจับตัวไปเป็นที่ฟักไข่ แบบนั้นคงลำบากไม่น้อย

 

เมื่อลูกหลานระลอกใหม่เกิดมา แมงมุมตัวผู้ก็จะยิ่งออกล่าหาอาหารมากขึ้น

 

“เราไม่สามารถปล่อยให้มันแพร่พันธุ์ได้!”

 

ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“พวกเราเองก็รู้ดีถึงข้อนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีทางทำอะไรได้เลย เพราะมันคือราชันย์สัตว์ร้าย!”

 

วังเฉินกัดริมฝีปาก จนรับรู้ได้ถึงความฝาดขมของเลือดที่หลั่งออกมา

 

ฉินเฟิงพยักหน้า เขาพอจะเข้าใจได้ถึงความรู้สึกไร้กำลังของคนเหล่านี้

 

“งั้นรอให้ถึงคืนนี้ก่อน ฉันจะเป็นคนลงมือจัดการมันเอง!”

 

ปัจจุบันมีดกษัตริย์ครามยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นฉินเฟิงไม่อาจดำเนินการอย่างผลีผลามได้

 

เพราะแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กระดับราชันย์ ไม่ใช่การดำรงอยู่ที่สามารถหักหาญด้วยมือเปล่าได้

 

อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของฉินเฟิง ทำให้ทั้งสามคนต้องเบิกตาค้าง ยากที่จะทำใจเชื่อ

 

“มิสเตอร์ฉิน … คุณกำลังจะบอกว่า ตัวเองสามารถสังหารราชันย์สัตว์ร้ายได้อย่างงั้นหรอ?” เหอหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามต่อว่า “มิสเตอร์ฉิน ตอนนี้คุณมีระดับความแข็งแกร่งเท่าไหร่กันแน่?”

 

เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะอยู่ในเลเวล E !

 

แต่ดูจากใบหน้าของฉินเฟิง เหมือนจะเป็นแค่รุ่นเยาว์อายุ17 – 18 ปีเท่านั้นเอง หากไปถึงเลเวล E แล้ว เทียบกับหลิวซูที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ไม่เท่ากับว่าเขาเหยียบย่ำเธอจนจมดินเลยหรือ?

 

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางๆ

 

“พวกนายอย่าถามเลย เพราะถ้าฉันบอกไปก็คงจะไม่เชื่อกันอยู่ดี”

 

ฉินเฟิงแน่นอนย่อมไม่อาจเอ่ยออกไปว่าเขาคือผู้ใช้พลังในเลเวล F4 ทว่าหากนับเพียงความสามารถ มันห่างไกลเกินกว่าที่คนเหล่านี้จะสามารถจินตนาการได้

 

ยังไงก็ตาม ต่อให้โม้เรื่องความแข็งแกร่งที่ว่านั่น คนเหล่านี้ก็คงไม่อาจทำใจเชื่อว่าเขาสามารถสังหารแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กได้อยู่ดีมิใช่หรือ?

 

ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นเขาไม่พูดออกไปเลยจะดีกว่า

 

ทันทีที่ฉินเฟิงเอ่ยในเชิงกำกวม ผู้คนก็บังเกิดความรู้สึกว่า ฉินเฟิงนี่ช่างเป็นคนที่ลึกล้ำ มิอาจหยั่งรู้ได้จริงๆ บางทีคนตรงหน้าอาจจะแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเขาคิดก็ได้

 

ช่วงเวลานั้นเอง ทั้งหมดก็หวั่นเกรงในตัวฉินเฟิงยิ่งกว่าเดิม

 

“ตามฉันมา อาคารติดถนนแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้ป้องกัน”

 

“รับทราบ!” อันที่จริงพวกเขาก็ตระหนักดีว่ามันไม่เหมาะสมสำหรับใช้ป้องกัน แต่เหตุผลหลักที่ตัดสินใจมาที่นี่ในก่อนหน้านี้ ก็เพราะที่นี่มีอาหาร!

 

แต่ปัจจุบัน หลังจากที่ถูกบุกจนเกือบตายแล้ว มันคงจะดีกว่าหากจากไป

 

นับว่าพลาดจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาประเมินพวกแมลงสัตว์ร้ายต่ำเกินไป!

 

“อันดับแรก ไปเติมเสบียงสำหรับต่อสู้ที่ร้านขายอุปกรณ์กันก่อน อย่างเช่นปืนพลังงานของนาย!” ฉินเฟิงกล่าว

 

“รับทราบ!” เป็นธรรมดาที่วังเฉินคือคนแรกที่ตอบรับเห็นด้วย เพราะเสบียงที่ใช้การต่อสู้ สารห้ามเลือด หรือบางสิ่งที่คล้ายๆกัน ทั้งหมดล้วนสามารถหาได้จากร้านอุปกรณ์ของหลิวเซินซาน

 

ฉินเฟิงนำหน้า

 

วังเฉินและสหายทั้งสองเดินตามหลัง ลงไปยังชั้นหนึ่ง มุ่งหน้าสู่ทางเดินไปยังร้านอุปกรณ์อีกครั้ง

 

แม้ก่อนหน้านี้ ช่วงที่ฉินเฟิงเดินผ่าน เขาจะเก็บกวาดพวกแมลงจนสิ้นแล้ว แต่การต่อสู้ที่ว่า มันก็ผ่านไประยะหนึ่ง ดังนั้นปัจจุบันจึงมีแมลงอีกจำนวนหนึ่งบุกเข้ามา

 

และคุณคงสามารถจินตนาการได้ ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะพบเจอจากนี้ —น่าหวาดกลัวเพียงใดสำหรับพวกแมลง!!

 

“เพลิงโลกันต์!”

 

ฉินเฟิงวาดมือออกไป ปรากฏบอลไฟกว่าห้าลูกลุกพรึบขึ้นบนฝ่ามือของเขา

 

และยิงออกไปตามทิศทางต่างๆ

 

ตูม ตูม ตูมมมม!

 

ลูกไฟระเบิดเข้าใส่พวกแมลง จากนั้นเปลวไฟก็ลุกลามไปตามร่างพวกมันราวกับหนอนไชกระดูก กลืนกินเหล่าแมลง พวกมันพยายามดิ้นรน กรีดร้องลั่นจนสิ้นใจ

 

“รีบเดินกันเร็ว เพราะถ้าฉันสามารถกำจัดพวกมันได้ ใครบางคนก็น่าจะสามารถจัดการพวกมันได้เหมือนกัน ระหว่างเกิดเรื่อง อาจมีใครบางคนมาขโมยของจากร้านอุปกรณ์ไปแล้วก็ได้” ฉินเฟิงกล่าว

 

สำหรับร้านอุปกรณ์ ในช่วงเวลาที่เมืองล่มสลาย มันไร้ซึ่งคนคอยเฝ้า นั่นหมายความว่าทุกอุปกรณ์ไม่มีเจ้าของ ผู้ใดก็สามารถฉกชิงไปได้

 

“เข้าใจแล้ว!”

 

ที่จริงแล้ว แม้ในหน้าร้านอุปกรณ์ ถึงทั้งหมดจะดูเต็มไปด้วยสินค้ามากมาย แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้มากอะไร ชุดรบต่างๆที่จัดแสดงเอาไว้ แต่ละราคาล้วนมีเพียงตัวเดียว ที่เหลือส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในโกดังหลังร้าน และมีเพียงหลิวเซินซานเท่านั้นที่สามารถเข้าไปเอามันได้

 

อย่างไรก็ตาม หน้าร้านยังคงมีเสบียงที่จำเป็นในการต่อสู้อยู่ วางขายไว้อีกหลายอย่าง เช่นบิสกิตอัดแท่ง สต็อกยา ฯลฯ

 

ไม่นานนัก วังเฉินก็ค้นพบสเปรย์ห้ามเลือด เขาฉีกทึ้งเสื้อของตัวเอง แล้วฉีดมันเข้าใส่บริเวณท้องทันที –ก่อนหน้านี้เขาถูกตั๊กแตนใบมีดฟันเอา เกือบตกตายภายใต้เคียวของมัน

 

จากนั้นก็เอาที่ปิดแผล มาปิดทับลงไป เริ่มพันมันอีกครั้ง แล้วก็รู้สึกคลายใจลงในที่สุด

 

ทั้งสี่คนดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งที่สามารถใช้งานได้ถูกรูดทรัพย์ไปหมดสิ้น จนเต็มกระเป๋าสะพายต่อสู้กว่า 8 ใบ

 

จากนั้น ทั้งสี่ก็ถอนตัว มุ่งหน้าสู่สวนหลังบ้าน

 

“เสี่ยวไป๋ เปิดประตูให้ฉันที”

 

ฉินเฟิงแจ้งไป๋หลีผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

 

ประตูเหล็กถูกเปิดออก ภายในห้อง หลิวเซินซานยังคงวุ่นอยู่ข้างๆเตาหลอม

 

เป็นเวลากว่า 40 นาทีที่ฉินเฟิงจากไป ตอนนี้ หัวหอกจึงได้ถูกถอดออกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมันกำลังถูกละลาย และหลอมรวมเข้ากับมีดกษัตริย์คราม

 

ฉินเฟิงเข้ามาที่นี่พร้อมกับอีกสามคน ปิดประตูอีกครั้ง หลิวเซินซานพอเห็นฉินเฟิงกลับมาเขาก็ถอนหายใจโล่งอก

 

“ด้านนอกเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ยังถือว่าดีครับ”

 

สำหรับเรื่องเกี่ยวกับแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก มันไม่จำเป็นต้องบอกแก่หลิวเซินซาน

 

“อย่างงั้นหรอ จริงสิฉินเฟิง รบกวนไปหาหลิวซูที่ชั้นใต้ดินทีได้ไหม บอกพวกเธอว่าด้านนอกปลอดภัยดี ให้ออกมาพักที่นี่ชั่วคราว ไปพักในโกดังอีกสองห้องที่อยู่ใกล้ๆกับห้องหลอมก็ได้ ระบบป้องกันที่นั่นแข็งแกรงทนทานไม่แพ้ที่นี่เหมือนกัน!”

 

ฉินเฟิงก็คิดถึงเรื่องนั้นไว้ก่อนแล้วเช่นกัน ว่าสภาพแวดล้อมในชั้นใต้ดินคงแย่เกินไป แม้ด้านนอกจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่หากมีฉินเฟิงอยู่ที่นี่ ก็ยังสามารถหักลบ กลบความเสี่ยงที่ว่านั่นได้