ตอนที่ 288 ตรวจ DNA!
ซูมู่ชิงมองเย่เฉินอย่างกระดากอาย เขาเองก็มองหญิงสาวด้วยสายตาเช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนมีศีลธรรมอย่างมาก ไม่มีทางเผลอตัวเผลอใจไปกับคนแปลกหน้าไปเรื่อยแน่นอน

ทว่าท้ายที่สุดแล้วทั้งสองคนก็ต้องมานอนบนพื้น โดยมีซือซือคั่นตรงกลาง

พวกเขาตัดสินใจว่ากล่อมแม่หนูตัวน้อยก่อนแล้วค่อยว่ากัน

หลังจากนั้นเย่เฉินก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง

45 นาทีต่อมาไฟในห้องก็ดับลง แล้วมืดสนิท

ซือซือหลับสนิทอย่างรวดเร็ว ส่วนเย่เฉินกับซูมู่ชิงก็แกล้งหลับเพื่อนอนเป็นเพื่อนซือซือ

“คุณหนูซู คุณหนูซู”

เมื่อเห็นซือซือหลับสนิทแล้ว เย่เฉินก็เรียกซูมู่ชิง เสียงแผ่ว

ทว่าเรียกไปตั้งหลายที ซูมู่ชิงก็ไม่มีท่าทีตอบรับ

“หรือว่าหล่อนก็หลับไปแล้ว?”

เย่เฉินเองก็ประหลาดใจ แล้วเปิดไฟฉายในโทรศัพท์ส่องไปหาหล่อน

ซูมู่ชิงนอนตะแคงหันหน้ามาทางเย่เฉินกับซือซือ เมื่อมองผ่านแสงไฟฉายก็ทำให้เห็นเสี้ยวหน้าที่งดงามของซูมู่ชิงเลือนลาง

“เสี้ยวหน้าของหล่อนเหมือนหวังเจียเหยาจัง…”

ไม่รู้ว่าผู้หญิงหน้าตาสวยๆ จะเหมือนๆ กันหมดหรือเปล่า แต่เย่เฉินคิดว่าเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายคล้ายคลึงกับหวังเจียเหยาอย่างมาก

“คุณหนูซู…”

เย่เฉินยื่นมือออกไปแตะแขนของหญิงสาว โดยที่เจ้าหล่อนสวมชุดนอนอยู่ดันั้นเขาจึงไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่าย

ทว่าซูมู่ชิงยังไม่มีปฏิกิริยตอบสนอง

นี่ทำให้เย่เฉินรู้สึกประะหลาดใจ เพราะว่าเขาพอจะมองออกว่าซูมู่ชิงไม่ได้นอนด้วยซ้ำ

“หล่อนไม่ได้นอนหลับเห็นๆ แล้วทำไมหล่อนถึงไม่ตอบนะในตอนที่เราปลุก?”

เย่เฉินสำรวจสีหน้าท่าทางของซูมู่ชิงอย่างละเอียด แล้วพบว่าในตอนที่ตอนเองแตะต้องตัวหล่อน หญิงสาวจะหอบหายใจถี่กระชั้นแล้วมีท่าทีตื่นเต้น

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็นึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งล่าสุดที่เจอกันพวกเขาเจอกันที่ร้านกาแฟซือเฉิน

ครั้งนั้นเย่เฉินทำไปเพื่อทดสอบว่าด้านนอกร้านกาแฟซือเฉินของซูมู่ชิงมีบอดี้การ์ดหรือไม่ ดังนั้นถึงได้จงใจทำทีลวนลามหล่อน ทำท่าทีแกล้งจะจุมพิตหญิงสาว

และในเวลานั้นเองซูมู่ชิงก็มีท่าทีเช่นนี้!ลมหายใจหอบถี่กระชั้น ตึงเครียด! แต่ว่าไม่กล้าร้องเสียงดังและก็ไม่กล้าปฏิเสธ!

เหมือนจะรู้ว่าเย่เฉินจะจุมพิตหล่อน!

“โอ้ยจะเป็นลม!”

เหมือนว่าเย่เฉินพอจะเข้าใจสาเหตุในการแกล้งหลับครั้งนี้ของซูมู่ชิง!

หล่อนอาจจะรู้สึกว่าเย่เฉินเรียกหล่อนเพราะแค่อยากจะหยั่งเชิงว่าหล่อนนอนหลับหรือเปล่า

ถ้าหากว่าไม่ได้หลับ เย่เฉินก็จะสามารถแต๊ะอั๋งหล่อน หรือว่าจะจูบหล่อนก็ได้

มีผู้ชายจำนวนมากในโลกใบนี้ที่ทำแบบนี้

แต่เย่เฉินไม่ได้คิดอะไรแบบนี้ ที่เขาเรียกหญิงสาวเพราะมีเรื่องสำคัญ!

เย่เฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “คุณหนูซู ผมรู้ว่าคุณยังไม่หลับ คุณออกมาหน่อยได้ไหม? ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

เมื่อได้ยินเย่เฉินพูดเช่นนี้ ซูมู่ชิงถึงได้ลืมตา ใบหน้าแดงก่ำ มีสีหน้าเก้อเขิน “อ้อ”

ตอนนี้เป็นช่วงหน้าหนาว อากาศด้านนอกห้องหนาวมาก ทั้งสองคนสวมเสื้อขนเป็ดตัวหนาออกมาด้านนอกตัวบ้าน

เพิ่งเดินออกมาก็พบว่าในตัวบ้านมีหิมะสีขาวบางๆ ปกคลุมอยู่

“หิมะตกแล้ว”

เย่เฉินและซูมู่ชิงดีใจอย่างมาก ดูแล้วทั้งสองคนชอบหิมะอย่างมาก

“คุณเองก็ชอบหิมะมากใช่ไหม?” เย่เฉินกล่าวถาม

ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ “ฉันกับซือซือชอบหิมะกันมาก”

“ในเมื่อซือซือเองก็ชอบหิมะ อีกสองวันเดี๋ยวพวกเราไปเล่นสกีกันดีไหม?” อย่าไรเสียเย่เฉินเองก็อยู่ที่นี่หลายวัน

“อื้ม ได้สิคะ” ซูมู่ชิงเองก็ตกปากรับคำอย่างดีใจ

เย่เฉินและซูมู่ชิงยืนอยู่ที่หน้าประตูมองเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาจากบนฟ้า เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเย่เฉินก็เปิดปากเอ่ยช้าๆ

“คุณหนูซู การพบกันของเราในวันนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ ผมเฃยไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณดีๆ เลยผมมีเรื่องจะถามคุณตั้งเยอะ”

ซูมู่ชิงซุกมือในเสื้อกันหนาว “ถามมาสิคะ”

เย่เฉินกล่าว “เรื่องที่พี่รองเอาตัวคุณมาให้ผม แล้วก็เรื่องที่ผมเป็นพ่อของซือซือ ตระกูลซูของพวกคุณมีใครรู้บ้าง?”

เย่เฉินคาดเดาว่าคนส่วนมากในตระกูลซูจะต้องไม่รู้เรื่องนี้ อย่างน้อยๆ ผู้ใหญ่ของตระกูลซูในตอนนี้ก็น่าจะยังไม่รู้เรื่อง

เพราะถ้าพวกเขารู้ว่าคนที่เคยรังแกซูมู่ชิงคือเขาล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงส่งคนมาตามฆ่าตนเองนานแล้ว

หรือไม่ก็ด้วยความสัมพันธ์ที่มีกับปู่ของเย่เฉินก็น่าจะโทรศัพท์มาถามพวกเขาแล้ว

ผลลัพธ์คือไม่ต่างไปจากการคาดเดาของเย่เฉินมากนัก หญิงสาวตอบ “ฉันบอกแค่มู่หลิน แต่เขาบอกคนอื่นหรือเปล่า ฉันไม่รู้”

“อืม”

เย่เฉินเองก็คิดว่าตอนนี้คนทั้งตระกูลซูนอกจากเจ้าตัวแล้ว มีเพียงแค่น้องชายหล่อนที่รู้เรื่องนี้

ซูมู่ชิงกล่าว “ฉันไม่คิดจะบอกมู่หลิน แต่ว่าเขาเอาแต่ซักไซร้ฉัน เราสองคนพี่น้องสนิทสนมกันมาก เมื่อปีก่อนฉันทนไม่ไหวเลยบอกเขา แต่ว่าฉันกำชับเขาเอาไว้แล้วว่าห้ามไปหาคุณ แล้วก็ห้ามหาเรื่องคุณด้วย เขาได้ลงมือทำร้ายคุณหรือเปล่า?”

เย่เฉินแค่นเสียงเย็น “ผมรู้แจ้งในความสนิทสนมของพวกคุณสองคนพี่น้องเลยล่ะ เขาไม่เคยมาหาผมจริงๆ แต่ไปหาภรรยาในตอนนั้นของผม”

“หวังเจียเหยา? เขาไปหาหวังเจียเหยาทำไม?” ซูมู่ชิงตกตะลึง

เย่เฉินไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ แล้วกล่าวออกมา “เมื่อก่อนหน้านี้หวังเจียเหยาตั้งท้องคลอดเด็กแฝด ทารกผู้หญิงหนึ่งในคู่แฝดเป็นสายเลือดของซูมู่หลิน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูมู่ชิงก็ตกตะลึง!

“อะไรนะ? มู่หลินเขา…”

ซูมู่ชิงแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน คิดไม่ถึงว่าน้องชายของตนเองจะกล้าทำเรื่องแบบนี้

หล่อนรู้ว่าทั้งหมดที่ซูมู่หลินทำไปก็เพื่อหล่อน เขาใช้วิธีเช่นนี้ล้างแค้นเย่เฉิน!

ซูมู่ชิงละอายใจจนไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไร หญิงสาวจึงทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเขา!

“ขอโทษด้วยนะคะ เย่เฉิน น้องชายฉันเขาทำแบบนี้เพราะฉัน ฉันมีน้องชายแค่คนเดียว ฉันหวังว่าคุณจะใจกว้างปล่อยเขาไป ขอแค่คุณไม่ฆ่าเขาจะลงโทษเขายังไงก็ได้”

เห็นได้ชัดว่าซูมู่ชิงเองก็พอจะรู้ถึงกิตติศัพท์ของตระกูลเย่!

ลูกหลานคนตระกูลเย่โดนเหยียดหยามแบบนี้ ผลที่จะตามมาคงจะหนักหนาสาหัส!

เย่เฉินก้มหน้าลงมองซูมู่ชิงที่คุกเข่าลงบนพื้น เกล็ดหิมะร่วงบนเรือนผมของหญิงสาวไม่หยุด

แสงไฟสลัวๆ ในบ้านทำให้ซูมู่ชิงรู้สึกเห็นความงดงามที่เกิดขึ้น

เย่เฉินย่อตัวลงประคองซูมู่ชิงขึ้นมา “คุณลุกขึ้นมาก่อน ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เราค่อยคุยกันทีหลัง”

เมื่อประคองซูมู่ชิงแล้ว ก็กล่าวกับเย่เฉิน “ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากจะคุยกับคุณ ผมอยากจะตรวจ DNA ซือซือ แต่คุณหนูซูอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้คิดว่าพวกคุณกำลังหลอกลวงผม ผมรู้ว่าตระกูลซูของพวกคุณมีเงิน พวกคุณไม่ได้ต้องการเงินของตระกูลเย่ของเรา ผมย่อมไม่คิดว่าพวกคุณจะกุเรื่องลูกสาวมาหลอกผม

แต่ว่าผมจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับตระกูล กฎเกณฑ์ของตระกูลเย่ของเราคือ เด็กทุกคนจำเป็นต้องตรวจ DNA คุณคงจะเคยได้ยินพี่รองของผมพูดมาบ้างแล้ว ทั้งศักยภาพและอิทธิพลของตระกูลเย่ของเราที่มีในเวทีโลก ถ้าซือซือได้เข้าตระกูลเย่ของเราจะต้องมีประโยชน์กับหล่อนในอนาคต”

เย่เฉินเองไม่ได้สงสัยเรื่องที่ซือซือเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาหรือไม่ เขารู้สึกว่าเขากับซือซือมีสายสัมพันธ์กัน

แต่ว่าหลังจากเรื่องหวังเจียเหยาเมื่อคราวก่อนทำให้เย่เฉินเกิดหวาดกลัวขึ้นมา เขาจึงเลือกตรวจ DNA เพื่อความสบายใจ

ซูมู่ชิงครุ่นคิดแล้วตอบ “ได้สิ”