สีหน้าของแสนรักเปลี่ยนไป
เขาเหมือนถูกคนเหยียบไปตรงจุดที่เจ็บปวด ทั้งๆที่เมื่อกี๊ตอนที่ไม่พอใจคุณท่าน เชิดใส่อย่างมั่นใจ แต่ตอนนี้ เขากลับพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง
แม้แต่ใบหน้าที่แสนจะหล่อเหลานั้นก็ดูเหยเกอย่างมาก
“นั่นก็เพราะหมี่ไม่เจ้าอารมณ์ ไม่ติดใจเอาความแก ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น แกว่าแกยังจะสามารถยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่เป็นอะไรเลยได้อีกไหม?”
“……”
หลายวินาทีถัดมา แสนรักที่ยืนอึดอัดอยู่ตรงนั้น พูดอย่างเขินอาย:“ผมบอกแล้วว่าจะชดเชยให้เธอ เธอไม่เอาเอง”
“ชดเชย?แกชดเชยให้เธอเท่าไหร่?สองร้อยล้าน?หรือสามร้อยล้าน?”คุณท่านถามด้วยความโกรธอีกครั้ง
จากทรัพย์สินของตระกูลหิรัญชาตอนนี้ จริงๆแล้ว เส้นหมี่ในฐานะที่เป็นแม่ของเด็กสองคนนี้ ชดเชยด้วยตัวเลขนี้ ถือว่าน้อยมาก
แสนรักกลับหุบปากลงอย่างสิ้นเชิง
เขาบอกชายชราคนนี้ไม่ได้ว่า เขาเอาเงินหนึ่งล้านที่เอามาจากผู้หญิงคนนั้นคืนกลับไปให้เธอ ถ้าบอกไป ก็ไม่รู้ว่าชายชราคนนี้จะโกรธขนาดไหน?
และก็ เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมเขาต้องชดเชยเงินมากมายให้ผู้หญิงคนนี้ขนาดนั้นด้วย?
ก็แค่หลอก เขาก็ขอโทษไปแล้ว เรื่องก็จบลงแล้ว จะทำให้เรื่องราวเว่อร์ไปทำไมกัน?
“พูดไม่ออกเลยใช่ไหม?แกมันระยำ ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกต้องเป็นแบบนี้!ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเรื่องนี้ฉันตัดสินแทนแกเอง รอหมี่มา แกเอาทะเบียนบ้านของเธอออกมา วันนี้พวกแกไปหย่ากันที่อำเภอ!”
“พ่อพูดอะไร?หย่า?”
ในที่สุดชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงห้องโถงก็ได้สติคืนมา เขาจ้องชายชราคนนี้ ท่าทางนั้นดูประหลาดใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน
คุณท่านก็จ้องเขา:“ถูกต้อง หย่า!ฉันบอกแล้วไง ในเมื่อตอนนั้นเธอคือคนจากตระกูลวชิรนันท์ที่ฉันช่วยแต่งงานให้แกอย่างสง่างาม งั้นถ้าวันนี้แกจะให้เธอกลับไปอยู่ทะเบียนบ้านตระกูลวชิรนันท์ ก็ต้องเดินออกไปจากประตูบ้านหลังนี้อย่างเที่ยงธรรม ฉันทนไม่ไหวหรอกนะที่คนระยำอย่างแกทำแบบนี้!”
แสนรัก:“……”
จู่ๆสมองก็ว่างเปล่า ไม่คิดอะไรอีก พูดออกไปทันที:“ใครว่าผมจะหย่ากับเธอ?”
คุณท่านกมลภพตะลึง:“แกไม่หย่ากับเธอ?งั้นแกจะใช้วิธีการน่ารังเกียจแบบนี้ไปทำไมกัน?แกคิดจะแอบตัดการตายของเธอบนใบทะเบียนบ้านพวกเรา นี่ไม่ใช่ว่าแกอยากไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเธออีกเหรอ?”
แสนรักถึงกับสะอึก!
เหมือนว่าจู่ๆก็มีอะไรติดในคอ เขาอยากปฏิเสธ แต่พูดไม่ออกสักคำ
เพราะว่า ก่อนที่เขาทำเรื่องนี้ ก็มีความคิดแบบนี้จริงๆ
เส้นหมี่ เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าห้าปีก่อน หรือห้าปีหลัง เขาก็ไม่อยากจะเห็นอยู่ตรงหน้า ความโง่ของเธอ ความโลภของเธอ ความไร้ยางอายของเธอ ทำให้เขาแค่คิดถึงชื่อเธอแล้ว ก็รู้สึกขยะแขยง
ดังนั้น พอเจอเธอที่เมืองเคลียร์ เขาก็ให้เคมีไปทำเรื่องนี้ทันที
จุดประสงค์ ก็เพื่อตัดความสัมพันธ์กับเธอ
แต่ตอนนี้ จู่ๆมาพูดว่าหย่า เขาก็พบอีกว่า เขาไม่ได้มีความสุขขนาดนั้น
“ผมไม่ได้หมายความแบบนี้ ผม……”
“พ่อคะ พ่อน่าจะเข้าใจเขาผิด เขาไม่ได้ไม่อยากหย่ากับฉัน แต่เขาไม่อยากให้เอิกเกริกขนาดนี้ ยังไง เขาเป็นประธานของหิรัญชากรุ๊ป สถานะตอนนี้ คู่ควรกับคุณแป้งร่ำ ถ้าพูดออกไปว่าที่แท้เขายังมีภรรยาเก่าที่ไม่ได้หย่า คงส่งผลไม่ดี”
ไม่มีใครคาดคิดว่า ตอนที่แสนรักจะหาข้ออ้างให้ตัวเอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงตัดบทเขา
พูดจบ ทั้งสองคนในห้องก็หยุดลงทันที มองไปที่หน้าประตู
แต่กลับเห็น หญิงสาวสวมชุดคลุมสบายๆสีกากี ท่อนล่างใส่กางเกงยีนกับรองเท้าผ้าใบสีขาว
น่าจะ เพราะว่าจู่ๆถูกเรียกมาตอนที่ทำงาน ครั้งนี้เธอจึงสวมอย่างธรรมดาๆ ผมเผ้าก็มัดหางม้าง่ายๆ แต่ว่า ถึงจะง่ายๆแบบนี้ แต่ทำให้คนตรงหน้ามองตาเป็นประกาย ใบหน้าเล็กเรียวเท่าฝ่ามือ ผิวขาวสะอาด ภายใต้เสื้อสเวตเตอร์คอเต่านั้น เหมือนหยกขาวชั้นดี ดวงตาสีขาวดำเหมือนสายน้ำแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่แยกกันอย่างชัดเจนคู่นั้น มองดูแล้วเยือกเย็นสดใส แต่ข้างในกลับเหมือนเต็มไปด้วยประกายแวววับ ระยิบระยับจนคนไม่อาจละสายตาออกได้
เส้นหมี่?
เธอมาจริงๆเหรอ?
แสนรักดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ ต่างกับแป้งร่ำจริงๆ
แป้งร่ำชอบของมียี่ห้อ ของบนตัวเธอ ไม่ว่าจะที่ใส่ หรือว่าสวม ต่างเป็นยี่ห้อดังๆ ตอนออกมา ก็ต้องแต่งหน้าอย่างสวยสดงดงาม
เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเธอคือคุณหญิงในอนาคตของประธานแห่งหิรัญชากรุ๊ป
แต่ผู้หญิงตรงหน้านี้ กลับต่างกันโดยสิ้นเชิง
เธอชอบหน้าสด การแต่งตัวบนร่างกายนั้น ก็สวมแบบธรรมดาๆ ไม่ไปสนใจของทำลายล้างเหล่านั้น ทั้งตัวดูสบายๆมากเกินไป
แต่ว่า แสนรักดันรู้สึกว่าไม่สวยอะไรนัก กลับรู้สึกว่าดูน่าเบื่อ
แปลกมากจริงๆ!
“หมี่ มาสักทีนะ?รีบเข้ามาสิ กินข้าวหรือยัง?ให้คนใช้เอาของกินมาให้เธอหน่อยไหมล่ะ?”
คุณท่านพอเห็นเส้นหมี่ ทันใดนั้น เขาก็ดีใจมาก จะให้คนใช้เตรียมอาหารให้เธอ
เส้นหมี่จึงส่ายมือ:“ไม่ค่ะ พ่อคะ ฉันกินมาแล้วคะ เดี๋ยวยังต้องเข้างานอีก พ่อให้ฉันมา เพราะเรื่องที่พ่อพูดเมื่อกี้ใช่ไหม?”