ตอนที่ 641 อยากให้เรื่องราวมันผ่านไป ต้องยอมโดนสวมเขาก่อน / ตอนที่ 642 รถของเขา ใครกล้าขวาง

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 641 อยากให้เรื่องราวมันผ่านไป ต้องยอมโดนสวมเขาก่อน

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองตามชายหนุ่ม

 

 

เห็นมือของหญิงสาวอุดอยู่ที่ปากของฟ่านอวี่ สีหน้าของอวี๋เยว่หานก็ค่อยๆ คล้ำลงทีละนิด

 

 

บนศีรษะ ราวกับปลูกทุ่งหญ้าสีเขียวเอาไว้[1]……

 

 

ตายแล้ว!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เอนซบอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกครั้ง กอดอวี๋เยว่หานที่อยากจะจับเธอโยนออกไปนอกรถเอาไว้

 

 

“ใจร้อนคือปีศาจ อวี๋เยว่หานคุณใจเย็นก่อนนะ ต้องใจเย็นๆ ถ้าโยนฉันออกไป คุณก็จะไม่มีคู่หมั้นแล้วนะ!”

 

 

สีหน้าเย็นชาของอวี๋เยว่หานจ้องไปที่ฟ่านอวี่

 

 

ไม่รอให้เขาเอ่ยอะไร ฟ่านอวี่หันไปจ้องเหนียนเสี่ยวมู่ หัวเราะออกมาเสียงเบา “ลิ่วลิ่ว ท่าทางของคุณตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อก่อน คุณก็ชอบบอกกับผมให้ผมใจเย็นๆ ถ้าเกิดผมโยนคุณออกไป ผมก็จะไม่มีเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กแล้วนะ”

 

 

“เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก” คำนี้พอพูดออกมา สีหน้าของฟ่านอวี่ก็คล้ำลงกว่าเดิม

 

 

อะไรเรียกว่ามาก่อนมาหลัง

 

 

นี่แหล่ะ!

 

 

ฟ่านอวี่ไวกว่าเขาสิบปี

 

 

เป็นช่วงเวลาสิบปีที่เธอบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุด

 

 

เปียโนที่เธอเล่น ฟ่านอวี่เป็นคนสอน

 

 

ศิลปะการป้องกันตัว ฟ่านอวี่เป็นคนสอน

 

 

เทคนิคการตลาดที่ผสมรวมสองอย่างเข้าด้วยกัน ฟ่านอวี่ก็เป็นคนสอน

 

 

เธอเคยจับมือเขา นั่งฟังเขาเล่นเปียโนที่ขอบหน้าต่าง แถมยังเคยนอนบนเตียงของเขา!

 

 

ระหว่างพวกเขา ยังมีความทรงจำงดงามอีกมากมายที่เขาคิดบัญชีไม่หมด และก็ไม่อาจคิดบัญชีได้……

 

 

เรื่องทุกเรื่องที่ฟ่านอวี่พูดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจงใจยั่วให้เขาโมโหหรือเปล่า แต่มันล้วนเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

 

 

แค่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อิจฉาจนแทบจะถีบฟ่านอวี่ให้ตกจากรถ

 

 

“เอี๊ยด——“ เสียงรถเบรกอย่างรุนแรง

 

 

ทุกคนต่างเอนตัวไปด้านหน้า

 

 

อวี๋เยว่หานเอื้อมมือไปกอดร่างเหนียนเสี่ยวมู่เอาไว้ตามสัญชาตญาณ อีกมือหนึ่งยึดเกาะเบาะด้านหลังไว้อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้ร่างของตัวเอง

 

 

จากนั้นก็เงยหน้ามองไปด้านหน้า ถามเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้น”

 

 

คนขับรถก็ร้อนรน

 

 

“คุณชายหาน ด้านหน้าจู่ๆ ก็มีคนกรูกันออกมาเยอะแยะ ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกนักข่าว!”

 

 

คนขับรถพูดจบ อวี๋เยว่หานก็หรี่ตาแคบลง พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเพียงแต่ว่ารอบๆ รถของพวกเขา จู่ๆ มีนักข่าวล้อมไว้เต็มไปหมด

 

 

รถสัมภาษณ์จอดอยู่เต็มถนนเล็กๆ นั่น

 

 

บนรถเต็มไปด้วยนักข่าวจำนวนหนึ่ง แบกกล้องและถือไมค์เอาไว้ พุ่งมาล้อมรถของพวกเขาเอาไว้

 

 

พวกนักข่าวรวดเร็วมาก

 

 

รถของบอดี้การ์ดด้านหลังยังไม่ทันจะได้ทำอะไร พวกนักข่าวก็พุ่งมาที่รถคันหน้าแล้ว

 

 

ยกกล้องขึ้นสูง ถ่ายภาพอย่างไม่ยอมหยุด

 

 

ภาพตรงหน้า เปลี่ยนเป็นโกลาหลในทันที

 

 

รถโดนเบียดจนยากที่จะขับเคลื่อน

 

 

“นักข่าวรู้ได้ยังไง ว่าพวกเรามาที่บ้านเก่าตระกูลสิง” ฟ่านอวี่ที่นั่งอยู่บนรถเช่นกัน เอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยเป็นอันดับแรก

 

 

สิ้นเสียง แววตาของอวี๋เยว่หานก็กระตุก

 

 

ริมฝีปากเม้มแน่น แววตามีแววเย็นชา

 

 

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ต้องถามหรอก คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่บนรถด้านหลังของพวกเขา

 

 

ในเมื่อสิงลี่กล้าออกมาให้สัมภาษณ์กับพวกนักข่าว การที่รายงานกับนักข่าวให้พวกนั้นมาล้อมพวกเขาเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

 

เธอกล้าใช้ประโยชน์จากภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนแอของตัวเอง

 

 

“นักข่าวอยู่ด้านนอกเยอะเกินไป ถนนก็แคบ รถขับออกไปไม่ได้แน่ๆ ครับ” คนขับรถเอ่ยออกมาอย่างร้อนรน

 

 

สิ้นเสียง บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังก็ได้สติ เดินตรงเข้าไปกันพวกนักข่าวที่อยากจะเข้าไปใกล้รถให้ห่างออกมา

 

 

“นี่เป็นการเดินทางส่วนตัว คุณชายหานไม่รับการสัมภาษณ์ใดๆ ถอยออกไป รีบถอยออกไปให้หมด!” บอดี้การ์ดในชุดดำเดินไปตั้งแถวด้านหน้าอย่างเป็นระเบียบ นักข่าวพุ่งมาด้านหน้าอย่างว่องไวถูกกักให้อยู่ห่างจากตัวรถประมาณหนึ่งเมตร

 

 

นักข่าวยังอยากจะพูดอะไร ก็เห็นว่ากระจกถูกเปิดออก

 

 

 

 

[1] ศีรษะปลูกทุ่งหญ้าสีเขียว เป็นการเปรียบเทียบว่าโดนสวมเขา สีเขียวของจีนสื่อถึงการโดนสวมเขา

 

 

 

 

ตอนที่ 642 รถของเขา ใครกล้าขวาง

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของอวี๋เยว่หาน ทั้งหมดก็ต่างสงบนิ่งลงอย่างไม่รู้ตัว

 

 

พวกเขาได้รับสายข่าว จึงรีบบึ่งมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์

 

 

เมื่อมาถึง ก็พบว่าเพื่อนร่วมสายงานเดียวกันมากมายก็ได้รับข่าวนี้เหมือนกัน

 

 

พอเป็นแบบนี้ก็เปลี่ยนเป็นแก่งแย่งกันขึ้นมาทันที

 

 

ใครก็อยากจะได้ข่าวเป็นคนแรก แย่งเอาประเด็นร้อนไปพาดหัวข่าว

 

 

ดังนั้น ต่างก็เลยลืมกันไปว่า คนที่นั่งอยู่ในรถ นอกจากคู่หมั้นที่ลึกลับของอวี๋เยว่หานแล้ว ยังมีอวี๋เยว่หานนั่งอยู่ในนั้นด้วย!

 

 

คุณชายผู้สูงส่งอันดับหนึ่งแห่งเมืองเอช

 

 

ในแวดวงธุรกิจ เป็นคุณชายหานผู้เยือกเย็น

 

 

รถของเขา ใช่ว่าใครอยากจะขวางก็ขวางได้อย่างนั้นหรือ

 

 

ดังนั้น พอหน้าต่างถูกลดลง ปรากฏใบหน้าของเขา หัวใจของพวกนักข่าวต่างก็หล่นไปกองกันอยู่ที่ตาตุ่ม

 

 

ขนาดพวกคนที่โหวกเหวกตะโกนอยากพุ่งตัวเข้าไปเมื่อสักครู่ ตอนนี้ต่างก็เบียดกันถอยหลังอย่างรวดเร็ว

 

 

เอ่ยทักทายออกมาอย่างนอบน้อม “คุณชายหาน!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ที่ถูกอวี๋เยว่หานกอดเอาไว้ ได้ยินเสียง ก็อยากจะเงยหน้าขึ้นแต่โดนอวี๋เยว่หานกดศีรษะเอาไว้เสียก่อน ไม่ยอมให้เผยใบหน้าให้เห็น

 

 

พวกนักข่าวเพิ่งเอ่ยทักทายอวี๋เยว่หานเสร็จ วินาทีต่อมา ก็มองเห็นฟ่านอวี่ที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที!

 

 

ไหนบอกว่า คุณชายหานกับคุณชายฟ่านเป็นคู่แข่งกันไม่ใช่เหรอ ทั้งสองคนไม่เคยร่วมมือกัน ทำไมถึงได้นั่งอยู่บนรถคันเดียวกันได้ล่ะ

 

 

เปรียบเทียบกับใบหน้าเย็นชาของอวี๋เยว่หานแล้ว ฟ่านอวี่กลับโบกมือทักทายนักข่าวอย่างสบายๆ การกระทำที่อ่อนโยนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลินั่น เอาทุกคนครางชื่อของชายหนุ่มออกมาอย่างไม่รู้ตัว “คุณชายฟ่าน……”

 

 

เมื่อทักทายตามมารยาทเสร็จแล้ว นักข่าวต่างก็กำลังจะถอยห่างอย่างขลาดกลัว

 

 

แต่ขณะนั้น มีหลายคนที่เห็นว่ามีผู้หญิงอยู่ในอ้อมกออดของอวี๋เยว่หาน ทั้งหมดก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที!

 

 

คุณชายหานขึ้นชื่อเรื่องไม่เข้าใกล้ผู้หญิง

 

 

คนที่ทำให้เขากอดได้ ต้องเป็นคู่หมั้นที่ลือกันแน่ๆ

 

 

พริบตานั้นเอง ต่างก็มีเสียงและแสงแฟลชดังขึ้นรัวๆ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ปรากฏให้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังเท่านั้น ก็ดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของพวกนักข่าวได้อย่างกับแมลงวันได้กลิ่นเลือด

 

 

ถ้าหากถ่ายรูปใบหน้าตรงของเธอได้ หรือถามคำถามอะไรได้บ้าง……

 

 

นักข่าวที่อยู่ตรงนั้นต่างอยากได้ข่าวที่ยิ่งใหญ่

 

 

แต่ว่าคนที่กอดเธอเอาไว้คืออวี๋เยว่หาน

 

 

อิทธิพลของตระกูลอวี๋ในเมือเอช ไม่ต้องมีใครเตือนพวกเขาก็ต่างรับรู้กันดี

 

 

หากไปล่วงเกินอวี๋เยว่หานเข้า ไม่ต้องรอให้ข่าวออกมาหรอก พวกเขายังไม่ทันจะได้ลิ้มรสความสำเร็จก็ต้องโดนจัดการเป็นแน่

 

 

นักข่าวทุกคนมองหน้ากันเอง ต่างสบเข้ากับสายตาเตือนของฝ่ายตรงข้าม

 

 

จากนั้นก็ถอยหลังไปอย่างตระหนักได้

 

 

กำลังจะถอยไปขึ้นรถ ก็ได้ยินเสียงแหลมของผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาจากรถที่จอดอยู่ด้านหลัง

 

 

จากนั้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก

 

 

สิงลี่ผลักบอดี้การ์ดที่พยายามจับตัวเธอออก ออกมาจากรถคันหลัง เมื่อเห็นนักข่าว ก็พุ่งตัวไปที่รถของเหนียนเสี่ยวมู่อย่างรวดเร็ว

 

 

สองมือจับประตูรถเอาไว้

 

 

“สิงซิง เรื่องที่แกทำไว้ แกไม่กล้ายอมรับหรือไง แกอยากเคลียร์กับฉันไม่ใช่เหรอ ลงมาจากรถสิ ต่อหน้านักข่าวมากมายขนาดนี้ ให้พวกเขาได้ฟังหน่อยว่าแกทำให้ครอบครัวของฉันพังพินาศ ทำให้ฉันต้องเสียโฉมยังไง!”

 

 

ตอนที่สิงลี่พุ่งเข้ามา ประตูรถล็อกอยู่ เธอเปิดไม่ออก

 

 

แต่หน้าต่างยังเปิดอยู่

 

 

เห็นว่าอวี๋เยว่หานกำลังจะปิดมัน เธอจึงเอื้อมมือไปจับหน้าต่างกระจกไว้อย่างรวดเร็ว

 

 

อยากจะปิดหน้าต่าง คงต้องหนีบมือของเธอให้หัก!

 

 

“สิงซิง แกมันเป็นตัวอันตราย!”

 

 

สิงลี่คำรามออกมาเสียงดัง ทำเอานักข่าวที่เตรียมจะจากไปห้อมล้อมเข้ามาอีกครั้ง

 

 

ยกกล้องถ่ายรูปขึ้น ถ่ายภาพเก็บไว้ไม่หยุด

 

 

ไมค์โครโฟนถูกยื่นไปด้านหน้าสุด ไม่กล้าสัมภาษณ์อวี๋เยว่หานที่ทำสีหน้าเย็นชา แต่คำถามมากมายพุ่งไปที่เหนียนเสี่ยวมู่แทน!