ตอนที่159 ช็อปปิ้งฟรี

 

ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังจะโดนรุมตี ขณะนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“นั้นใคร? ค่อยมาพบผมทีหลัง ตอนนี้ไม่ว่าง!”

 

หวันเจียงตะโกนตอบ

 

“คุณหวันเจียง โปรดเปิดประตูให้ผมด้วย ทางผมมาที่นี่เพื่อดำเนินขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จสมบูรณ์”

 

สีหน้าการแสดงออกของหวันเจียงเปลี่ยนไปในบัดดลที่ได้ยิน เขารีบสั่งให้บรรดารปภ.ทั้งหลายวิ่งไปเปิดประตูให้โดยด่วน

 

ด้านนอกประตู ปรากฏเป็นชายวัยกลางคน พร้อมด้วยด้านหลังมีชายหญิงคู่หนึ่งในชุดสูทสีดำถือแฟ้มบางอย่างอยู่ในมือ

 

“คุณเป็นใครครับ?”

 

หวันเจียงเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

 

ชายวันกลางคนตอบว่า

 

“ผมชื่อแชงเจียกง ตัวแทนของบริษัทหยางไห่ ดีเวลลอปเม้นท์ มาทำหน้าที่ส่งมอบเอกสารกรรมสิทธิ์ โดยคุณซินหงจี้ ประธานคนใหม่ของห้างแห่งนี้ได้ส่งหนังสือถึงคุณหวันเจียงให้พ้นสภาพหน้าที่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

 

“แต่ทางผู้จัดการบอกผมว่า เจ้าของคนใหม่ยังให้ผมดำเนินตำแหน่งนี้ต่อไปไม่ใช่เหรอครับ?”

 

แชงเจียกงพยักหน้าและตอบกลับไปว่า

 

“ผู้จัดการเป็นคนขอเก็บคุณไว้ แต่ทางบริษัทใหม่ที่เข้ามาบริษัทกลับไม่ยอมเช่นนั้น จึงมีการเขียนหนังสือฉบับนี้ออกมาในภายหลัง และเลขาของคุณเองก็ต้องออกเช่นกัน เมื่อหนังสืออีกเล่มส่งมาถึง”

 

“อะไรนะ?!นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!”

 

“ตอนนี้คุณพ้นสภาพจากตำแหน่งแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ห้องทำงานของคุณอีกต่อไป เชิญครับ”

 

แชงเจียกงผายมือออกไปทางประตู

 

หวันเจียงทราบดีว่า ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แต่ก่อนจะจากไปเขาขอสั่งสอนจ้าวเฉียนก่อนสักหนึ่งบทเรียน

 

“คุณแชง ผมขอเวลาอีกสักชั่วโมงได้ไหมครับ? แล้วทำจะเก็บข้าวเก็บของออกไปจากที่นี่ทันที”

 

หวังเจียงเอ่ยถาม

 

แชงเจียกงมาที่นี่พร้อมกับภาระหน้าที่ที่ต้องสะสาง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปทั้งแบบนี้

 

“ขออภัยด้วยครับ ทางบริษัทสั่งการให้ผมดำเนินการทันที หากคุณยอมให้ความร่วมมือ ทางเราจะส่งคนเข้ามาเก็บข้าวของพร้อมย้ายออกไปเอง แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ ทางเราก็มีสิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นี้ได้ทันที และเนื่องจากคุณพ้นสภาพหน้าที่แล้ว จะไม่มีพนักงานคนไหนในห้างเชื่อฟังคุณอีกต่อไป โปรดออกไปจากที่นี่ด้วยครับ”

 

แชงเจียกงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาเป็นคำตอบ

 

แต่อย่างไร หวันเจียงยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ดังนั้นเขาจึงขอร้องอ้อนวอนอีกฝ่าย ให้เวลาเขาสักสิบนาทีก็ยังดี อย่างน้อยก็รวบรวมข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง

 

ชางเจียกงพยักหน้าและตอบกลับไปว่า

 

“ผมให้เวลาคุณสิบนาที ผมยังต้องพาทีมทนายความไปหาพนักงานคนอื่นอีก ดังนั้นผมมีเวลาจำกัด ช่วยเร็วหน่อยก็ดีครับ”

 

หวันเจียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าตอบตกลงไป ตามที่หนังสือยื่นเรื่องส่งมาเลย ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรมากไปกว่านี้แล้วในห้างแห่งนี้

 

เซียวลี่รีบกระตุกแขนหวันเจียง เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า

 

“แล้วผมควรทำยังไงดี?”

 

“นายจะไปกลัวอะไร ตอนนี้ฉันเป็นคนโดนไม่ใช่นาย!”

 

หวันเจียงเอ่ยตอบพร้อมสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

 

แชงเจียกงที่พลันได้ยินเข้า ก็ตอบแทนทันทีว่า

 

“ขออภัยครับ บริษัทเพียงยื่นหนังสือให้คุณหวันพ้นสภาพเท่านั้น โดยมีเนื้อหาว่า คุณหวันพ้นสภาพจากตำแหน่งรองผู้จัดการ และทางบริษัทของเราเองก็คำนึงถึงสิทธิ์มนุษยธรรม จึงทำการจัดสรรหางานให้คุณหวันใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ในหนังสือดังกล่าวไม่มีรายชื่อของคุณ”

 

เมื่อคำกล่าวเหล่านี้ดังขึ้น เซียวลี่ยิ่งกังวลใจหนักเข้าไปใหญ่

 

“หวันเจียง นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมคุณถึงไม่ขอบริษัทให้ผมหางานใหม่ให้ด้วย? ยังไงอีกไม่นานผมก็ต้องถูกไล่ออกอยู่แล้ว!”

 

หวันเจียงเอ่ยตอบอย่างเชื่องช้าว่า

 

“นายก็แค่ผู้ช่วยไม่ใช่เหรอ? พอฉันเข้าทำงานที่ใหม่ เดี๋ยวฉันก็รับนายเข้ามาเป็นเลขาเองแหละ ถ้ายื่นของานใหม่สองคน ระหว่างฉันกับนาย คิดว่าบริษัทใหม่จะเลือกใครล่ะ?”

 

เซียวหงรู้สึกว่านี่ค่อนข้างสมเหตุสมผลอย่างมาก เขาจึงสงบลงเล็กน้อยและเอ่ยถามต่อว่า

 

“จะรับผมเป็นเลขาต่อใช่ไหม?”

 

หวันเจียงทุบอกตัวเองด้วยความมั่นใจและสัญญาไปว่า

 

“แน่นอน ถ้าไม่ให้นายมาเป็นลูกมือฉัน แล้วจะให้ใครเป็นล่ะ?”

 

“ขอบคุณมากครับ”

 

เซียวลี่ยิ้มอย่างมีความสุข

 

ในขณะนั้นเอง ชางเจียกงก็เหลือบไปเห็นพวกรปภ.ที่ยืนสงบนิ่งอยู่เคียงข้าง เขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า

 

“รปภ.มารวมกลุ่มอะไรกันในนี้ ไม่มีงานมีการทำเหรอ?”

 

หัวหน้ารปภ.ตอบกลับไปทันทีว่า

 

“คุณหวันโทรเรียกมาครับ โดยบอกว่า ชายหนุ่มคนนี้มาก่อปัญหาให้เขา เขาจึงสั่งให้พวกผมสั่งสอนเขา แต่ขณะที่กำลังจะลงมือ พวกคุณก็เข้ามาพอดี”

 

หวันเจียงพยายามจะหยุดแต่กลับสายเกินไปเสียแล้ว ไอ้ยามเฮงซวยแบบนี้ มันต้องโง่ขนาดไหนถึงพูดเรื่องทำร้ายร่างกายออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย?

 

ชางเจียกงเหลือบมองเข้าใส่หวันเจียงด้วยสายตาสุดเคร่งขรึม ก่อนจะหันไปถามจ้าวเฉียนว่า

 

“คุณมาที่นี่เพื่อก่อปัญหาจริงๆ รึเปล่า?”

 

จ้าวเฉียนส่ายหัว เอ่ยตอบกลับไปทันควันว่า

 

“ในห้างแห่งนี้ มีร้านขายสินค้าของปลอม ผมจึงแจ้งความกับทางตำรวจและสั่งปิดทันที แต่บังเอิญว่าร้านที่ปิดไปมีส่วนได้ส่วนเสียกับสองคนนี้ เห็นว่ามีการติดสินบนกัน พอมาวันนี้พวกเขาก็ตรงเข้ามาหาเรื่อง แถมยังขู่เรียกค่าชดเชยกับผมเป็นจำนวนถึง10ล้านอีก แล้วคุณคิดว่าใครกันที่สร้างปัญหากันแน่?”

 

ชางเจียกงมองไปทางหวันเจียง แววตาหลี่แคบเชิงจับผิดและเอ่ยถามขึ้นว่า

 

“จริงรึเปล่า?”

 

หวันเจียงตอบปฏิเสธกลับไปทันที

 

“ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนครับ เขามาที่นี่เพื่อแบล็กเมล์ผม และขู่ว่าถ้าไม่ส่งเงิน10ล้านมาให้ เขาจะทำลายอนาคตของผม ซึ่งผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบโทรเรียกรปภ.มาให้เข้ามาช่วย และไม่ได้จะทำร้ายร่างกายเขาจริงๆ ครับ ผมแค่ขู่ป้องกันตัว”

 

แต่รปภ.เหล่านี้ไม่ได้เข้าใจถึงความหมายที่หวันเจียงพยายามสื่อออกมาเลย

 

หัวหน้ารปภ.ตอบกลับไปว่า

 

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ คุณหวันสั่งให้เราทุบตีขายคนนี้จริงๆ ไม่ใช่แค่ขู่ ถ้าไม่ทำผมคงโดนไล่ออกแน่นอน”

 

หวันเจียงที่ทนฟังอยู่นาน ตอนนี้สุดจะอดกลั้นไหวแล้ว จึงคำรามด่าสวนไปว่า

 

“ไอ้โง่!ปัญญาอ่อนรึไง!หัดดูสถานการณ์บ้างว่าควรพูดไหม!? โง่ชิบหาย โง่จริงๆ!”

 

หันหน้ารปภ.ที่โดนดุด่าสาปเสียขนาดนั้น ก็พลันขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจยิ่งว่า

 

“คุณหวัน จะมาพูดแบบนี้กับพวกเราไม่ได้นะครับ มันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องพูดความจริงกับเจ้านาย และเราก็ไม่ได้โง่ โปรดอย่ามาลดค่าความเป็นคนด้วยคำพูดแบบนี้เลยครับ”

 

“ใช่แล้ว คุณจะมาดูถูกเราแบบนี้ไม่ได้…”

 

บรรดารปภ.เหล่านี้เองก็มีความรู้สึกเช่นกัน โดนดุด่าราวกับหมูกับหมาย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา

 

หวันเจียงแทบเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ ไอ้คนพวกนี้ต้องโง่ขนาดไหนถึงกล่าวพูดความจริงต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ได้? พวกมันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดไปเลยแม้สักนิด สมควรแล้วที่ไอ้พวกโง่เหล่านี้จะเป็นได้แค่รปภ.ไปตลอดชีวิต

 

ชางเจียกงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นว่า

 

“บริษัทของเราจ้างรปภ.มาเพื่อดูแลและรักษาความวงบให้แก่ห้างแห่งนี้ ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณ ทำไมคุณถึงใช้พวกเขาเพื่อระบายความขับข้องใจส่วนตัว? แถมยังติดสินบนร้านค้าให้ขายของปลอมอีก ในฐานะผู้รับผิดชอบแทน ผมไล่คุณออกทันที และทางเราจะไม่รับผิดชอบหางานใหม่แก่คุณอีกต่อไป เชิญออกไปได้แล้วครับ!”

 

หวันเจียงสุดจะทานทนแล้ว ตัวเขาระเบิดอารมณ์ออกมาทันที พร้อมสบถด่าสาปแช่งไม่หยุดหย่อน

 

“นี่มึงคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรหะ!มึงมีคุณสมบัติอะไรมาไล่กูออกได้!ก็แค่บริษัทใหม่ที่เข้ามาเทคโอเวอร์ ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์เสร็จสมบูรณ์ด้วยซ้ำ!กูจะฟ้องศาล!”

 

ชางเจียกงนำหนังสือสัญญาออกมาและชี้ไปที่บรรทัดหนึ่งพร้อมกล่าวอธิบายว่า

 

“ย่อหน้านี้ผมว่ามันชัดเจนเกินพอแล้วนะครับ สิทธิ์การควบคุมและบริหารห้างแห่งนี้ตกเป็นของบริษัทในเครือของบริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ปโดยสมบูรณ์ ถ้ามีในส่วนใดที่ไม่พอใจกับการบริหารของเราก็สามารถยื่นเรื่องถึงศาลได้เลยครับ ทางพวกเรามีทนายเตรียมสู้คดีเสมอครับ แต่ตอนนี้ผมต้องเชิญคุณออกไปจากที่ของผม ไม่อย่างนั้นผมจะให้รปภ.ลากคุณออกไป!”

 

สถานการณ์ในขณะนี้ชัดเจนอยู่แล้ว หวันเจียงถึงวาระสุดท้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป

 

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางและกล่าวขอบคุณกับชางเจียกงว่า

 

“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมเอาไว้ ถ้ายังไงผมออกไปได้รึยังครับ?”

 

ชางเจียกงโค้งศีรษะให้เล็กน้อยและกล่าวขอโทษจ้าวเฉียนเช่นกัน

 

“ผมต้องขอโทษแทนเขาในนามห้าง ณ ที่นี้ด้วยครับ เพื่อเป็นคำขอโทษ ทุกอย่างที่คุณซื้อภายในห้างแห่งนี้สามารถลงบิลกับทางบริษัทผู้รับผิดชอบของผมได้เลยครับ สามารถช็อปปิ้งซื้อของได้ฟรีตามต้องการ แต่อย่างไร ผมขอความร่วมมืออย่านำเรื่องนี้ออกไปเผยแพร่กับคนนอกเลยนะครับ หวังว่าหลังจากนี้คุณลูกค้าจะมาใช้บริการกับทางห้างของเราในอนาคต”

 

“ฮ่าฮ่า…ขอบคุณมากเลยครับ คุณรู้จักวิธีจัดการและแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าเขาคนนี้มากเลย ผมคิดว่าในอนาคต ห้างแห่งนี้จะต้องมียอดขายดีขึ้นมากภายใต้การบริหารของบริษัทคุณ ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ!”

 

ชางเจียกงพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้มและกล่าวขึ้นว่า

 

“ขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรของคุณลูกค้านะครับ หากต้องการสินค้าชิ้นใดในห้างของเรา ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ทั้งหมดทางผมจะจัดการชำระให้เอง”

 

จ้าวเฉียนพยักหน้าขอบคุณอีกครั้งและตรงเข้าไปโอบไหล่ของเหลียวเซียวหยุน ทั้งคู่เดินออกไปจากห้องทำงานของหวันเจียงในทันที

 

แววตาคู่นั้นของหวันเจียงเปี่ยมล้นไปด้วยความเสียอกเสียใจ ทางด้านเซียวลี่กัดฟันดังกรอด ทั้งแค้นทั้งเศร้าโศกในเวลาเดียวกัน แต่พวกเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเช่นกัน

 

เหลียวเซียวหยุนระเบิดหัวเราะเยาะลั่นทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้องทำงานไป

 

“ฮ่าฮ่า…ฉันไม่คิดเลยว่า ไม่เพียงกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ยังได้ของกำนัลอย่างการช็อปปิ้งฟรีเป็นค่าทำขวัญ!ทุกอย่างลงล็อกทันเวลาพอดีราวกับทุกอย่างถูกเตรียมไว้ตั้งแต่แรก!นายนี่มันโชคดีจริงๆ!ไม่สงสัยเลยว่าทำไมนายถึงล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งได้!คราวหน้าฉันจะพานายไปซื้อล็อตเตอรี่ด้วยกันบ้างแล้ว รางวัลที่หนึ่งงวดนี้ต้องเป็นของฉัน!”

 

จ้าวเฉียนยิ้มบางตอบไปว่า

 

“ถูกล็อตเตอรี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น อย่าไปคิดเรื่องที่แล้วมาเลย จะซื้ออะไรบ้างดีกว่า โอกาสทองแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยหรอกนะ”

 

“ฮ่าฮ่า…เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ฉันมาแล้ว!”

 

เหลียวเซียวหยุนกระโดดโลดเต้นอย่างสุขอกสุขใจ และรีบวิ่งไปช็อปปิ้งต่อทันที