ตอนที่ 617 ท่าทางแบบนี้เรียกขอโทษเหรอ / ตอนที่ 618 หยั่งเชิง ลังเลไม่แน่นอน

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 617 ท่าทางแบบนี้เรียกขอโทษเหรอ 

 

 

“โอเคนะคะ ไม่มีอะไรแล้วใช้ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัว” อวี๋กานกานพูดจบก็คิดจะเดินออกไปไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับพวกเขา 

 

 

กู้ซูหลิงโมโหขึ้นทันที 

 

 

ตัวเองระงับโทสะเอาไว้แล้ว แต่อวี๋กานกานยังเมินแบบนี้ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร 

 

 

“อวี๋กานกาน เธอรู้จักมารยาทไหม เรามาขอโทษเธอแล้ว พูดดีก็แล้ว ไม่ได้อยากมาเรียกร้องอะไรจากเธอ แค่ไม่อยากให้พี่หันในฐานะคนกลางลำบากใจเท่านั้น แต่เธอกลับแข็งกร้าว ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้พี่หันไม่ไปบ้านกู้เป็นเพราะเธอยุยงให้แตกแยกอยู่เบื้องหลังนี่เอง” กู้ซูหลิงโกรธจัดยืนขวางอวี๋กานกานและด่าสาดเสียเทเสีย 

 

 

อวี๋กานกานขำเบาๆ “ท่าทางแบบนี้เรียกว่าขอโทษเหรอคะ” 

 

 

กู้ซูหลิงสะอึกเบิกตาโต “แล้วเธอจะเอายังไง” 

 

 

จูอวี้ลู่ขยับไปข้างหน้าแล้วเอ่ยกับอวี๋กานกานเบาๆ “หมออวี๋ คุณก็อย่าโกรธเลยนะ ให้ฉันได้อธิบายกับคุณก่อน หลิงหลิงรู้จักฟังจือหันมาก่อนคุณ ตกหลุมรักฟังจือหันตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เล็กจนโตก็คิดมาตลอดว่าจะได้แต่งงานกับฟังจือหัน แต่ในเมื่อสุดท้ายฟังจือหันมาคบกับคุณ เธอจะไม่ยินดีนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นมีอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้า เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป อย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยนะ” 

 

 

อวี๋กานกาน “…” 

 

 

เกือบจะคิดว่าจูอวี้ลู่พูดถึงคนอื่นแล้ว 

 

 

กู้ซูหลิงนี่เรียกว่าไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหรอ แต่เมื่อเทียบกับจูอวี้ลู่ผู้เป็นแม่แล้วก็ช่างห่างไกลจริงๆ 

 

 

กู้ซูหลิงไม่ชอบเธอ จูอวี้ลู่น่าจะยิ่งเกลียดเธอถึงจะถูก 

 

 

แต่กลับแสดงความรักและเมตตากอดเธอบอกชอบเธอ 

 

 

เธอตกใจกลัวจนตัวสั่น 

 

 

กู้ซูหลิงพูดเสียงดัง “ฉันรู้ว่าเธอคบกับพี่หันแล้ว แต่ฉันรู้จักเขามาก่อนเธอ ฉันชอบเขาตั้งนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะพี่หันเข้าใจผิดฉันเพราะเรื่องของกู้เหยียนอวี๋ และเป็นเพราะเรื่องนี้คุณพ่อถึงไม่ยอมให้พวกเราคบกัน ไม่งั้นเราก็คบกันตั้งนานแล้ว จะมีเรื่องของเธอได้ซะที่ไหนกันล่ะ แต่ตอนนี้พวกเธอยังไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ได้แต่งงาน ทำไมฉันจะชอบพี่หันต่อไปไม่ได้ ถึงยังไงสุดท้ายใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่แน่นอน” 

 

 

อวี๋กานกานหน้านิ่งพูดอะไรไม่ออก “…” 

 

 

แม่ลูกคู่นี้น่าสนใจจริงๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกเธอต้องการทำอะไรกันแน่ 

 

 

เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีสมองไปคิดเรื่องยุ่งๆ นี้จริงๆ 

 

 

จูอวี้ลู่เอ็ดกู้ซูหลิง “พอแล้วหลิงหลิง ลูกมาเพื่อขอโทษนี่นา ลูกตัดใจจากฟังจือหันแล้วทำไมยังพูดอะไรแบบนี้อีก แม่บอกลูกแล้วไงคำพูดลูกนี่มัน…” 

 

 

จากนั้นจึงหันไปพูดกับอวี๋กานกาน “หมออวี๋ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เธอตัดใจจากฟังจือหันได้แล้วแต่ก็พึ่งเริ่มทำใจได้ แต่ฉันดูแล้วหมออวี๋คงรู้จักฟังจือหันมานานแล้วใช่ไหมคะ” 

 

 

อวี๋กานกานยิ้มเจื่อนๆ “ไม่นานหรอกค่ะ ฉันกับฟังจือหันพึ่งรู้จักกันไม่ถึงปี” 

 

 

จูอวี้ลู่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก รอยยิ้มบนใบหน้าจริงใจมากขึ้น “แต่ความรักไม่แยกใครมาก่อนมาหลัง เราขออวยพรให้คุณกับฟังจือหันด้วยนะคะ” 

 

 

อวี๋กานกาน “อ๋อ” เสียงเรียบ แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “ยังมีธุระอะไรอีกไหมคะ” 

 

 

“ขอโทษด้วยนะคะหมออวี๋ที่มารบกวนเวลาของคุณ คุณรีบไปทำธุระเถอะค่ะ ลาก่อนนะคะ” 

 

 

จูอวี้ลู่เป็นภรรยาที่ดี ใจกว้างและอบอุ่น 

 

 

เธอยังคงรักษารอยยิ้มประดับบนใบหน้าเสมอ จนกระทั่งอวี๋กานกานนั่งบนรถแล้วเธอก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เพียงแต่กระซิบกับกู้ซูหลิงเบาๆ “ลูกอ่ะ ระงับโทสะไม่อยู่เลยนะ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 618 หยั่งเชิง ลังเลไม่แน่นอน 

 

 

กู้ซูหลิงพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “แม่ไม่รู้สึกว่าอวี๋กานกานคนนี้น่ารังเกียจเหรอคะ ถ้าไม่มีฟังจือหันจะได้มาเชิดหน้าชูคอเหรอคะ” 

 

 

“งั้นลูกเทียบกับหล่อน ลูกเทียบได้หรือเปล่า ก็ไม่!” จูอวี้ลู่เพิ่มน้ำหนักเสียง เมื่อพูดจบก็นั่งในรถและรอยยิ้มบนใบหน้าพลันหายไป 

 

 

กู้ซูหลิงก็เข้าไปนั่งตาม เธอกอดแขนอ้อนจูอวี้ลู่ “แม่คะ หนูผิดไปแล้ว ต่อไปนี้หนูจะควบคุมตัวเองให้ได้” 

 

 

จูอวี้ลู่ลูบหลังปลอบโยน “เอาล่ะ ออกรถเถอะ” 

 

 

กู้ซูหลิงกลับไม่ยอมออกรถสักที เธอนั่งนิ่งแล้วมองจูอวี้ลู่พร้อมกับถามออดอ้อน “แม่คะ เมื่อกี้หลอกอวี๋กานกานใช่ไหม แม่คงไม่หลอกหนูเหมือนคุณพ่อใช่ไหมคะ” 

 

 

“หลอกอะไร” 

 

 

“ที่หลอกหนูว่าจะช่วยหนูให้ลงเอยกับฟังจือหัน แต่ที่ไหนได้กลับให้หนูตัดใจจากฟังจือหัน” กู้ซู 

 

 

หลิงพูดอย่างน่าสงสาร “แม่ หนูชอบฟังจือหันจริง นะคะ หนูไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น สมบัติทุกอย่างของตระกูลกู้ยกให้น้องหมดเลย เพียงแค่แม่คืนหนูให้ฟังจือหันเท่านั้นก็พอ” 

 

 

จูอวี้ลู่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “แม่บอกแล้วว่าแม่ต้องช่วยลูกแน่นอน ลูกมาขอร้องแม่ที่นี่ แม่ไม่เคยสัญญากับลูกซะเมื่อไหร่ เรื่องนั้นแม่จะจัดการตามคำขอลูกเอง” 

 

 

กู้ซูหลิงกอดจูอวี้ลู่อีกครั้ง “หนูรู้ว่าแม่ดีกับหนูที่สุดเลยค่ะ” 

 

 

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงอีกเรื่องที่สำคัญเช่นกัน “แม่คะ เมื่อกี้หยั่งเชิงแล้ว หนูว่ายัยอวี๋กานกานอะไรนั่นเป็นไปได้หรือเปล่าว่าคือกู้เหยียนอวี๋คะ” 

 

 

จูอวี้ลู่เม้มริมฝีปากแล้วครุ่นคิดอยู่นานถึงเอ่ยตอบ “น่าจะไม่ใช่” 

 

 

กู้ซูหลิงหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น “หนูว่าแล้ว หล่อนจะเป็นกู้เหยียนอวี๋ไปได้ยังไง กู้เหยียนอวี๋ตายไปตั้งนานแล้ว” 

 

 

จูอวี๋ลู่หัวเราะ “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” 

 

 

ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับหลิงหลิง อวี๋กานกานนิ่งเช่นนี้ ตอนที่หลิงหลิงพูดถึงพ่อเธอก็ยังคงมีท่าทีสงบนิ่งเช่นกัน อีกทั้งตอนที่พูดถึงช่วงเวลาที่รู้จักฟังจือหันก็ดูไม่ได้โกหก 

 

 

หากเธอคือกู้เหยียนอวี๋จริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นความคิดของอวี๋กานกานก็น่ากลัวจริงๆ 

 

 

แน่นอนยังมีทางหนึ่ง คือเธอลืมทุกอย่างหมดแล้ว 

 

 

ถ้าอวี๋กานกานคือกู้เหยียนอี๋จริง ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่แตกต่างอะไรกับที่เธอไม่ใช่กู้ 

 

 

เหยียนอวี๋ แต่ไม่รู้ว่าทางด้านฟังจือหันนั้น… 

 

 

ดังนั้นความเป็นไปได้นี้ก็ไม่จำเป็นต้องบอกหลิงหลิงให้เธอเป็นกังวล 

 

 

อีกอย่างลูกชอบฟังจือหัน สมมติฟังจือหันไม่รู้ว่าอวี๋กานกานอาจจะเป็นกู้เหยียนอวี๋ตั้งแต่แรกแล้วไม่เคยคาดคิด หากบกให้หลิงหลิงเป็นกังวล ปล่อยให้ลูกไม่ระวังเผยความลับนี้ให้ฟังจือหัน เช่นนั้นคงสูญเสียผลประโยชน์ไปแน่!” 

 

 

… 

 

 

อวี๋กานกานมาถึงจุดที่ซ่งฉาไป๋นัดหมายแล้ว มองร้านอาหารตรงหน้า เธอจึงเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นี่มันร้านอาหารธรรมดาไม่ใช่เหรอ ไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่นา ทำไมซ่งฉาไป๋ถึงจะต้องให้มาทานมื้อกลางวันวันนี้ให้ได้ 

 

 

“เที่ยงนี้มันไม่เหมือนกัน” 

 

 

“ไม่เหมือนตรงไหน” 

 

 

“ยังไงก็ไม่เหมือนกันหรอกน่า” 

 

 

ซ่งฉาไป๋เลื่อนเมนูไปตรงหน้า “อย่าบ่นเลยนะ อยากกินออะไรก็สั่งได้เลย วันนี้ฉันเลี้ยงเอง” 

 

 

อวี๋กานกานดูเมนูอาหารซึ่งราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ เลย เธอจึงยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ “เธอถูกหวยใช่ไหม” 

 

 

“เลี้ยงข้าวเธอ ไม่ได้ให้เธอมาเลี้ยงฉันสักหน่อย ทำไมเธอถึงปัญหาเยอะจัง” ซ่งฉาไป๋ชี้ชื่อร้านบนเมนูอาหารและกล่าวแนะนำ “เธอดูดีๆ สิ นี่เป็นร้านเก่าแก่ร้อยปี ตกแต่งธรรมดาเรียบง่าย แต่อาหารเลิศรสมาก ร้านนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เข้าใจรึเปล่า ระดับฮ่องเต้เท่านั้นถึงจะมีบุญได้กิน”