บทที่ 174 ตายหมดแล้วหรือ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 174 ตายหมดแล้วหรือ

“เข้ามาเลย”

หลินเป่ยเฉินร้องคำราม

พร้อมกันนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาวิหคดั้นเมฆลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ มือขวากระชับกระบี่โดราน มือซ้ายกำมีดเจิ้งอี้ มีอาวุธระดับพระกาฬอยู่ในทั้งสองมือ

ฝ่ายตรงข้ามมีพลังระดับปรมาจารย์อย่างนั้นหรือ?

ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน

เขาก็มีพลังระดับปรมาจารย์เหมือนกัน

แล้ววิชากระบี่สายน้ำไหลก็ถูกใช้ออกไป เช่นเดียวกับกระบวนท่าขั้นสูงสุดอย่างกระบี่สลายสายน้ำ

เสียงคลื่นทะเลสาดซัดดังเกรียวกราว

เกิดเป็นภาพมายาเกลียวคลื่นกระทบชายฝั่ง

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

เสียงคมกระบี่ปะทะกันต่อเนื่อง

ประกายไฟสาดกระจายเต็มท้องฟ้า

แล้วร่างคนก็แยกออกจากกัน

ทั้งสองฝ่ายต่างทิ้งตัวกลับลงมายืนบนพื้นดินอีกครั้ง

บริเวณหัวไหล่ซ้ายของหลินเป่ยเฉินเรื่อยลงมาตรงท่อนแขนจรดถึงช่วงท้อง ปรากฏบาดแผลจากคมกระบี่ขึ้นสามรอยฉกรรจ์

ส่วนคู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มไม่มีบาดแผลอยู่บนร่างเลยสักรอยเดียว

“จะ…เจ้าเป็นใครกันแน่…?”

ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินแววตาขึงขัง

หลินเป่ยเฉินไม่ตอบคำถาม

เพราะเลือดกำลังไหลทะลักออกมาจากบาดแผลของเขา เด็กหนุ่มเหงื่อตก แยกเขี้ยวด้วยความเจ็บปวด “บ้าจริง เจ็บชะมัด…”

หลินเป่ยเฉินรีบเก็บมีดเจิ้งอี้กลับเข้าไปในโทรศัพท์ และใช้มือซ้ายสร้างวงแหวนวารีขึ้นมารักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง

บาดแผลบนร่างกายของเขาพลันจางหายไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น บริเวณลำคอของชายหนุ่มฝ่ายตรงข้าม กลับบังเกิดเลือดไหลทะลักออกมาเสียอย่างนั้น

เขาส่งเสียงครวญครางในลำคอเหมือนสัตว์ป่าบาดเจ็บ โยนอาวุธทิ้งเพื่อยกมือขึ้นอุดเลือดบริเวณลำคอ ราวกับเข้าใจว่าถ้าสามารถหยุดเลือดได้ ก็จะเยียวยาอาการบาดเจ็บทั้งหมดได้เช่นกัน

เขาถูกฟันไปเพียงกระบี่เดียวเท่านั้น

เพียงกระบี่เดียวจริงๆ

ถึงกับต้องเสียชีวิตลงแล้ว

ตอนที่ทิ้งตัวกลับลงมายืนบนพื้นดิน ชายหนุ่มยังเผลอคิดด้วยความสงสัยไม่รู้ตัวว่า เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้มันเป็นใครกันนะ? ทำไมหน้าตาถึงได้หล่อเหลาระดับนี้?

หลินเป่ยเฉินยังคงใช้วงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองต่อไป

แล้วอาการบาดเจ็บของเขาก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง

เด็กหนุ่มกระชับกระบี่โดราน เดินตรงเข้าไปตัดศีรษะของชายหนุ่มฝ่ายตรงข้าม หลังจากนั้นจึงใช้กระบี่แทงลงไปที่หัวใจ เพื่อเป็นการยืนยันว่าคู่ต่อสู้ของเขาตายแล้วจริงๆ เมื่อจัดการเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็นำถุงมือหนังกวางออกมาสวมใส่และเริ่มตรวจค้นซากศพอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม

“แย่แล้ว ท่านรองหัวหน้าถูกฆ่าตายแล้ว”

“ท่านรองหัวหน้าตายแล้ว”

“นายท่านสองเสียชีวิตแล้ว”

บรรดาผู้ที่เห็นเหตุการณ์จากระยะไกลตกตะลึงจนไม่กล้าใช้วิชาตัวเบา ทำได้เพียงหมุนตัวกลับ แล้วสับเท้าวิ่งหนี ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างคนสติแตก

ต่อจากนั้นไม่กี่อึดใจ

“เฮ้อ…นี่เรามาเจอกองโจรยาจกหรือไงวะ”

หลินเป่ยเฉินรำพึงด้วยความหงุดหงิด

หมอนี่เป็นรองหัวหน้าจริงหรือเปล่าเนี่ย?

รองหัวหน้าบ้าบออะไร มีเหรียญทองติดตัวอยู่แค่ 78 เหรียญเอง

ส่วนข้าวของอื่นๆ ที่อีกฝ่ายพกติดตัว ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์…ล้วนแต่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มสักนิด

“แม่ง น่าจะเป็นรองหัวหน้าที่กระจอกที่สุดเท่าที่เราเคยเจอเลยมั้งเนี่ย” หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยความเศร้า

สมาคมนักล่าอสูรประจำชายแดนเหนือ กลับยากจนยิ่งกว่าพรรคกระยาจกเสียอีก

แต่การตัดศีรษะรองหัวหน้าของพวกมันสำเร็จ ก็ทำให้หลินเป่ยเฉินมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น

คอยดูเถอะ เขาจะกวาดล้างพวกมันให้หมดภูเขาลูกนี้เลย

หลินเป่ยเฉินกระชับกระบี่ในมือเดินออกไปข้างหน้า

ตลอดเส้นทาง เขาก่อเหตุฆ่าคนวางเพลิงอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่าย่อมไม่ลืมปล้นทรัพย์ฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่นกัน

เมื่อเผชิญหน้าผู้ถูกพิษที่ยังไม่เสียชีวิต เด็กหนุ่มก็ทำหน้าที่ช่วยสงเคราะห์พวกมันให้ลงนรกไปซะ

“อย่าโกรธกันเลยนะ ถือว่าฉันมาช่วยพวกนายปฏิรูปสมาคมก็แล้วกัน จากนี้ไป พวกนายจะได้เริ่มต้นใหม่จากศูนย์ไงล่ะ”

หลินเป่ยเฉินรำพึงรำพัน

ในเวลาเดียวกันนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่ลืมกำชับกับตัวเองว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่คือการทำความดี กลุ่มคนของสมาคมนักล่าอสูรเหล่านี้ ไม่ควรมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า

เขาพบว่าตนเองกลับมายืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่อีกครั้ง

สายตาปะทะเข้ากับร่างของเวรยามหลายสิบชีวิตที่นอนอยู่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ สภาพศพน่าเกลียดน่ากลัว มีเลือดไหลทะลักออกจากหูตาจมูกปาก ร่างกายแข็งเกร็งราวกับเป็นก้อนหิน

หลินเป่ยเฉินเดินมาถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์

เขายกมือขึ้นสำรวจทิศทางลมอย่างระมัดระวัง จากนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนมุมปาก

หลินเป่ยเฉินดาวน์โหลดผงหลับใหลไม่รู้ลืมออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ และอาศัยทิศทางลมปล่อยให้ผงยาสลบลอยเข้าไปในตัวคฤหาสน์

สายลมโชยพัดจากด้านนอก

นำพายาสลบลอยเข้าด้านใน

เมื่อโปรยผงหลับใหลเข้าไปภายในคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงนำยาพิษเลือดมังกรออกมา 3 ขวด จัดการบดให้เป็นผงและโปรยเข้าไปในคฤหาสน์เช่นกัน

หลังจากนั้น เขาก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ยกมือป้องปากตะโกนเข้าไปว่า

“พวกเจ้าถูกล้อมไว้หมดแล้ว”

“จงใช้อาวุธของเจ้าปลิดชีวิตตัวเองซะ จะได้ไม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน”

“พวกเจ้าช่างโชคร้ายเหลือเกินที่ต้องมาพบเจอกับข้า ผู้มีฉายานามว่าเทพมารสะท้านปฐพี….”

เสียงตะโกนของเด็กหนุ่มดังกังวานไปทั่วบริเวณ

บรรยากาศรอบตัวตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ

ไม่รู้ว่ามันคือน้ำมันหรือสารอะไรสักอย่าง เพียงเขาเทมันลงไปและจุดไฟเผาตาม เปลวไฟก็จะลุกไหม้สว่างโชติช่วงได้ทั้งวันทั้งคืน

หลินเป่ยเฉินยืนรอคอยอย่างอดทน

แล้วก็มีตัวหัวหน้าบางส่วนวิ่งหนีออกมาจากด้านในคฤหาสน์จริงๆ

หลินเป่ยเฉินตัดหัวพวกมันไม่เหลือสิ้น

2 เค่อต่อมา ก็ไม่มีใครวิ่งออกมาอีกแล้ว

คนในคฤหาสน์หนีไปหมดแล้วหรือ?

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความแปลกใจ

เป็นไปไม่ได้

เขาทำลายล้างสถานที่อื่นๆ ทิ้งไปไม่มีเหลือ

ขณะนี้ นายท่านสี่ นายท่านห้า นายท่านสอง ต่างก็ถูกเขาเด็ดหัวทิ้งไปหมดแล้ว คนที่หลินเป่ยเฉินยังไม่ได้พบเจอ มีแต่เพียงนายท่านสามกับหัวหน้าใหญ่ผู้เป็นชายชราผมสีเทาเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินเดินสำรวจพื้นที่บริเวณนั้น และจับตัวเวรยามมาสอบปากคำประมาณ 2-3 คน

อย่างน้อย คนพวกนี้ก็ทำหน้าที่เฝ้าคฤหาสน์เป็นกิจวัตร

แต่พวกคนที่เขาจับตัวมาสอบปากคำ ก็ยืนยันหนักแน่นว่านายท่านเหล่านั้นยังคงอยู่ในคฤหาสน์

เป็นไปได้หรือที่คนเราจะทนอยู่ในนั้นได้ต่อไป?

หลินเป่ยเฉินเดินกลับมาที่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์อีกครั้ง หลังจากยืนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจโปรยยาพิษเข้าไปด้านในอีกชุดใหญ่ หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็จุดพลุไฟที่เก็บมาได้จากอาคารหลังอื่นยิงเข้าไปในตัวคฤหาสน์ เพียงพริบตาเดียว หมอกควันก็ลอยโขมงออกมาจากประตูทางเข้า

“เอาสิวะ เจอแบบนี้เข้าไป ไม่วิ่งหนีออกมาก็ให้มันรู้กัน”

หลินเป่ยเฉินไม่อยากบุกเข้าไปในคฤหาสน์เพียงลำพัง

เพราะเขาไม่รู้เลยว่าข้างในมีอะไรรออยู่บ้าง

ฝ่ายตรงข้ามอาจกำลังซุ่มโจมตีเขาอยู่ก็เป็นได้

หรือว่าเขาจะคิดมากเกินไปนะ?

“ช่างแม่ง ปล่อยให้พลุไฟกับยาพิษทำงานก่อนก็แล้วกัน”

หลินเป่ยเฉินเดินถือกระบี่สำรวจพื้นที่รอบๆ เมืองบนยอดเขาอีกครั้ง

ระหว่างทาง หากได้พบเจอพวกนักล่าอสูร ต่อให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพย่ำแย่ปางตายสักแค่ไหน พวกมันก็ไม่มีทางรอดคมกระบี่ของเขาไปได้แม้แต่คนเดียว

ครึ่งชั่วยามต่อมา

รังใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรประจำชายแดนเหนือ ก็มีสภาพกลายเป็นเมืองร้างไปเรียบร้อย

ชาวเมืองถ้าไม่ถูกยาพิษเล่นงานเสียชีวิตก็ต้องโดนฆ่าตาย

แน่นอนว่าผู้ที่ฆ่าพวกเขาก็คือหลินเป่ยเฉิน

ถ้าไม่มียาพิษจำนวนมากจากบ้านของผู้เฒ่าหมื่นพิษ หลินเป่ยเฉินคงไม่มีทางทำเรื่องราวทั้งหมดนี้สำเร็จแน่นอน

นักล่าอสูรจำนวนมากต้องเสียชีวิตไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยซ้ำ

เมื่อเด็กหนุ่มเดินกลับมาที่หน้าคฤหาสน์อีกครั้ง ควันไฟจากพลุไฟก็จางหายไปแทบหมดสิ้น

กรอบประตูหินมีคราบเขม่าเกาะจับเป็นสีดำ

“จะไม่มีใครอยู่จริงๆ หรือไงหว่า?”

หลินเป่ยเฉินยืนกุมขมับคิดหนักอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ใช้วงแหวนวารีครอบลงมาที่ศีรษะตนเองหลายๆ รอบ ในไม่ช้า เหนือศีรษะของเขาก็มีวงแหวนสีเขียวเข้มลอยอยู่ด้านบน เด็กหนุ่มไม่ลืมนำยาแก้พิษสารพัดนึกยัดเข้าไปในปาก มือกระชับกระบี่แนบแน่น แล้วเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ทันที

ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจเข้าไปสำรวจด้านใน

ประการแรก เขาอยากสังหารทุกคนที่หลบอยู่ในนี้ให้สิ้นซาก ประการที่สอง หลินเป่ยเฉินอยากรู้เหมือนกันว่าผู้เป็นหัวหน้าใหญ่จะมีสมบัติติดตัวเป็นอะไรบ้าง

ระดับบอสขนาดนี้ คงไม่พกแต่ของกระจอกเหมือนพวกมินิบอสหรอกกระมัง?

ตราบใดที่สังหารหัวหน้าใหญ่ได้ มันจะต้องคุมค่าเหนื่อยของเขาแน่นอน

หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์

บรรยากาศเงียบงัน

หลังประตูบานแรก มีแต่ศพเวรยามนอนเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ร่างกายของทุกคนกลายเป็นสีดำ เป็นหลักฐานบอกว่าพวกเขาเสียชีวิตด้วยยาพิษในอากาศ

หลินเป่ยเฉินใช้กระบี่ตัดศีรษะและแทงหัวใจซากศพเหล่านั้นโดยไม่ลังเล

เมื่อแน่ใจว่าทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว เขาก็เดินหน้าต่อไป

เดินลึกเข้าไปในตัวคฤหาสน์มากขึ้นเรื่อยๆ

หลินเป่ยเฉินผ่านประตูเข้ามาทั้งหมด 4 บาน

หลังประตูทุกบาน เด็กหนุ่มก็จะพบแต่ศพคนตาย นอนระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด

เมื่อมาถึงประตูบานสุดท้าย มันก็เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ มีผู้คนล้มตายอยู่สองข้างทางเดิน ดูจากเสื้อผ้าที่ศพเหล่านี้สวมใส่ สถานะของผู้ตายย่อมไม่ธรรมดา แต่น่าอนาถที่ทุกคนต้องเลือดออกปากออกจมูก เสียชีวิตหมดสิ้นแล้ว

ทุกอย่างบ่งบอกว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยยาพิษ

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าบันได 12 ขั้น ซึ่งทอดตรงขึ้นไปสู่บัลลังก์ที่แกะสลักอย่างประณีต

บนบัลลังก์นั่งไว้ด้วยร่างของชายชราผมเทา ร่างกายของเขาแข็งค้าง สีหน้าก่อนหมดลมหายใจคงอยู่ในลักษณะตกใจกลัว บัดนี้ ผู้มีสถานะเป็นนายใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรประจำชายแดนเหนือหมดลมหายใจ นั่งเสียชีวิตอยู่บนบัลลังก์ของตัวเองแล้ว

“อ้าว?”

หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

ตายหมดแล้วหรือ?

ยังไม่ทันจะได้สู้กันเลย ก็ชิงหนีตายกันไปหมดแล้วเรอะ?