ตอนที่ 249 วางยาพิษ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 249 วางยาพิษ

อาการนี้ฟังแล้วมิเหมือนอาการป่วย แต่เหมือนโดนยาพิษมากกว่า

หมิงซินหันกลับไปก็เห็นอันหลิงเกอยืนอยู่ข้างตนแล้ว

“รีบพาข้าไปเร็ว ! ”

ในฐานะที่นางเป็นหมอจักมิรู้ได้อย่างไรว่าอาการของฮูหยินผู้เฒ่าคือโดนพิษ

ฮูหยินผู้เฒ่ามิเคยมีโรคประจำตัวอันใดมาก่อน แต่ใบหน้าเขียวคล้ำฉับพลัน นอกจากถูกพิษก็นึกถึงอย่างอื่นมิออก

อันหลิงเกอรีบสั่งให้สาวใช้ทั้งสองคนนำเข็มและกล่องยาออกมา จากนั้นก็รีบเดินไปยังเรือนชิงเฟิงทันที

“หมอในจวนอยู่ที่ใด เหตุใดจึงมิเรียกมา ? ”

เว่ยซื่อมิเห็นหมอตามมาด้านหลังสาวใช้ สีหน้าของนางก็แย่อยู่แล้วยิ่งแย่ไปอีก

สีหน้านี้มิได้มุ่งเป้าไปที่สาวใช้ แต่เพราะกังวลกับสถานการณ์ถึงได้มีอาการเช่นนี้ออกมา

สาวใช้นางนั้นก็เริ่มมิพอใจเช่นกัน “บ่าวไปเชิญท่านหมอแล้วเจ้าค่ะ แต่เขาถูกคนของนายหญิงหลี่ตามไปเสียก่อน ว่ากันว่านางปวดศีรษะกับโรคเดิมอีกแล้วจึงเชิญท่านหมอไปเขียนใบสั่งยาเจ้าค่ะ”

เช้ามิป่วย เย็นมิป่วย ทว่ามาป่วยในยามสำคัญเสียได้

สาวใช้รู้สึกมิพอใจต่อหลี่ซื่อแต่ก็มิสามารถเอ่ยอันใดได้

ทว่าในมุมมองของนาง โรคของหลี่ซื่อเกิดได้บังเอิญเกินไปแล้ว เหมือนรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องการหมอ เพื่อมิให้หมอมาดูอาการจึงจงใจเชิญตัวหน้าไปก่อน

อันหลิงเกอได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว แต่มิมีเวลามาคิดมาก

นางเริ่มดูสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากที่กลายเป็นสีม่วงดำไปแล้ว

อันหลิงเกอใจกระตุกวูบ เข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้ตาถึงกระตุกมิหยุด

นางยื่นมือไปจับชีพจรของฮูหยินผู้เฒ่าและชีพจรที่อ่อนแรงมากก็ทำให้แววตาของนางเข้มขึ้น

“ท่านย่าโดนพิษแล้ว” คำที่กล่าวออกมาของอันหลิงเกอทำให้คนอื่นตกใจไปตาม ๆ กัน เว่ยซื่อรู้สึกใจเต้นแรงยิ่งนัก แรงจนนึกอันใดมิออก

โชคดีที่อันหลิงเกอมิตื่นตระหนกจึงสั่งสาวใช้เตรียมน้ำสะอาด ถั่วเขียวและอื่น ๆ เอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่เว่ยอี๋เหนียง “วันนี้ท่านย่าได้ทานอันใดบ้าง ? ”

เว่ยซื่อย้อนนึกชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มเอ่ยอย่างติดขัด “ตอนเช้าท่านแม่ทานโจ๊กลูกเดือยไปถ้วยหนึ่งแล้วทานขนมหวานรสเสาวรสกลิ่นกุหลาบไปอีกสองชิ้น ตอนกลางวันทานรากบัวกรอบและลูกชิ้นสี่ซื่อ”

นางกล่าวถึงตรงนี้แล้วหยุดชะงักไป จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าลังเล “ท่านแม่ยังดีอยู่ เมื่อครู่ก็ยังคุยกับข้าอยู่ดี ๆ ทว่าอยู่ ๆ ก็เป็นเช่นนี้”

“ก่อนท่านย่าสนทนากับท่านได้ทานอันใดไปอีกหรือไม่ ? ” สาวใช้นำถั่วเขียว น้ำสะอาดและอื่น ๆ ที่เตรียมไว้เสร็จแล้วเข้ามา อันหลิงเกอก็รับของเหล่านั้นในขณะถามไปด้วย

นางให้สาวใช้ประคองคุณฮูหยินผู้เฒ่าขึ้นมาแล้วทำท่ากึ่งนอนไว้ จากนั้นก็เทถั่วเขียวลงในน้ำและเริ่มป้อนเข้าปากฮูหยินผู้เฒ่า

ที่จริง ใช้ซุปถั่วเขียวจักดีที่สุด ทว่าเหตุการณ์เร่งด่วนเช่นนี้จึงมิทันได้เตรียมซุปถั่วเขียว ดังนั้นจึงได้แต่ทำเช่นนี้ไปก่อน

เว่ยซื่อถอนหายใจออกมา นางมิเคยเห็นวิธีนี้มาก่อน

ทว่าเมื่อนึกถึงคำถามเมื่อครู่ของอันหลิงเกอ นางจึงกล่าวออกมาตามตรง “เมื่อครู่ข้าได้ต้มน้ำซุปให้ฮูหยินผู้เฒ่าถ้วยหนึ่ง โดยต้มตามใบสั่งยาที่คุณหนูใหญ่ออกให้ หลังทานเสร็จสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็ดีขึ้นมาก ซุปวันนี้ก็ทำตามใบสั่งยาจึงเป็นไปมิได้ที่จักมีปัญหา”

อันหลิงเกอมิได้เอ่ยอันใด เมื่อป้อนน้ำถั่วเขียวลงท้องฮูหยินผู้เฒ่าแล้วจึงตบหลังอีกฝ่ายแรง ๆ สิบกว่าครั้งจึงเห็นฮูหยินผู้เฒ่าอาเจียนบางอย่างออกจากปาก

สาวใช้รีบเอากระโถนทองแดงเข้ามารองเพื่อมิให้ของสกปรกที่อาเจียนออกมาเหล่านั้นเปรอะเปื้อนที่อื่น

อันหลิงเกอยังมิหยุดมือ นางตบหลังฮูหยินผู้เฒ่าอย่างแรง จนกระทั่งได้ยินสาวใช้ร้องออกมาอย่างดีใจ “ฮูหยินผู้เฒ่าฟื้นแล้วเจ้าค่ะ ” นางจึงหยุดมือแล้วเริ่มนวดข้อมือที่ปวดเมื่อย

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้สติขึ้นมาก็รู้สึกว่าในปากมีรสขม

มิรอให้นางได้เอ่ย สาวใช้ข้างกายก็รีบยกน้ำเข้ามาให้นางบ้วนปาก

“เมื่อครู่ข้าเป็นอันใดไป ? ”

แม้เมื่อครู่นางหมดสติไป แต่พอเห็นสีหน้าของทุกคนแล้วนางจึงคาดเดาบางอย่างได้

สาวใช้รีบเล่าเรื่องโดยมิรอช้า สีหน้าดูยินดี “ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังสนทนากับอนุเว่ย จากนั้นก็หมดสติไปเจ้าค่ะ ท่านมีสีหน้าคล้ำราวกับถูกพิษ อนุเว่ยสั่งให้บ่าวไปตามหมอ ทว่าหมอโดนนายหญิงหลี่เชิญไปแล้ว บ่าวจึงไปตามคุณหนูใหญ่มา โชคดีที่คุณหนูใหญ่เชี่ยวชาญการแพทย์ มิเช่นนั้นบ่าวคงมิรู้ว่าต้องทำอันใดเจ้าค่ะ”

เว่ยซื่อที่อยู่ข้าง ๆ จึงกล่าวเพิ่มเติม “ใช่เจ้าค่ะ ข้าตกใจจนเหงื่อออกท่วมตัวเลย”

เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าโดนพิษ แต่เมื่อครู่ในเรือนมีแค่ฮูหยินผู้เฒ่ากับนางสองคน หากฮูหยินผู้เฒ่ามิฟื้นหรือรุนแรงกว่านั้นคือฮูหยินผู้เฒ่าสิ้นลม แม้นางอธิบายอย่างไร ย่อมตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างมิอาจหนีพ้น

ขอบคุณฟ้าดินที่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟื้นขึ้นมา นางมิต้องตกใจกลัวอีกแล้ว ทีนี้จึงสงบใจได้เสียที

อันหลิงเกอนวดมือของตนเสร็จแล้วจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ท่านย่าโดนพิษเจ้าค่ะ นี่แสดงว่ามีคนเจตนาร้ายอยู่ในจวนนี้ เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กและจำต้องตรวจสอบผู้อยู่เบื้องหลังออกมา อย่าให้เขาได้มีโอกาสกลับมาทำร้ายท่านย่าอีกเด็ดขาด”

ฮูหยินผู้เฒ่าค่อย ๆ ตั้งสติขึ้นมาได้ พอได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเช่นนี้ สีหน้าจึงเข้มขึ้น ดวงตาที่จ้องเว่ยซื่อคมปราดเต็มไปด้วยความสงสัย

เว่ยซื่อใจสั่นเมื่อถูกสายตาเช่นนั้นจ้องมอง “ฮูหยินผู้เฒ่าดีกับข้าถึงเพียงนี้ ข้ามิอาจทำร้ายท่านได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ ! ”

นางมิใช่คนโง่ นางรู้ว่าการมีชีวิตอยู่โดยพึ่งพิงฮูหยินผู้เฒ่าจักทำให้นางสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข

หากไร้ฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว ทั้งจวนก็มิมีผู้ใดให้นางได้พึ่งพาอีก แม้นางละทิ้งฐานะสาวใช้แต่มิได้รับความโปรดปรานจากท่านโหว ตำแหน่งก็มิมี ความโปรดปรานก็มิมี ทั้งยังมีหลี่ซื่อคอยจับจ้องอยู่อีก ขอเพียงเสียผู้ที่พึ่งพาได้จักต้องถูกหลี่ซื่อรังแกจนตายแน่นอน

แม้นางโง่เพียงใดก็มิมีทางทำเรื่องขุดหลุมฝังตนเองเช่นนี้!

ฮูหยินผู้เฒ่าเม้มปาก เหลือบมองซุปในถ้วยที่เหลือแต่ซาก “ข้าทานน้ำซุปที่เจ้านำมาให้จึงถูกพิษ สิ่งนี้เจ้าจักอธิบายเช่นไร ? ”

นี่คือสิ่งที่เกี่ยวพันถึงชีวิตตน ฮูหยินผู้เฒ่าจักมิละเลยเรื่องเล็กน้อยเด็ดขาด แม้ปกติแล้วนางลำเอียงต่อเว่ยซื่อก็ตาม แต่ตอนนี้ก็เริ่มสงสัยแล้ว

เว่ยซื่อร้อนรนจนน้ำตาไหล หากฮูหยินผู้เฒ่ามิเชื่อใจนาง แม้กล่าวเช่นไรก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

นางกวาดสายตามองตามแววตาของฮูหยินผู้เฒ่า จากนั้นจึงคิดยกถ้วยซุปขึ้นมาแล้วเอาช้อนวางไว้ด้านข้างเพื่อเตรียมดื่มลงไปเอง

“หากฮูหยินผู้เฒ่ามิเชื่อ ข้าก็จักดื่มซุปที่เหลือให้ท่านดู”