บทที่ 13 โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว Ink Stone_Fantasy
แจ็คสันแย้มยิ้มใจดีขณะจับปลายคาง “อังเดร ช่วงนี้เจ้าทำงานได้ดียิ่ง อ้อใช่ เมื่อครู่เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรนะ”
อังเดรยิ้มอย่างประจบสอพลอ “ท่านแจ็คสัน เป็นเรื่องเล็กน้อยขอรับ ข้าเห็นผู้ชายคนหนึ่งออกจากเมืองทุกวันมาหลายวันแล้ว เลยรู้สึกว่ามันแปลกๆ น่ะขอรับ”
“เขาเอาอะไรออกไปและเอาเข้ามา เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่” รอยยิ้มแจ็คสันยังคงใจดีเป็นมิตร แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดอังเดรกับแม็กจึงรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล
แม็กผู้เคยอ้างว่าตนมีเชื้อสายของชนเผ่ายารันบนที่ราบสูงผู้ศรัทธาในกำปั้นของตนเองและศาสดาแห่งความจริงถึงหนึ่งในสิบหกส่วน ทว่าเมื่อถูกแจ็คสันถามคำถาม เขากลับตอบไม่ได้ในทันที ในขณะที่อังเดรไม่ค่อยสะทกสะท้าน หลังจากนิ่งคิดอยู่นาน เขาก็ยังกล่าวได้อย่างไม่มั่นใจนัก “ดูเหมือนว่าเขาจะออกไปโดยมีเพียงกระเป๋าผ้าลินินเก่าๆ พอเขากลับมา คือ พอเขากลับมา ในกระเป๋าก็เหมือนจะมีอะไรอยู่ในนั้นขอรับ แต่ในฤดูกาลเช่นนี้ มีเห็ดขึ้นอยู่มากในป่าดำตรงข้ามกับแม่น้ำเบเล็ม บางทีเขาอาจจะไปเก็บเห็ดก็ได้นะขอรับ”
“แค่ไปเก็บเห็ดถึงกับต้องให้ผู้ใหญ่ไปเก็บเชียวหรือ ชายป่าดำไม่อันตรายเสียหน่อย ใช้เด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายไปเก็บก็พอแล้ว” แจ็คสันส่ายหน้า
อังเดรโพล่งถามขึ้น “แต่ว่า ท่านแจ็คสัน เด็กโสโครกจนๆ คนนี้มีอะไรแปลกงั้นหรือขอรับ”
เมืองอัลโต้มีประตูเมืองสามแห่ง ประตูที่ตั้งหันหน้าไปทางแม่น้ำเบเล็มกับป่าดำเมลเซอร์คือประตูที่คนพลุกพล่านมากที่สุด มีทั้งพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนทั่วไป ทหารรับจ้าง และนักผจญภัยที่เข้าออกในทุกๆ วัน อังเดรกับแม็กจึงไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่เด็กจนๆ อย่างลูเซียนสักเท่าไหร่
แจ็คสันหัวเราะขัน “เมื่อสองวันก่อน ช่างตีเหล็กเรโกมาหาข้า มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเอาเศษโลหะมาขายให้เขา มันเป็นโลหะแบบที่ผู้มีอันจะกินหรือชนชั้นสูงเท่านั้นจะใช้ แม้จะเป็นเศษโลหะคุณภาพต่ำที่สุด มันก็ยังทำให้ตีกริชที่แหลมคมขึ้นได้ เขาเลยสงสัยว่าทองแดงภูเขานี้มีที่มาอย่างไร และอยากรู้ว่าเราจะหามาได้หรือไม่”
“ท่านแจ็คสัน ท่านหมายความว่าลูเซียนเป็นผู้ขายสิ่งนั่นให้กับเรโกงั้นหรือขอรับ” สมองที่มีแต่กล้ามเนื้อของแม็กเชื่อมทั้งสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานยืนยันก็ตาม
แจ็คสันพยักหน้าเล็กน้อย “เขาระมัดระวังตัวมาก เรโกติดตามเขาไปไม่ทัน และเศษทองแดงภูเขาก็ถูกทำความสะอาดจนหมดจดชนิดที่เรโกหาร่องรอยแหล่งที่มาไม่ได้ ข้าจึงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันเพื่อหาเบาะแสจากตลาด เขาแวะไปหาช่างตีเหล็กหลายคนตลอดสองสามวันที่ผ่านมา จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะจำเขาได้ บางคนยังเห็นอีกด้วยว่าเขาจะมาที่เขตประตูเมืองในช่วงเวลานี้เสมอ โอ้ ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะรู้จักเขา แต่นั่นนับเป็นเรื่องดี”
“เช่นนั้นเราต้องทำอะไรหรือขอรับ ท่านแจ็คสัน” อังเดรรีบขอคำสั่งจากแจ็คสัน
แจ็คสันชี้ไปทางประตูเมือง “บอกข้ามาก่อนว่าเขาเป็นผู้ใด จากนั้นก็ตามเขาออกไปเงียบๆ เพื่อดูว่าเขาไปเอาของพวกนั้นมาจากไหน หากเขาสังเกตเห็นพวกเจ้า ก็จับตัวมาซ้อมได้เลย เงินเฟลล์ที่เขามีบนตัวจะเป็นของพวกเจ้าทั้งหมด”
“ขอรับ ท่านแจ็คสัน” แม็กตอบตัดหน้าอังเดร ใบหน้าเขาดูสดใสเปล่งประกายขึ้น
เขาไม่ได้สั่งสอนผู้อื่นด้วยกำปั้นมามากกว่าสิบวันแล้ว และเขามักตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้ซ้อมใครสักคน
…
ลูเซียนถือกระเป๋าผ้าใบเก่าเดินตรงไปทางแม่น้ำเบเล็ม จู่ๆ เขาก็มีลู่ทางทำเงิน ความจริงแล้ว หลังจากตื่นเต้นอยู่ครึ่งวัน เขาก็ใจเย็นลง และคิดถึงวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นพบว่าเขาทำตัวผิดปกติ อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะหาเงินได้ครบห้านาร์ เขาจะไม่ยอมให้ใครจับได้
‘ถึงฉันจะระมัดระวังตัวมากเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยมีประสบการณ์พรรค์นี้มาก่อน แถมยังไม่คุ้นเคยกับโลกนี้อีก เลยบอกได้ยากว่าฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า เอาเถอะ ถ้าตามแผนแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะยังใช้ประตูเมืองนี้ แล้ววันถัดไปจะใช้ประตูเขตโนแลน และก็เปลี่ยนไปใช้ประตูที่เขตลิลี่ม่วง’
เขตลิลี่ม่วงเป็นเขตของชนชั้นกลางในเมืองอัลโต้ ส่วนเขตโนแลนคือเขตที่มีตลาดอีกแห่งหนึ่ง ทั้งสองประตูที่ว่านี้อยู่ห่างจากแม่น้ำเบเล็มมาก และจำต้องอ้อมไปไกล ถ้าออกมาจากเขตประตูเมือง เวลาไปเก็บเห็ดเพื่ออำพรางเจตนาแท้จริงจากป่าดำเมลเซอร์ ลูเซียนก็ยังต้องใช้เวลาไปกลับรวมแล้วสองชั่วโมง แต่ถ้าใช้ประตูเมืองทั้งสองแห่งนั้น เขาจะต้องใช้เวลาไปกลับอย่างน้อยสามชั่วโมงเลยทีเดียว
ขณะที่ลูเซียนกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีคนกำลังตามเขาอยู่
‘ใครจะมาติดตามฉันได้กัน’ ลูเซียนตื่นตัวขึ้นโดยพลัน
นับตั้งแต่ที่เขาเกือบโดนแกรี่บีบคอจนตายในท่อน้ำเสีย ลูเซียนก็พบว่าตนเองมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมขึ้น และมีความสามารถในการสัมผัสถึงสิ่งต่างๆ ในแบบแปลกๆ ด้วยการพึ่งพาความสามารถเหล่านี้เวลานำของไปขายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้เขากำจัดร่องรอยไม่ให้ใครที่คิดโลภจนสะกดรอยตามมาได้อย่างลื่นไหล
ลูเซียนแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่นึกหวาดกลัวเลยสักนิด เมื่อเขาเดินผ่านมุมที่ปกคลุมไปด้วยพงหญ้าหนาและต้นไม้สูงชะลูด ก็อาศัยจุดนั้นเป็นข้อได้เปรียบเพื่อบดบงตัวเขา ก่อนจะพุ่งตัวผ่านพงหญ้าไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ เฝ้ารอให้ผู้ติดตามเขาปรากฏตัว
ครั้งนี้ลูเซียนใจเย็นมาก เขาจำต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือผู้ที่ติดตามเขามา เพื่อที่เขาจะได้หาทางรับมือกับมันในอนาคต
หลังจากนั้นหนึ่งถึงสองนาที เสียงฝีเท้าหนักๆ สองเสียงก็มาหยุดลงตรงมุมถนน จากนั้นพวกเขาก็ยืดคอมองหาลูเซียน
“บัดซบ เจ้าหนุ่มนั่นหนีไปแล้ว!”
“อังเดร เจ้าน่าจะฟังข้าตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเจ้านั่นจะไปที่ใดก็ช่าง ก็แค่จับตัวเขามาซ้อมให้น่วม เท่านี้เจ้าก็จะได้รู้ทุกอย่างแล้ว!”
ทั้งสองคนไม่สนใจจะปกปิดตนเอง และเสียงสบถก่นด่าด้วยโทสะก็ลอยมาเข้าหูลูเซียน
ลูเซียนประหลาดใจที่เสียงนั้นฟังดูคุ้นหู แต่พอแม็กเรียกชื่อ ‘อังเดร’ เขาก็เข้าใจได้ในทันที ‘แก๊งอารอนสงสัยฉันแล้วเหรอ เร็วขนาดนี้เลย’
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะเหตุใดลูเซียนจึงถูกพบตัวอย่างรวดเร็วไร้ความซับซ้อนใดๆ เพราะบนโลกนี้มีรูปแบบวิธีการแปลกๆ มากมาย เขาสูดหายใจเข้าแผ่วเบาขณะวางแผนในใจว่าจะรอจนกว่าทั้งสองคนนั้นจากไปแล้วเขาจะรีบตรงไปที่ประตูเมืองอีกแห่ง กลับไปที่บ้าน นำเหรียญนาร์และเฟลล์ที่ซ่อนไว้ออกมา แล้วหาที่ซ่อนตัวสักสองสามวัน จากนั้นเขาจะตอบตกลงกับจอห์นว่าจะไปเป็นลูกมือฝึกหัดให้กับคนดูแลเครื่องดื่มที่คฤหาสน์ของเซอร์เวนน์
อังเดรถกเถียงกับแม็กอยู่เป็นนาที พวกเขาเริ่มท้อแท้เมื่อเห็นว่าลูเซียนหายตัวไปแล้วจริงๆ แจ็คสันเป็นคนที่ไร้ปรานีอย่างมาก หากงานนี้พัง เกรงว่าพวกเขาคงถูกเล่นงานเป็นแน่
“แม็ก เจ้ามักอวดอ้างว่าเจ้ามีเชื้อสายของชนเผ่าป่าเถื่อนนี่ เจ้าดมหากลิ่นในอากาศได้หรือไม่” อังเดรนึกถึงสิ่งที่แม็กเคยอวดโอ่ให้ฟัง
แม็กจับศีรษะโล้นเลี่ยนของตน แล้วตอบเสียงงึมงำห้วนๆ “ข้าลืมไปเลย แต่บางครั้งข้าได้กลิ่น บางครั้งก็ไม่ได้กลิ่น”
ไม่ไกลกันนัก ลูเซียนได้ยินบทสนทนาระหว่างชายทั้งสอง ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรเสีย เขาก็เพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่กี่วัน จึงยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกใบใหม่มากนัก
แม็กเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วสูดหายใจลึกทางจมูก ทันใดนั้นเขาก็อุทานด้วยความตื่นเต้น “ข้าได้กลิ่นเจ้าหนุ่มบ้านั่นแล้ว!”
ขณะตะโกน เขาก็เดินมาข้างหน้าก้าวใหญ่ก่อนจะวิ่งตรงมายังต้นไม้ที่ลูเซียนซ่อนตัวอยู่ โดยที่อังเดรตามมาติดๆ
ลูเซียนหันกายวิ่งหนีทันทีที่แม็กร้องอุทาน พยายามสลัดทั้งคู่ให้หลุดด้วยการสับขาวิ่งเร็วรี่
แต่ใครเลยจะรู้ว่าแม็กสามารถวิ่งได้รวดเร็วแม้ว่าเขาจะตัวสูงใหญ่และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ระยะห่างระหว่างลูเซียนกับเขาจึงร่นขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่กลัวว่าจะชนกับต้นไม้อยู่หลายครั้ง เขาก็คงจะคว้าจับชายเสื้อของลูเซียนได้แล้ว
ต้นไม้ที่อยู่ริมแม่น้ำเบเล็มมีอยู่กระจัดกระจายบางตา ลูเซียนวิ่งจนขาแทบขวิด แล้วดวงตาเขาก็ต้องเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าเขาไม่อาจพึ่งพาต้นไม้และความยืดหยุ่นว่องไวเพื่อหลบหนีจากแม็กได้อีกต่อไป
ทว่าลูเซียนก็ไม่ได้ตื่นตระหนกจนเกินไป หากเทียบกับอัศวินฝึกหัดชั้นสูงอย่างแกรี่แล้ว แม็กดูน่ากลัวน้อยกว่ามาก ยิ่งไม่ต้องไปเทียบกับหนูดวงตาสีแดงเลือดทั้งฝูงนั้นเลย
‘วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉวยโอกาสตอนที่แม็กเข้ามาใกล้แต่อังเดรยังอยู่ไกลๆ นี้ล้มแม็กก่อนแล้วกัน’ ลูเซียนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ลูเซียนตื่นตัวเต็มที่และเตรียมพร้อม เสียงคำรามอย่างตื่นเต้นของแม็กก็ดังกึกก้องในหูของเขา
ลูเซียนพลันหยุดวิ่งตัวโก่ง เขาย่อเข่าก้มตัวและศีรษะลงต่ำ แล้วเหวี่ยงขาเตะออกไปหมายกระแทกเข้ากับแขนของแม็ก
แม็กไม่คาดคิดว่าลูเซียนจะหยุดวิ่งกะทันหัน จึงวิ่งโร่เข้าหาอย่างควบคุมไม่อยู่ พร้อมกับออกหมัดขวาไปโดยสัญชาตญาณเพื่อปัดป้องลูกเตะ แต่ลูเซียนที่เตรียมตัวป้องกันมาก่อน หลบหลีกได้ทัน แม็กจึงได้แต่ต่อยลมไป
ทันทีที่ลูเซียนเตะโดนแขนอีกฝ่าย หมัดขวาที่กำแน่นก็พุ่งตรงเข้าใส่หน้าท้องนิ่มๆ ของแม็ก ส่งผลให้ท้องไส้ของแม็กปั่นป่วน น้ำย่อยพุ่งขึ้นมาที่คอจนแสบร้อน ก่อนที่เขาจะร้องด้วยความเจ็บปวด
ทว่า เพียงหมัดนั้น สำหรับแม็กที่มีเชื้อสายชนเผ่ายารันถึงหนึ่งในสิบหกส่วน ก็ยังไม่มากพอจะทำให้เขาสูญเสียพละกำลังในการต่อสู้ไปโดยสมบูรณ์ ดังนั้น หลังจากที่เขาปรับตัวอยู่สองวินาที ศอกซ้ายของเขาก็ฟาดใส่หลังแม็กอย่างไร้ปรานี
แต่ไม่ใช่แค่ศอกของเขาเท่านั้น แทบจะในเวลาเดียวกัน ขาขวาของลูเซียนที่ย่อต่ำมานานก็ยกเข่าขวาขึ้นกระแทกใส่หว่างขาแม็กอย่างจัง
“อ๊าก!!”
เสียงกรีดร้องคำรามยาวนานของแม็กนั้นดังสมกับเป็นผู้ที่มีสายเลือดของชนเผ่าป่าเถื่อนยิ่งนัก เขากุมช่วงล่างของตนด้วยสองมือและกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้น ความเจ็บจุกนั้นรุนแรงอย่างยิ่งยวด
อังเดรที่อยู่ไม่ไกลออกไป เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นแล้วพลันหนาววูบจนชะลอฝีเท้าลงโดยไม่รู้ตัว
ลูเซียนไม่มองอะไรอีก รีบหันกายวิ่งหนีไปเพราะอังเดรกำลังเข้ามาใกล้พร้อมกับกริชในมือ และแถวนั้นก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถใช้เป็นอาวุธได้ แม็กเองก็อาจฟื้นคืนกำลังและลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก อย่างไรเสีย ร่างกายเขาก็แข็งแกร่งเกินไป
อังเดรไล่กวดตามไปหลายก้าว แต่เมื่อเห็นว่าระยะห่างระหว่างเขากับลูเซียนกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่แม็กยังคงกลิ้งตัวไปมาและร้องครวญคราง เขาจึงลังเล และสุดท้ายก็หยุดลง
…
‘ถ้าไม่มีพลัง ก็ไม่มีความปลอดภัยเลยบนโลกนี้ ไม่แม้แต่สักนิด’ ลูเซียนอดถอนหายใจให้กับประสบการณ์ที่เพิ่งพบเจอไม่ได้ ในใจเขารู้สึกวูบโหวง
ขณะนั้นเป็นเวลาเก้าโมงเช้า ลูเซียนแอบเข้ามาทางประตูเมืองบนเขตโนแลนเพื่อกลับเข้ามาในเมืองอัลโต้ ก่อนจะลอบเข้าไปในบ้านตนเองที่อยู่ตรงสลัม และเตรียมจะนำเงินไปซ่อนไว้ อย่างไรเสีย อังเดรและแม็กก็รู้จักเขาดี และรู้ว่าโคเฮ็นคือคนแนะนำงานให้เขา ดังนั้นคนของแก๊งอารอนจะต้องรู้รายละเอียดและที่อยู่ของเขาแล้วเป็นแน่ เขาเพียงหวังว่าตนจะเร็วกว่าคนพวกนั้นก้าวหนึ่ง มิเช่นนั้นความพยายามทั้งหมดที่เขาทำมาตลอดหลายวันคงจะจบลง ทั้งยังเป็นการยั่วยุกลุ่มวายร้าย อันธพาล และขโมยอีกด้วย
ลูเซียนซ่อนตัวอยู่ข้างนอกผนังบ้านใกล้ๆ แล้วแอบมองไปทางกระท่อมของตน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น เขาจึงไปตามหาเด็กที่เป็นเพื่อนบ้านที่เขารู้จักอย่างเงียบๆ แต่ทันใดนั้น เขาก็เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์เดินตรงมาทางกระท่อมของเขาด้วยท่าทางหาเรื่อง
ชายผู้หน้าตาดูธรรมดาทั่วไปแต่แต่งตัวดีชี้นิ้วของเขา แล้วชายหนุ่มกล้ามโตคนหนึ่งก็เดินออกมาข้างหน้า เตะประตูบ้านลูเซียนอย่างแรง ส่งผลให้บานประตูไม้แตกกระจายเป็นผุยผง
————————————————