บทที่ 57 ใครกลัวการพัฒนามากกว่ากัน

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

สองวันต่อมา เวลาของเทพแห่งระบบนั้นแม่นยำมาก ระบบแจ้งเตือนการปิดระบบสำเร็จปรากฏขึ้นตรงเวลา

ระบบแจ้งเตือน: ระบบใช้คะแนนประสบการณ์จำนวนมากเพื่อฝึกฝน ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ระดับกลาง ผลที่ได้ปัจจุบัน

ข้อแรก: ความอิ่มปานกลาง สามารถรับประทานอาหารที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมหนึ่งเดือนได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องกินอาหารเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ข้อสอง: พลังวิทยายุทธ์ประเภทมังกรทั้งหมดเพิ่มขึ้น ระดับทักษะปัจจุบันเพิ่มขึ้น 200%

ข้อสาม: การหลอมรวมพลังวิทยายุทธ์ประเภทมังกรทั้งหมด พลังวิทยายุทธ์ประเภทมังกรปัจจุบันได้รวมเข้ากับหกประเภทแล้ว อีก 26 ประเภทที่เหลือยังคงดำเนินการอยู่…

หลังจากที่ฟางหนิงเหลือบมองไปรอบๆ ก็ทราบเรื่องราวต่างๆ แต่กลับพบว่ามีบางอย่างแปลกไปเล็กน้อย ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เทพแห่งระบบอยู่ในช่วงปิดระบบ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการลอบโจมตี แต่ในระหว่างนั้น ช่วงนี้เขากลับเห็นผู้อาวุโสตระกูลไป๋มาที่นี่

เขาคิดในแง่ร้าย เป็นไปได้ไหมที่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋จะรู้ว่าตระกูลของเขานั้นมีอาชีพการงานที่ยอดเยี่ยมและยังคงเป็นหน้าต่างของโอกาสเชิงกลยุทธ์ในช่วงการพัฒนา เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถยั่วยุมังกรอย่างอัศวิน A ได้ หากต้องการพัฒนาในภายหลัง เมื่อถึงเวลานั้นคงต้องอาศัยทรัพย์สมบัติ และความสามารถที่บรรลุถึงขีดสุดถึงจะสามารถบดขยี้อัศวิน A ได้

แต่เพราะระบบไม่ใช่มนุษย์ มันเลยไม่รู้ว่าอัศวิน A พัฒนาการความสามารถได้รวดเร็วมาก

โชคดีที่เราปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้มิดชิดแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน

หลังจากคิดได้ดังนั้น ฟางหนิงก็พักเรื่องไว้ชั่วคราว และไม่ยอมให้เทพแห่งระบบรบกวนช่วงการพัฒนาของอีกฝ่าย ตอนนี้เทพแห่งระบบไม่สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้ เพราะถ้าเขาเร่งรีบนั่นก็จะเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก

ทว่าแผนที่วางไว้อย่างยาวนาน ในที่สุดก็ได้คำตอบแล้ว

หลังจากอ่านข้อความจากระบบ ขณะที่ฟางหนิงกำลังอ่านนิยาย เขาก็พบว่า QQ ของอัศวิน A กะพริบ

ฟางหนิงเหลือบมอง เมื่อเห็นว่าคนที่ติดต่อมาคือคนสุดท้ายที่เขาใช้ซากหนูยักษ์สองตัวเป็นเงินรางวัลเพื่อแก้ปัญหาการขาดเชื่อมต่อของเครือข่ายที่เกิดจากการขุดเจาะของหนูยักษ์ในเมืองฉี

แพะรับบาป “ท่านจอมยุทธ์ เรื่องที่ท่านให้ทำ พวกเรามาเจรจาแผนการกันเถอะ”

ฟางหนิง “ว่ามาสิ”

แต่แพะรับบาปกลับไม่ยอมบอกแผนการทันที “พูดกันแบบนี้คงไม่ได้อะไร ท่านจอมยุทธ์อาจคิดว่าฉันคุยโว ทำไมไม่ลองไปตรวจสอบที่เกิดเหตุกันดูล่ะ”

ฟางหนิงใคร่ครวญ เทพแห่งระบบเพิ่งปิดระบบและฝึกฝนได้สำเร็จ ประจวบเหมาะกับที่จะออกไปบนภูเขาเพื่อทดสอบพลัง เขาพิมพ์กลับทันที “ที่ไหน?”

“ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำต้าชาทางตอนเหนือของเมืองฉี” อีกฝ่ายพิมพ์กลับมาพร้อมกับส่งรูปภาพมาให้ ภาพนั้นคือแผนที่อิเล็กทรอนิกส์พร้อมพื้นที่วงกลมและที่อยู่โดยละเอียด

ฟางหนิง “โอเค ที่นั่นไม่ไกลมาก ฉันจะไปถึงในอีกยี่สิบนาที”

ในตอนนี้วิธีเร่งความเร็วด้วยการเปลี่ยนเป็นมังกรบินคือวิธีที่เร็วที่สุด ฟางหนิงยังไม่เคยเห็นขีดจำกัดของมัน แต่อ้างอิงจากครั้งสุดท้ายที่เขาไล่ตามหนูยักษ์ คาดว่าหากระบบดำเนินการเต็มกำลัง อาจถึงขั้นสามารถไล่ตามเครื่องบินรบที่มีความเร็วเหนือเสียงได้เลย แน่นอนว่าการใช้ความเร็วนั้นก็ต้องใช้พลังงานมากด้วย

การใช้วิชาตัวเบาในร่างมนุษย์ขึ้นอยู่กับความต้องการของเทพแห่งระบบเอง แต่ขีดจำกัดสูงสุดจะต้องไม่เกินรถไฟความเร็วสูงอย่างแน่นอน แต่เมื่อพิจารณาด้านเศรษฐกิจแล้ว การใช้ความเร็วของมอเตอร์ไซค์ก็น่าจะฆ่าปีศาจได้เช่นกัน

แผนที่ที่อีกฝ่ายให้มา ระยะทางไม่ไกล แค่ 20 นาทีก็คงเพียงพอ

ฟางหนิงพูด “ระบบ จัดการกับหายนะหนูยักษ์ในเมืองนี้ ถึงเวลาที่แกต้องออกโรงแล้ว”

ระบบจะไม่ผิดสัญญากับสิ่งที่เคยรับปากไว้ มันปิดระบบแล้วค้นหาสถานที่เพื่อเปลี่ยนตัวตนของอัศวิน A จากนั้นเก็รีบไปยังสถานที่ที่ฟางหนิงระบุ

ระหว่างทางฟางหนิงมีความสุขมาก หมายความว่าหลังจากทำงานนี้เสร็จ เขาก็ไม่ต้องกังวลกับการที่อินเทอร์เน็ตของเมืองฉีจะโดนตัดการเชื่อมต่ออีก

ส่วนเขตเฉินโจวนั้นยังคงเป็นหน้าที่ของคนจากสำนักสัจธรรมและหน่วยกิจการพิเศษที่ต้องจัดการ ความจริงแล้วเขาไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้น เพียงแต่เฉินโจวเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นเครือข่ายแกนหลักในเมืองใหญ่ลำดับต้นๆ หากมันพังลงจริงๆ เมืองฉีก็คงไม่มีทางดีขึ้น ดังนั้นจึงพูดไม่เต็มปากว่าไม่ต้องกังวลอีก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหนิงก็เริ่มกังวล ‘จากนี้ไปถ้าอยากอยู่บ้านอย่างสบายใจก็จะต้องเจอเรื่องอะไรที่กังวลแบบนี้หรือเปล่านะ ฉันไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวปัญหานี้ เพราะระบบสนใจแค่การกำจัดปีศาจและเพิ่มเลเวลเท่านั้น แต่ก็หวังว่าจะมีองค์กรที่แข็งแกร่งจริงๆ เข้ามาช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงตอนนั้นเราคงจะสามารถเอนกายพิงต้นไม้ใหญ่เพื่อรับร่มเงาได้สักที’

ขณะที่ฟางหนิงครึ้มดีครึ้มร้าย ระบบก็พูดขึ้น

“ใกล้จะถึงแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ โฮสต์ได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากและการฝึกฝน ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ เองก็มีความคืบหน้าอย่างมาก ยังกลัวผีอยู่หรือเปล่า?”

ฟางหนิงคุยโอ้อวด “ครั้งสุดท้ายที่ฉันต่อสู้กับงูดำหลงฟาน เขาก็เป็นผีนะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันไม่กลัวผีแล้ว”

ระบบตอบรับ “อืม งั้นก็ดีแล้ว เพราะพวกเรามาถึงแล้ว”

ฟางหนิงรู้สึกแย่ในวินาทีต่อมาทันที เมื่อเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ชายหาดต้าชาปรากฏอยู่เบื้องหน้า ในเวลานี้ไร้แสงสว่าง แต่กลับมีแสงระยิบระยับอยู่รำไร ทั้งหมดนั่นคือผี และหลังจากเพ่งมองดีๆ บัดซบเอ้ย ผีทุกชนิดมารวมกันอยู่ที่นี่ ทั้งผีผูกคอ ผีครึ่งตัว ผีเหี้ยน…ไม่ต้องพูดถึงความหลากหลายเหล่านั้น แต่ละตัวเคลื่อนตัวเชื่องช้า สลับเปลี่ยนตำแหน่ง บรรยากาศน่าสยดสยองมาก

ฟางหนิงตกใจมากจนถอยเข้าไปในร้านช่างตีเหล็กในพื้นที่ระบบ เขาหยุดอยู่ใกล้อาวุธวิเศษพวกนั้น

ว่ากันว่าอาวุธเทพนี้อยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว เดิมทีมันคือเครื่องมือกระตุ้นปีศาจที่คิดค้นโดยความคิดสร้างสรรค์อันพิสดารของฟางหนิง ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเทพแห่งระบบด้วยความพยายามแรงกล้า แต่มันกลับไม่เคยได้ใช้ประโยชน์ นอกจากช่วยมอบความกล้าหาญให้ฟางหนิงแล้ว…นอกนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ระบบ “นี่เหรอที่โฮสต์บอกว่าไม่กลัวแล้ว”

ฟางหนิง “ฉันไม่กลัวเลยสักนิด แค่แสดงไปงั้น แต่ผีกับปีศาจที่รายรอบตัวมากขนาดนี้ ฉันก็ไม่มีที่จะวิ่งหนีน่ะสิ”

ระบบ “ถ้าอย่างนั้นโฮสต์ก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกมาล่ะ”

ในเวลานี้ฟางหนิงอาศัยพลังการได้ยินของเทพแห่งระบบ ตอนนั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดอยู่ไกลๆ เขาขอให้เทพแห่งระบบหยุด ด้วยประสบการณ์ดักฟังคู่หนูยักษ์ครั้งที่แล้ว ฟางหนิงคิดว่าการดักฟังครั้งนี้อาจมีประโยชน์

“กุ่ยชีครั้งสุดท้ายที่ฉันให้นกฮัมมิ่งเบิร์ดนำทาง อัศวิน A อะไรนั่น ที่นายจ้างแนะนำฉันให้รู้จัก คงจะมาในเร็วๆ นี้ หากพวกเจ้าออกไปรับทีละคน เกรงว่าเขาอาจจะไม่กล้าเจอเรา”

“อ้อ ที่พี่สองพูดน่ะ…ข้าสามารถใช้พลัง ทำให้จิตใจของผู้คนสับสน สะกดจิตของผู้คน ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นความจริงได้ คนในหน่วยตรวสอบตามเรามาหลายครั้ง ก็ยังจับไม่ได้ ส่วนอัศวิน A แม้จะมีชื่อเสียงและทรงพลังในด้านวรยุทธ์ แต่เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางมองออกหรอก”

“จากที่กุ่ยชีบอกมา อัศวิน A อาจไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เขาถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของหวังเฉียนชวี ผู้อาวุโสตระกูลไป๋คนนั้นทรงพลังเพียงใด ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาถูกซ่อนไว้อย่างลึกซึ้ง นับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักสัจธรรมมา เขาต่อสู้ตั้งแต่เหนือจรดใต้ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นปีศาจหนูยักษ์ และตอนนี้กำลังจะวางรากฐานให้ตระกูลหนูยักษ์ในโลกนี้อย่างเงียบๆ!”

“พระโพธิสัตว์เตือนไว้แล้วว่าอย่าไปยุ่งกับเขา แต่อัศวิน A กลับโผล่มา ถึงจะไม่รู้รายละเอียด แต่มันก็สามารถฆ่าทายาทสายตรงของเขาได้ถึงสามคน!”

ฟางหนิงก่นด่าในใจ ‘หนอย! สองคนนั่นถูกกดดันจนฆ่าตัวตายเองต่างหาก’

“น้องสอง น้องก็เห็นด้วยสินะ แต่เพราะบอกว่าเขาเป็นทายาทด้วย ก็นเกรงว่าเขาอาจจะมาจากภูมิหลังที่สูงมากเช่นกัน ทำไมท่านถึงบอกว่าเขาสามารถเป็นอิสระได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง?”

“เอ่อ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องสงสัย เจ้าไม่ได้ติดตามพระโพธิสัตว์มาสักระยะแล้ว แต่ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ในตอนนี้ แต่ตราบใดที่เจ้ารู้ว่าผู้อาวุโสเป็นหนูยักษ์ ก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะกลายเป็นเทพปีศาจในอนาคต และรูปแบบพฤติกรรมของอัศวิน A ในตอนนี้ ก็อาจทำให้เจ้าสามารถเปิดสาขาท้องถิ่นในเมืองฉีได้ ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”

“ใช่ อัศวิน A คิดว่าตัวเองมีตำแหน่งสูงใหญ่ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำอะไรคนเดียว จนหน่วยกิจการพิเศษและสำนักสัจธรรมด฿ไร้ประโยชน์ โม่ซิ่งผู้อำนวยการหน่วยกิจการพิเศษในท้องถิ่น ถือคติว่าต่างคนต่างอยู่เสมอ ความจริงก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งสามถูกส่งมาเพื่อพยายามเอาชนะเขา แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าสามสาวปีศาจหนูยักษ์จะถูกเขาฆ่าตาย หากเราอยู่ในตำแหน่งของเขา แม้ว่าเราจะพบว่าพวกมันเป็นปีศาจ ก็ต้องแจ้งสำนักสัจธรรมก่อน และให้อีกฝ่ายตัดสินใจว่าจะจัดการกับมันอย่างไร”

“ก็เป็นแบบนี้แหละ ในเมื่อเขามีพฤติกรรมเช่นนี้ เขาจะกังวลเกี่ยวกับธุรกิจที่ซับซ้อนของตระกูลได้ยังไง? หากปราศจากการสนับสนุนจากจิตใจของมนุษย์ ในอนาคตไม่ว่าเขาจะฝึกฝนมากแค่ไหน เขาก็เป็นได้แค่นักรบชั้นยอดเท่านั้น ในอนาคตถ้าได้พบกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ในฐานะเทพปีศาจลำดับที่หนึ่ง จะเป็นคู่ต่อสู้ได้ยังไง? ในตำนานของพวกมนุษย์ซุนหงอคงมีพลังแค่ไหนกัน? ไม่เคยพ่ายแพ้อยู่ใต้ฝ่ามือของพระพุทธเจ้าหรอกหรือ?”

“สิ่งที่น้องสองพูดนั้นถูกแล้ว แต่โชคดีที่เขาไม่รู้ถึงความสำคัญ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้ศพหนูยักษ์มา! อีกอย่าง เราได้รับค่าตอบแทนในสิ่งที่เราทำจากเขา พระโพธิสัตว์อนุญาตให้ทำเช่นนี้แล้ว ในอนาคตผู้อาวุโสตระกูลไป๋จะไม่กล้าทำร้ายพระโพธิสัตว์แน่ และเขาจะเกลียดอัศวิน A มากยิ่งขึ้นไปอีก นี่ทำให้เราได้เปรียบมาก”

ได้ยินเช่นนี้ ฟางหนิงก็ไม่สบอารมณ์ แต่เขารู้ดีแก่ใจ เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองคนจะรู้ว่าอัศวิน A เป็นเขาจริงๆ และเขาถูกควบคุมโดยสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ ไม่มีการจำกัดการอัปเกรดในอนาคตสำหรับสมองอัจฉริยะ แม้ว่าผู้อาวุโสตระกูลไป๋จะสามารถชะล้างให้บริสุทธิ์ได้จริง แต่จะทำอะไรได้

ฟางหนิงเงี่ยหูฟังต่อไป

“แน่นอน อัศวิน A เป็นเพียงนักรบ เขาไม่รู้เลยว่าศพนี้มีประโยชน์ยังไง ด้วยซากหนูยักษ์สองตัวนี้ ควบคู่ไปกับวิญญาณหนูผู้ปราดเปรื่อง ก็สามารถสร้างหุ่นเชิดหนูยักษ์ทรงพลังได้แล้ว ศพหนูยักษ์นี้สามารถใช้ทักษะของราชาหนูยักษ์ได้ ภายหน้าราชาผีจะสามารถเชิดหนูยักษ์ แล้วสร้างถ้ำใต้ดินขึ้นอีกหลายแห่ง โดยไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกโจมตี”

“ฮ่าๆ พี่สองคือนักคิดของสมาคมราชาวิญญาณโดยแท้ เช่างน่าชื่นชมจริงๆ”

“ตราบใดที่เจ้าให้ความร่วมมืออย่างดี เมื่อถึงเวลาข้าก็จะมอบรางวัลให้เจ้าด้วย”

………………………………………