ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 168 ความยืนหยัดที่ไม่มีคนเข้าใจ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

นอกจากเซียวเซิงและเฉาหยวนหลงแล้ว คนอื่นๆ อีกสองคนซึ่งเป็นรุ่งอรุณทั้งสี่แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้อยู่เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว

ถังหย่งฮ่าว ‘กระบี่แสงสว่าง’ ที่ถูกยกย่องว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งรุ่นเยาว์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

หวงเจี๋ย ‘คุณชายจรัสแสง’ บุตรของเหยียนซวี่ เจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รุ่นปัจจุบัน หลานของหวงกวงเลี่ย จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือน ถูกขนานนามว่าสี่คุณชายแห่งยุคเช่นเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอ

สี่คุณชายแห่งยุคที่ได้รับการสรรเสริญจากการประชุมฝ่านภาคราก่อน นอกจากหลินโจวคุณชายฟ้าคำรนแล้ว อีกสามคนก็มารวมตัวกันอีกครั้ง

หลังจากสายตาเยี่ยนจ้าวเกอหยุดอยู่บนร่างของถังหย่งฮ่าวครู่หนึ่งแล้ว เขาก็มองไปยังหวงเจี๋ย

ไม่ว่าจะเป็นสี่คุณชายแห่งยุค หรือว่ารุ่งอรุณทั้งสี่ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เอง หวงเจี๋ยล้วนเป็นคนหนึ่งที่ทำตัวถ่อมตนมากที่สุดแล้ว

ถึงขั้นที่ในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเอง นอกจากการประชุมฝ่านภาครั้งนั้นแล้ว หวงเจี๋ยปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าผู้คนในโลกหล้าน้อยนัก

เขาในขณะนี้ยืนอยู่ข้างกายถังหย่งฮ่าว ก็เหมือนกับเงามืดใต้แสงอาทิตย์ เงียบสงัดอีกทั้งสงบนิ่ง ไม่ดึงดูดความสนใจแม้แต่นิดเดียว

สวีเฟยและซ่งเฉามองถังหย่งฮ่าว ต่างก็ผงกศีรษะ “ศิษย์พี่ถัง ไม่พบกันนาน”

บนเขตแดนอัคคีพิภพซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักศักดิ์สุริยันอันเลื่องชื่อ ถังหย่งฮ่าวคือบุคคลอันดับหนึ่งของศิษย์รุ่นเยาว์ในปัจจุบัน

เขาผู้ซึ่งอยู่ในขั้นฝ่านภา ยิ่งถูกผู้คนมากมายยกย่องว่าเป็นจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้

ทว่าชื่อเสียงนี้ ครั้นออกจากอัคคีพิภพแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นภาพิภพและวารีพิภพ จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกตแต่ไหนแต่ไรล้วนไม่ยอมรับ

ทว่าหากพูดว่าถังหย่งฮ่าวเป็นหนึ่งในยอดฝีมือหัวกะทิในบรรดารุ่นเยาว์คนหนึ่ง เช่นนั้น โดยส่วนมากก็เป็นที่ยอมรับทั่วหล้า ต่อให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับเขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกต ทว่าพวกเขาก็ยอมรับในจุดนี้เช่นกัน

ถังหย่งฮ่าวขึ้นมาบนเกาะลอยแล้ว เขาคารวะตอบสวีเฟยและคนอื่นๆ “ศิษย์พี่สวี ศิษย์พี่ซ่ง พวกท่านสบายหรือไม่ ไม่พบกันเสียนานเลยจริงๆ”

สายตาของเขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “ศิษย์น้องเยี่ยน ไม่พบกันนาน”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ “ศิษย์พี่ถังนั้นยากจะออกจากสำนัก”

“ขั้นเคียงนภาทะลุถึงระดับมหาปรมาจารย์ ก็ไม่ใช่ว่ากักตนเข้าฌานบำเพ็ญเพียรอย่างเดียวก็สามารถทำได้ ยังคงต้องสั่งสมฝึกประสบการณ์ แล้วจึงมุ่งบำเพ็ญเพื่อตกตะกอน” ถังหย่งฮ่าวกล่าว

ศิษย์ที่ค่อนข้างเยาว์วัยเช่นซือคงจิงและหลี่จิ้งหว่าน ขณะนี้ล้วนสนใจถังหย่งฮ่าวและเยี่ยนจ้าวเกอที่ยืนประจัญหน้ากันอยู่

หลายปีมานี้ ผลการต่อสู้เยี่ยนจ้าวเกอเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วหล้า อันได้แก่

อาศัยพลังฝึกปรือขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง รบชนะเซียวเซิงที่อยู่ในขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายอย่างต่อเนื่อง

อาศัยพลังฝึกปรือขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย รบชนะจี้ฮั่นหรูที่อยู่ในขั้นเคียงนภาระยะต้น

อาศัยพลังฝึกปรือขั้นเคียงนภาระยะต้น รบชนะหลินโจวที่อยู่ในขั้นเคียงนภาระยะกลาง

และอาศัยพลังฝึกปรือขั้นเคียงนภาระยะต้น รบชนะหลิวเซิ่งเฟิงที่อยู่ในขั้นเคียงนภาระยะท้าย

ผลงานในทุกครั้งของเขาล้วนทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึง นามกรขจรทั่วทั้งแปดทิศ ไม่เพียงแต่เป็นการรบข้ามชั้นเท่านั้น ยังรบไร้พ่ายอีกด้วย

กล่าวอย่างเที่ยงตรงยุติธรรมแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาไร้พรมแดนช่วยป่าวประกาศ เยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นจุดสนใจในการประชุมฝ่านภาครั้งนี้อยู่แล้ว

ต่อให้ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า แล้วสะบัดกายกลับเขากว่างเฉิงโดยไม่สนใจสิ่งใด ก็ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถประณามเขาได้

ถึงกระนั้น ระยะทางสู่ขั้นเคียงนภาของเขา ระยะห่างในด้านระดับขั้นก็ยังใหญ่หลวงอยู่บ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของคนเปรียบเหมือนร่มเงาของต้นไม้ ถังหย่งฮ่าวสร้างชื่อมานานแรมปี ในบรรดาจอมยุทธ์ขั้นฝ่านภาจึงเป็นผู้ที่อยู่บนยอดสูงสุด

โดยทั่วไปแล้ว พลังฝึกปรือและอายุของถังหย่งฮ่าวในตอนนี้ แท้จริงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประชุมฝ่านภาแล้ว

พลังความสามารถของเขา พรสวรรค์ของเขา ทั่วหล้าล้วนรับรู้มานาน

และยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการบรรลุสู่ระดับมหาปรมาจารย์

ทว่าครั้งนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังคงส่งถังหย่งฮ่าวออกจากสำนัก เหตุผลอย่างน้อยๆ ครึ่งหนึ่งอยู่ที่เยี่ยนจ้าวเกอ

สงครามถังตะวันออกครั้งก่อน การต่อสู้แย่งชิงหยกหิ่งห้อยสายฟ้าของตำหนักอัสนีสวรรค์และเขาไร้พรมแดน ทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกฉีกหน้า

ส่วนระดับรุ่นเยาว์ เซียวเซิงและเฉาหยวนหลงพ่ายแพ้ยับเยินด้วยน้ำมือเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่อง

การแข่งขันในสถานการณ์โดยดึงเอาผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเป็นพรวน ระดับชั้นศิษย์รุ่นเยาว์ ก็ประจวบเหมาะในการสนามหวนคืนในการประชุมฝ่านภาครั้งนี้

เพียงแต่ถังหย่งฮ่าวกลับไม่ได้มีเจตนาที่จะลงมือกับเยี่ยนจ้าวเกอ เขากล่าวว่า “การพัฒนาขึ้นของศิษย์น้องเยี่ยนช่างน่าตื่นตะลึงจริงๆ ภายในเวลาสั้นๆ ก็เลื่อนจากขั้นจิตราชั้นในไปถึงขั้นเคียงนภาได้ ข้าเห็นแล้วรู้สึกอับอายเสียจริงๆ ข้าหวังว่าเมื่อพลังฝึกปรือของพวกเราเท่าเทียมกัน คงจะได้ประลองฝีมือแลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้าสักครั้ง แม้ว่าข้าอาจจะมีส่วนที่สู้ไม่ได้ แต่คิดๆ ดูแล้วว่าหากสุดท้ายข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว ก็ยังได้รับประสบการณ์ในด้านวิถีแห่งวิชาวรยุทธ์เองครั้งหนึ่งเช่นกัน”

ซือคงจิง หลี่จิ้งหว่าน จางเหยา และคนอื่นๆ ได้ยินคำกล่าวของเขา ต่างก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่ติดตามถังหย่งฮ่าวมา ต่างก็มีสีหน้าหมองมัวอยู่เล็กน้อย รู้สึกน่าเสียดาย “ท้ายที่สุดศิษย์พี่ถังก็ยังคงยึดความปรารถนาของตนเองอยู่ดี”

ตรงกันข้ามกับสวีเฟย ซ่งเฉา เซี่ยโยวฉาน และคนอื่นๆ ที่สีหน้าอารมณ์เช่นปรกติ

อาหู่ไม่เข้าร่วมการประชุม กระนั้นระดับพลังฝึกปรือและอายุของเขา แท้จริงแล้วใกล้เคียงกับสวีเฟยและคนอื่นๆ ดังนั้นจึงได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ ติดตามเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นมาบนเกาะลอยพร้อมกัน

เขายิ้มกว้าง ส่งกระแสจิตให้แก่เยี่ยนจ้าวเกออย่างลับๆ ‘คุณชายขอรับ ถังหย่งฮ่าวพูดจาตรงไปตรงมา เรียกว่าคร่ำครึเกินไปก็ได้กระมัง’

เยี่ยนจ้าวเกอตอบกลับอย่างสงบนิ่งว่า ‘คนบางคนมักจะมีการยืนหยัดบางอย่าง ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ผู้คนไม่เข้าใจ หรือไม่ก็ถูกมองว่าโง่เขลาและคร่ำครึ ในสายตาของทุกคนตอนนี้ ไม่อาจใช้ระดับพลังฝึกปรือและอายุบนความหมายเดิมทั่วไป มาพิจารณาพลังความสามารถของข้าได้แล้ว’

‘ต่อให้ถังหย่งฮ่าวลงมือ ก็จะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ารังแกผู้ที่อ่อนด้อยกว่า หรือได้ชัยชนะมาไม่ถูกต้องและไม่สมศักดิ์ศรี สิ่งที่คนส่วนมากกล่าวมากที่สุดก็คือเขามีความมั่นใจไม่มากพอ ความสามารถหายไปทั้งหมดจนเหมือนเช่นคนปกติ ปล่อยปละตัวตนของตนเอง ความคิดเห็นเหมือนเช่นคนธรรมดาส่วนมาก ยามนี้ไม่ลงมือ เหมือนเช่นเจ้ากล่าว กลับจะมีคนจำนวนมากคิดว่านี่คือความโง่เขลาคร่ำครึ หรือไม่ก็อวดดีด้วยซ้ำไป’

ชายหนุ่มมองไปยังถังหย่งฮ่าว ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยเมย ‘แต่ตัวเขาเองนั่นแหละที่ชัดเจนมากที่สุด ว่าผลสุดท้ายที่ตนแสวงหาคืออะไร สิ่งและที่ต้องยืดหยัดคืออะไรอีกเช่นกัน สำหรับบางคนแล้ว ไม่ละอายใจหากต้องตรวจสอบตนเองถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่พวกเขากลัวไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังของผู้อื่น แต่เป็นจิตวิญญาณของตนเองปรากฏความคลุมเครือ’

‘อีกมุมมองหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเขาหยิ่งทระนง หรือไม่ก็พึงพอใจในตนเอง แต่ในความคิดส่วนตัวข้า ผู้ที่สามารถยืนหยัดความเชื่อของตน และดำเนินไปจนสุดตามความเป็นจริง จะมากหรือจะน้อยล้วนควรค่าแก่การเคารพ’

อาหู่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง ‘เช่นนั้นเขาจะถ่ายทอดช่วงต่อกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร’

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็พบว่าถังหย่งฮ่าวหันไปมองสวีเฟย “ศิษย์พี่สวี ท่านกับข้าอายุเท่ากัน ต่างก็อยู่ในขั้นฝ่านภาเช่นกัน เช่นนั้นโปรดชี้แนะข้าด้วย”

สวีเฟยยิ้มสง่า “แน่นอนว่าได้”

ซ่งเฉาที่อยู่ด้านข้างพลันกล่าว “ศิษย์พี่สวีได้โปรดอ่อนข้อให้ข้าด้วย ในการประชุมฝ่านภาเมื่อสามปีก่อน ประลองฝีมือกับศิษย์พี่ถัง ข้าแซ่ซ่งประลองพ่าย จึงหวังมาโดยตลอดว่าจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กับศิษย์พี่ถังอีกครั้งหนึ่ง”

เมื่อได้ยินดังนั้น สวีเฟยไจึงกล่าว “นั่นไม่ดีต่อศิษย์พี่ถังนัก ข้าไม่มีแผนจะประลองเวียน”

สีหน้าถังหย่งฮ่าวเหมือนเช่นปกติ “ข้าไม่ได้ดูแคลนศิษย์พี่ซ่งแต่อย่างใด แต่จะยอมให้ข้าประลองกับศิษย์พี่สวีก่อนได้หรือไม่ เพราะเรื่องราวอยู่เหนือความมีเกียรติและเสื่อมเกียรติของข้าเพียงคนเดียว”

สีหน้าซ่งเฉาสงบนิ่ง “ข้าเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะประลองเวียน และไม่คิดจะแย่งความดีของผู้อื่น ก้าวก่ายการประลองของพวกเจ้าทั้งสองเช่นกัน”

“หนึ่งกระบวนท่า ท่านกับข้าตัดสินกันด้วยหนึ่งกระบวนท่า เป็นอย่างไร”

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ด้านหลังถังหย่งฮ่าวคนหนึ่งกระซิบกระซาบว่า “คงจะไม่ใช่วารีเทียมฟ้าหรอกกระมัง นั่นอย่างไรก็ยังคงเป็นหนึ่งกระบวนท่าจริงๆ”

วารีเทียมฟ้า วิชาลับของเมืองทะเลมรกต มันจะรวมพลังทั่วกายระเบิดออกไปในครั้งเดียว ความเสียหายใหญ่หลวง ทว่าอานุภาพก็เกรียงไกรเช่นเดียวกัน เป็นกลอุบายสู้สุดชีวิตของจอมยุทธ์เมืองทะเลมรกต

ครั้นได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของอีกฝ่าย เยี่ยฉงโจวและหลี่จิ้งหว่านต่างก็เผยสีหน้าโกรธเคืองออกมา

ซ่งเฉายังคงมีท่าทางอ่อนโยนไม่ยินดียินร้าย และก็ไม่แก้ต่างเช่นกัน เพียงแต่มองถังหย่งฮ่าวอย่างนิ่งสงบเท่านั้น

“ได้ กระบวนท่าเดียว” หลังจากถังหย่งฮ่าวไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วเขา ก็หันศีรษะกลับไปทางสวีเฟยกล่าวด้วยความรู้สึกผิดว่า “ศิษย์พี่สวีโปรดอภัย”

………………..