บทที่ 341 องค์ชาย

คู่ชะตาบันดาลรัก

เผ่าหมาป่าหิมะ…

หมิงเวยประหลาดใจเล็กน้อยพวกเขามาจากเผ่าหมาป่าหิมะหรอกหรือ

หูเหรินทั้งแปดทิศเผ่าหมาป่าหิมะอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของทะเล ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ไม่ดีจึงกลายเป็นจุดเสียเปรียบ แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นเผ่าอันดับหนึ่ง!

พวกเขาเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์เว่ยตะวันตกที่ทรงพลัง และหลังจากนั้นไม่กี่ทศวรรษพวกเขาก็ผนวกแคว้นฉีและแคว้นฉู่เข้าด้วยกัน

หมิงเวยสูดหายใจเข้าลึกๆ เช่นนั้นองค์ชายน่าซูผู้นี้จะเป็นฮ่องเต้น่าซูแห่งราชวงศ์เว่ยตะวันตกในอนาคต ชื่อชาวหูเหรินซ้ำกันมากมายนางจะคิดได้อย่างไรว่าเด็กหนุ่มนามน่าซูที่นางได้พบจะเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เว่ยตะวันตกจริงๆ

หากเป็นเขาในประวัติศาสตร์บอกชัดเจนว่าเขาเชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรมของจงหยวน มีความเฉลียวฉลาด…

อาเก๋อเรียกบ่าวรับใช้ให้จัดที่พักให้กองคาราวาน

น่าซูกำชับพวกเขา “อย่าออกไปเดินเพ่นพ่านรอบๆ ล่ะ ในอาณาเขตเขาเทียนเสินไม่สามารถหันกระบี่ใส่คนในเผ่ากันเองได้แต่ไม่เคร่งครัดกับคนต่างถิ่น หากมีคนมาหาเรื่องพวกเจ้า ถึงแม้จะฆ่าพวกเจ้าข้าเองก็ไม่สามารถมาช่วยได้ทันเวลา”

โหวเหลียงตอบอย่างเคร่งขรึม “องค์ชายโปรดวางใจหากไม่ได้รับการอนุญาตจากท่านพวกเราจะระวังตัวไว้”

น่าซูหัวเราะ “ข้าชอบที่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายนะ”

เวลาผ่านไปหนึ่งเค่อ น่าซูเข้าไปในจวนแห่งหนึ่ง ชาวหูเหรินไม่คุ้นเคยกับที่อยู่อาศัยถาวร ที่อยู่อาศัยในเมืองหยุนไฉส่วนใหญ่จึงใช้เพียงเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น

แต่จวนแห่งนี้ไม่เหมือนกัน

เมื่อเดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาก็จะเจอกำแพงผนังกั้นตามด้วยห้องโถงส่วนท้ายจวนเป็นสนามฝึกซ้อมดูจากของตกแต่งแล้วผู้ที่ไม่รู้คงคิดว่าอยู่ในจงหยวนเป็นแน่

ในสนามฝึกซ้อมมีคนกำลังยิงธนูอยู่ ในระยะร้อยก้าวลูกศรไม่มีการยิงที่ผิดพลาดเขายิงโดนเป้าทุกครั้ง

“พี่เจ็ด!” น่าซูตะโกนด้วยความดีใจ

ชายหนุ่มที่กำลังยิงธนูทำเป็นไม่ได้ยินเขาดึงคันธนูอย่างมั่นคง เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้นหลายรอบลูกธนูพุ่งเข้าปักที่เป้าสีแดงตรงกลางทั้งหมด

หลังยิงธนูเสร็จเขาก็ส่งคันธนูให้บ่าวรับใช้จากนั้นก็หยิบผ้าขึ้นมาซับเหงื่อตนเองถึงได้เห็นว่าน่าซูเดินเร็วมาทางนี้ “น่าเจียไม่พบเจ้าข้านึกว่าเจ้าตายแล้วเสียอีก”

น่าซูรู้สึกไม่ยินดี “เหตุใดพี่เจ็ดพูดเช่นนั้นข้าจะตายง่ายๆ ได้อย่างไรเล่า”

ชายหนุ่มหัวเราะพลางตบไหล่เขาแล้วสวมกอด “เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว” หากหมิงเวยอยู่ที่นี่นางต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของชายหนุ่มผู้นี้เป็นแน่

น่าซูเรียกเขาว่าพี่เจ็ด แต่ทั้งสองพี่น้องดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

น่าซูมีรูปลักษณ์ตามฉบับของคนหูเหริน ผิวแทนคิ้วดก ดูห้าวหาญ ส่วนชายหนุ่มอีกคนนั้นมีดวงตาเรียวยาวซึ่งเหมือนกับคนจงหยวนมากกว่าหากเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเดินในหยุนจิงก็ไม่มีผู้ใดสงสัยว่าเขาเป็นชาวหูเหริน

ชายหนุ่มโบกมือให้บ่าวรับใช้ถอยออกไปแล้วถามว่า “ได้ยินว่าเจ้าพากองคาราวานกลับมาด้วยเกิดอะไรขึ้น”

น่าซูพูด “เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ตอนที่ข้ากำลังรอน่าเจียมีสตรีจงหยวนสองนางพบเครื่องหมายที่ข้าทิ้งไว้แล้วพวกนางก็ช่วยข้าออกมา”

ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลง “สตรีจากจงหยวนงั้นหรือ”

“อืม..แม่นางหมิงเป็นเสวียนชื่อส่วนอีกคนเป็นสาวใช้ พี่เจ็ด…ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกนางเก่งกาจเพียงใด สาวใช้คนนั้นทำให้โซ่หนาขาดได้ด้วยการกระชากไม่กี่ครั้ง” น่าซูทำท่าทางประกอบ

“ดังนั้นเจ้าเลยพาพวกนางมาที่นี่งั้นหรือ”

“ใช่” น่าซูตอบเสียงเบา “ข้าไม่ได้นำของสิ่งนั้นกลับมากังวลว่าจะต่อกรกับพระอาจารย์ช่างจื้อไม่ได้พี่เจ็ดเคยบอกไม่ใช่หรือว่าเสวียนชื่อจากจงหยวนแข็งแกร่งมาก หากยืมพลังของพวกนาง…แล้วอีกอย่างพอนางเข้าเมืองมาก็ถูกพระอาจารย์ช่างจื้อเพ่งเล็งจนเกิดการประมือกันดูเหมือนว่าเหล่าเทพกำลังช่วยพวกเรา”

ชายหนุ่มเงียบไม่พูดอะไร “พี่เจ็ดท่านคงจะบอกว่าข้าทำตามอำเภอใจมากไปใช่หรือไม่” น่าซูมองเขาอย่างกังวล

“เหตุใดถึงคิดเช่นนั้นเจ้าทำได้ดีมาก” ชายหนุ่มตบไหล่เขา

น่าซูยิ้มจนเห็นฟัน “ฮ่าๆ ข้ารู้ว่าการตัดสินใจของข้าจะไม่ผิดพลาด”

ชายหนุ่มกระซิบ “ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มจะต้องมีคนที่ต่อกรกับช่างจื้อได้ น่าซู เจ้าบอกมาว่าพวกเขาเป็นอย่างไรโดยเฉพาะแม่นางหมิง”

……………

หมิงเวยเพิ่งชำระล้างฝุ่นบนร่างกายเสร็จโหวเหลียงก็มาเคาะประตู

“แม่นางหมิง”

หมิงเวยบิดผมที่เปียกชื้นแล้วตอบกลับไป “เข้ามา”

โหวเหลียงเข้าไปด้านในเขาโค้งคำนับนางจากนั้นก็นั่งลงแล้วรายงานว่า

“น่าซูเป็นองค์ชายจากเผ่าหมาป่าหิมะจริงๆ ขอรับ แต่มารดาของเขาเสียชีวิตไปนานแล้ว หัวหน้าเผ่าหมาป่าหิมะมีบุตรชายหลายพระองค์จึงจำเขาไม่ค่อยได้ แต่เขาเป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ดีมากไม่วางมาดตนเองเป็นองค์ชาย บ่าวรับใช้ที่เขาส่งมาต่างบอกว่าองค์ชายน่าซูเป็นคนดี”

หมิงเวยหัวเราะเบาๆ “คนดีงั้นหรือ”

ดูเหมือนว่าฮ่องเต้น่าซูที่นำทหาร และม้าของเว่ยตะวันตกไปทางใต้เพื่อกวาดล้างเมืองนั้นเป็นเรื่องโกหก

เรื่องที่ทั้งสองแคว้นต่อสู้กันนั้นหมิงเวยไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับบุคลิกลักษณะใดๆ การสังหารหมู่เป็นวิธีการหนึ่งในสงคราม ไม่ต้องพูดถึงบุคลิกลักษณะ แต่วีรบุรุษแห่งเว่ยตะวันตกผู้บัญชาการขุนนางชั้นสูงมากมายจะเป็นคนดีที่บริสุทธิ์เช่นนั้นได้อย่างไร เด็กหนุ่มคนนั้นยังไม่เติบโตเต็มวัยหรือว่าเก่งในเรื่องซ่อนตัวตนกันแน่

“อาเก๋อผู้นั้นล่ะเป็นคนอย่างไร นายของเขาเป็นผู้ใดกัน”

“อาเก๋อเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายเจ็ดซูถูขอรับ” โหวเหลียงตอบ “น่าซูมีความสัมพันธ์อันสงบสุขกับพี่น้องคนอื่นๆ แต่มีความสัมพันธ์อันดีมากกับซูถู พวกเขาสองคนเสียมารดาตั้งแต่ยังเล็ก และเติบโตมาด้วยกัน บ่าวรับใช้พวกนั้นบอกว่าน่าซูชื่นชมพี่เจ็ดของเขามาก นอกจากเจ้าเมืองเผ่าหมาป่าหิมะแล้วก็มีซูถูที่เขาเชื่อฟัง”

หมิงเวยพยักหน้า นางได้ยินการสนทนาระหว่างน่าซูกับอาเก๋อหมายความว่าน่าซูในฐานะองค์ชายไปที่เมืองแปลกบนเส้นทางเก่าในเขาเหยียนซานตัวคนเดียวเพราะซูถูงั้นหรือ

น่าแปลกในเมืองเล็กๆ มีอะไรที่องค์ชายจากเผ่าหมาป่าหิมะต้องเป็นกังวลกัน ถ้านางจำไม่ผิดซูถูในตอนนี้ก็มีอำนาจมากพออยู่ในมืออยู่แล้ว

โหวเหลียงพูดต่อว่า “แม่นางหมิงองค์ชายเจ็ดซูถูผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย ท่านเองก็ทราบดีว่าเจ้าเมืองเผ่าหมาป่าหิมะมีสายเลือดจงหยวนอยู่ครึ่งหนึ่ง”

หมิงเวยพยักหน้า “ช่วงปลายราชวงศ์ก่อนทั้งแปดเผ่านำโดยเผ่าอินทรี เพื่อความมั่นคงของทางเหนือเยี่ยนโม่ตี้จึงส่งบุตรสาวให้แต่งงานกับหัวหน้าเผ่าอินทรี หลังจากนั้นจงหยวนเกิดความวุ่นวายเผ่าอินทรีเกิดการต่อสู้กันภายใน องค์หญิงราชวงศ์ก่อนแต่งงานใหม่หลายครั้งระหว่างการหลบหนี และต่อมาได้ให้กำเนิดหัวหน้าเผ่าหมาป่าหิมะคนปัจจุบัน”

“ใช่ขอรับ แต่องค์ชายเจ็ดซูถู มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นทาสหญิงจากจงหยวน ดังนั้นเขาจึงมีสายเลือดจงหยวนซะส่วนใหญ่รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ต่างจากคนจงหยวนเลย ด้วยเหตุนี้แม้ว่าเขาจะเป็นองค์ชาย แต่เขาก็ถูกมองว่าเป็นคนนอกเผ่ามาตั้งแต่เด็ก เจ้าเมืองเผ่าหมาป่าหิมะไม่โปรดสายเลือดจงหยวนของตนเอง เขาจึงไม่โปรดปรานบุตรชายคนนี้เท่าไรนัก บุตรชายที่เขาโปรดปรานมากที่สุดคือบุตรชายคนโตอูต๋า แต่อูต๋าเสียชีวิตกะทันหันเมื่อไม่กี่ปีก่อน หลังจากนั้นซูถูจึงเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หน้าที่สำคัญของเผ่าหมาป่าหิมะในตอนนี้เกือบทั้งหมดซูถูเป็นผู้ตัดสินใจ”

หมิงเวยไม่แปลกใจ “เจ้าเมืองเผ่าหมาป่าหิมะถูกโค่นล้มแล้ว”

โหวเหลียงไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมั่นใจนัก แต่เขาก็อนุมานได้ว่า “องค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปรานมาได้ไกลเพียงนี้เขาต้องมีแผนการแน่”

แน่นอนว่าหมิงเวยรู้ เขาคือวีรบุรุษแห่งเว่ยตะวันตกในอนาคต

เรื่องของเผ่าหมาป่าหิมะไม่อาจหันหลังกลับได้นางที่รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์จึงรู้ดีว่าพิธีกรรมเทียนเสินครั้งนี้เป็นโอกาสสำหรับเผ่าหมาป่าหิมะที่จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าของเผ่าทั้งแปดซึ่งหมายความว่าพลังของซูถูได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

พูดถึงเรื่องนี้นางจึงถามไปว่า “พิธีกรรมเทียนเสินครั้งนี้มีอะไรที่พิเศษหรือไม่”

โหวเหลียงรีบตอบว่า “แน่นอนขอรับ ข้าน้อยรู้มาว่าเผ่าที่มีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้คือเผ่าฉีหู พวกเขารอไม่ไหวแล้ว และวางแผนที่จะใช้พิธีกรรมเทียนเสินครั้งนี้ขึ้นเป็นหัวหน้าของเผ่าทั้งแปด”

หมิงเวยหัวเราะ “แม้แต่ข่าวเช่นนี้เจ้ายังสืบมาได้ดูเหมือนว่าความคิดของเผ่าฉีหู ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว”

“ขอรับ หูเซิงที่ลงมือกับท่านก่อนหน้านี้เป็นพระอาจารย์ช่างจื้อของเผ่าฉีหูและเป็นพระที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่หูเหรินด้วยเป็นไปได้มากที่เผ่าฉีหูจะใช้นามของพิธีกรรมเทียนเสิน และชื่อของพระอาจารย์ช่างจื้อพิชิตเผ่าทั้งเจ็ด”

โหวเหลียงคิดแล้วพูดเสริมว่า “เรื่องนี้อีกเจ็ดเผ่าคงทราบกันดีอยู่แล้วเพราะฉะนั้นจึงหวังว่าพระจากเผ่าของตนจะสามารถต่อกรกับพระอาจารย์ช่างจื้อได้เพื่อทำลายความตั้งใจของเผ่าฉีหู”

หมิงเวยครุ่นคิด และไม่พูดอะไร หูเหรินมีความเชื่อลึกซึ้งว่าหากเจตจำนงของเหล่าทวยเทพปรากฏขึ้นรวมกับการปราบปรามความแข็งแกร่งก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งแปดเผ่าจะมีความสามัคคีกัน อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์ที่นางจำได้ เผ่าหมาป่าหิมะประสบความสำเร็จในที่สุด

องค์ชายเจ็ดซูถูใช้วิธีใดบิดกลับฟ้าดิน[1]กัน ถ้าเป็นเช่นนั้นนางไม่ต้องช่วยพระอาจารย์ช่างจื้อหรอกหรือ

……………

[1] บิดกลับผ้าดิน : การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์แบบกลับร้ายเป็นดี