บทที่ 1249 – สำเร็จ พลังที่น่ากลัว ความสามารถในการพัวพันที่ทรงพลัง

 

ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขา มันย่อมเป็นประโยชน์ต่อเขายิ่งนักในการซึมซับพลังที่เข้ามา

 

แต่ไม่นานนักเขาก็ตระหนักได้ว่าการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขาเริ่มชะลอตัวลงและหยุดไป มันยังช่วยเพิ่มพลังให้แก่เขาได้เล็กน้อย นี่ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างยิ่งเพราะว่าในตอนนี้เขาสามารถใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 เป็นจำนวน 10 เม็ดตามลำดับ

 

เพียงแต่ว่าเขาสามารถใช้ได้เพียง 1 เม็ดต่อปี แต่ในกรณีนี้เขาจะต้องรอเวลาเพียง 3 วันจึงจะสามารถกินมันได้ใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจพลังที่ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 หรือยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 เพิ่มขึ้นให้แก่เขา เขาสนใจเรื่องจำนวนพลังที่เพิ่มขึ้นที่ร่างกายของเขาสามารถรับได้มากกว่า

 

มันยังสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในร่างกายของเขาได้

 

“เข็มทองคำ 9 หยาง!”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาทำให้คนอื่นๆได้รับประสบการณ์เช่นนี้แต่เขาก็ไม่เคยทำมันกับตัวเองมาก่อน แต่เขาเป็นคนที่ต้องการมันมากที่สุดในขณะนี้ เมื่อชิงสุ่ยคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เริ่มลงมือทันที มันย่อมเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาในการปักเข็มพวกนี้ใส่ร่างกายของตนเอง

 

เขาสามารถควบคุมตำแหน่งของการปักเข็มนี้ได้อย่างแม่นยำด้วยพลังวิญญาณ ด้วยวิธีนี้ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าตัวเขาช่างอัจฉริยะยิ่งนัก การฝังเข็มครั้งนี้ช่วยเพิ่มพลังให้แก่เขาอย่างเห็นได้ชัดยิ่งกว่าที่ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 ได้เพิ่มขึ้นให้

 

ขณะที่เขาสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกว่าเขาสามารถปรับปรุงพลังของตนเองได้ในตอนนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยเขายังคงตัดสินใจที่จะรออีกหนึ่งเดือนเพื่อปรับปรุงมันหลังจากที่เขาได้กินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง

 

เมื่อเวลาผ่านไปอีกประมาณ 1 เดือน ชิงสุ่ยเชื่อว่าตำแหน่งของเขาภายในสำนักสวรรค์เร้นลับจะมั่นคงมากยิ่งขึ้น อาจารย์ใหญ่อาจจะมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ของเขาได้ แม้ว่าเขาจะไม่อาจยกระดับได้ในทันที แต่เขาก็จะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมในตอนนี้

 

เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถออกจากที่นี่ไปได้ สำนักสวรรค์เร้นลับย่อมช่วยดูแลพาไลหิมะหวนและสหายของเขา

 

เมื่อชิงสุ่ยได้วางแผนไปแล้วเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาวางแผนที่จะช่วยเหลือองค์หญิงใหญ่และคนอื่นๆ ในตอนที่พลังขององค์หญิงใหญ่นั้นยังถือว่าค่อนข้างทรงพลัง เขาจึงได้ช่วยเหลือนางมากมายในการยกระดับศักยภาพที่ซ่อนเร้นของนาง สำหรับคนที่มีอายุเพียงเท่านี้ นางนั้นถือเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เขาเชื่อว่าเหล่าผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์เร้นลับนั้นย่อมไม่สร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่นาง

 

……

 

เช่นเดียวกันนี้ นอกจากแนะนำพวกเขาผ่านการฝึกฝนแล้วชิงสุ่ยยังตรวจสอบพื้นที่โดยรอบของสำนักสวรรค์เร้นลับ เขานึกถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าผู้ที่ทรงพลังที่สุดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกนั้นมีพลังประมาณ 8,000 สุริยา เช่นนั้นก็มีโอกาสมากที่สำนักสวรรค์เร้นลับจะมีพลังเช่นเดียวกันนี้หรือมากกว่าได้

 

สำนักสวรรค์เร้นลับนั้นเทียบได้กับจักรวรรดิระดับที่ 2 ในด้านของความแข็งแกร่ง นี่หมายความว่าพลังของพวกเขาส่วนใหญ่นั้นมีค่าเท่ากับคนอื่นๆ มิฉะนั้นระดับพลังของมันย่อมไม่สมดุลกัน ชิงสุ่ยนั้นตระหนักดีว่าทุกๆคนต่างต้องการครอบครองมหาทวีปนี้แต่ยังไม่มีใครที่ทรงพลังจนสามารถทำเช่นนั้นได้

 

ชิงสุ่ยรู้สึกห่างไกลจากพลัง 8,000 สุริยายิ่งนักเมื่อเขาได้คิดถึงมัน พลัง 8,000 สุริยานั้นจะสามารถเข้าสู่ระดับพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจได้หรือไม่?

 

ระดับพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจมันเป็นเหมือนเทพเจ้าในโลกใบนี้ พลังที่ได้ครอบครองนั้นจะน่ากลัวอย่างยิ่งและมันยากยิ่งนักที่จะยกระดับเข้าสู่ระดับนี้ได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่รู้ว่ามหาทวีปอู่เซียตะวันตกนั้นมีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจหรือไม่

 

ดินแดนที่อยู่ภายในระยะพันลี้ของสำนักสวรรค์เร้นลับต่างเป็นอาณาเขตของสำนักนี้ เทือกเขาที่อยู่ใกล้ๆนั้นมีความสูงที่แตกต่างกันและทอดตัวยาวออกไปหลายพันลี้ ในยามเช้าเมื่อใดก็ตามที่ชิงสุ่ยนั้นว่าง เขาก็จะเดินทางไปรอบรอบที่แห่งนี้เพื่อมองดูวิวทิวทัศน์ต่างๆ

 

ที่นี่มีทางทะเลสาบ ลำธาร แม่น้ำ ป่าไม้ รวมไปถึงภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ ดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆมากมาย ไม่ไกลจากที่นี่จะเป็นหนทางที่จะนำพาไปสู่ดินแดนเทือกเขาสันโดษ การเข้าไปภายในดินแดนแห่งนั้นถือว่าเสี่ยงยิ่งนัก มีคำว่าเล่าลือกันว่าใครก็ตามที่ผ่านดินแดนนั้นไปได้จะสามารถไปสู่ทั้ง 5 มหาทวีปได้ นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวที่ว่าสถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อกับอีก 3 มหาทวีปที่เหลือ

 

นอกจากนี้ยังมีวิธีเฉพาะในการเดินทางไปยังมหาทวีปมังกรอหังกาล มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ รวมไปถึงมหาทวีปอุดรเทวา เมื่อจะทำเช่นนั้นเขาจะต้องเดินผ่านดินแดนที่แข็งแกร่งอย่างสุดขั้ว มหาทวีปอู่เซียตะวันตกนั้นเป็นเหมือนจุดตัดระหว่างทั้ง 5 มหาทวีปกับอีก 3 มหาทวีปที่เหลือ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มาถึงมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเมื่อผ่านรูปแบบผสานบรรพกาลมา

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าหากเขามีโอกาสเขาจะหาทางที่จะไปยังอีก 3 มหาทวีปที่เหลือ

 

เพียงพริบตาเวลากว่า 1 เดือนก็ได้ผ่านไป ภายใน 1 เดือนนี้ชิงสุ่ยและคนอื่นๆแทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก พวกเขาทุกๆคนต่างฝึกฝนเพื่อความก้าวหน้าทั้งนั้น

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นมาก นี่เพราะว่าเขารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะสามารถปรับปรุงพลังออกตัวเองได้ เมื่อเขาปรับปรุงมันได้ไม่ต้องเป็นประโยชน์มหาศาลตลับตัวเขาเอง

 

ชิงสุ่ยยังได้ช่วยเหลือเหยียน จินยวี้ องค์หญิงเจ็ด รวมไปถึงชิงซาด้วยการฝังเข็ม แต่เขาควบคุมเข็มทองคำให้ลอยไปบนอากาศด้วยพลังวิญญาณของเขา ของไม่ได้สัมผัสพวกนางเลยตั้งแต่ต้นจนจบ นี่ทำให้องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ด้วยต้องจ้องมองมาที่เขา

 

ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาขององค์หญิงใหญ่เขาก็ทำได้เพียงยิ้มขณะที่ตอบกลับว่า “ข้าได้พัฒนาฝีมือขึ้นแล้ว ก็ไม่อาจทำได้ก่อนหน้านี้”

 

แน่นอนว่าองค์หญิงใหญ่ย่อมไม่เชื่อเขา

 

แม้แต่องค์หญิงใหญ่เองก็ตกตะลึงไปกับการเปลี่ยนแปลงของตนเองในตอนนั้น นางสังเกตเห็นว่านางไม่ได้รู้สึกรังเกียจชายผู้นี้เลย จนนางไม่รู้สึกโกรธเมื่อเขาฉวยโอกาสกับนาง นางไม่รู้ว่าความรู้สึกที่นางมีต่อเขานั้นคืออะไร มันถือเป็นความสนิทมากขึ้นหรือไม่?

 

หลังจากชิงซาและหญิงสาวคนอื่นได้จากไป ชิงสุ่ยก็จับมือขององค์หญิงใหญ่และพานางเดินออกไปด้วยกัน นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเดือนนี้ ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถจับมือของหญิงสาวที่งดงามผู้นี้ได้เท่าไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ เช่นเดียวกับการเดินและพูดคุยกับนาง

 

หากจะกล่าวให้ถูกต้องชิงสุ่ยเองก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อใด นอกจากนี้องค์หญิงใหญ่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีท่าทีต่อต้านเช่นกัน ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเริ่มคุ้นชินกับมันอย่างช้าๆ นอกเหนือจากนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมาถึงขั้นกอดกันแต่นั่นก็เกิดขึ้นได้ยากยิ่งนัก พวกเขาไม่ได้เลื่อนระดับความสัมพันธ์ใดๆให้มากขึ้นไปกว่านั้น

 

“เจ้าได้ให้ทุกๆคนฝึกฝนอย่างหนักเมื่อเร็วๆนี้ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ? หรือว่าเจ้ากำลังจะจากไป?” องค์หญิงใหญ่เดินไปมาอย่างช้าๆขณะจับมือของเขาเอาไว้ มองมองเขาจากทางด้านข้างและถามขึ้น

 

“ใช่แล้ว ข้ากำลังจะจากไปในเร็วๆนี้ ข้าจะทราบคำตอบนั้นภายใน 2 หรือ 3 วันนี้ ในตอนนี้พลังของท่านนั้นยังสามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง ท่านสามารถช่วยแนะนำกับพวกนางได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขึ้นหลังจากที่เขาคิดครู่หนึ่ง

 

“ข้าจะทำให้ เจ้ากำลังจะไปยังจักรวรรดิเดชสวรรค์งั้นหรือ?”

 

“ใช่แล้ว” ชิงสุ่ยตอบกลับ เขาไม่ได้พูดอะไรมากนักในตอนนี้

 

“ขอให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับเจ้า เมื่อภรรยาของเจ้าได้กลับมาพวกเราคงไม่สามารถที่จะทำเช่นนี้ได้อีก” องค์หญิงใหญ่ยิ้มขณะที่นางยกมือที่ทั้ง 2 คนนั้นจับเอาไว้ด้วยกันขึ้นมา

 

“ตราบใดที่ท่านยังไม่แต่งงาน ย่อมไม่เป็นอะไร……”

 

ชิงสุ่ยดูแลนางเหมือนเป็นเพื่อนสนิทของเขา เนื้อคู่ของเขาเอง เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันจะคงอยู่ได้นานมากเพียงใด

 

……

 

ในยามค่ำคืนชิงสุ่ยได้เข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งในตอนนี้เมื่อได้ปรับปรุงพลังที่มังกรไอยราเกล็ดทองคำได้มอบให้แก่เขา มันเป็นความรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาได้ขยายใหญ่ขึ้นจนมากกว่าเดิมถึงครึ่งหนึ่ง

 

นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเส้นลมปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาเตรียมตัวมามากพอแล้วและไม่อาจรอที่จะทำเช่นนี้ได้อีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำสิ่งที่เขาอยากจะทำมาโดยตลอด

 

ขอเพิ่มพลังของตนเองไปถึงจุดสูงสุดและโคจรมันภายในร่างกาย เขารอจนตนเองสงบลงและจากนั้นก็โคจรพลังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะทะลุผ่านก้อนพลังสีเทาไปในร่างกายของเขา

 

เป้ง!

 

หน้าผาก ส่วนบนของศีรษะ รวมไปถึงหน้าอกของชิงสุ่ยต่างมีเข็มทองคำปักเอาไว้ที่ละ 3 เล่ม พลังอันมหาศาลได้ถาโถมเข้ามาและมันเกือบจะทำให้ชิงสุ่ยต้องเป็นลมไป กลิ่นอายที่สดชื่นปลดปล่อยออกมาจากศีรษะของเขา หน้าอกรวมไปถึงหน้าผากของเขากำลังขยับอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้โลหิตของเขาไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ภาพหยินหยางก็หมุนวนอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

พลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา ก้อนเมล็ดเจ็ดสีก็หมุนวนอย่างรวดเร็วเช่นกัน มันได้ดูดซับพลังเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันก้อนทองคำภายในร่างกายของเขาก็เปล่งแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

หุบเขา 9 เทวาที่อยู่ภายในจุดตันเถียนก็ได้ดูดซึมพลังนี้เช่นกัน มันดูเชื่อมต่อกับชิงสุ่ยได้ดียิ่งขึ้นในตอนนี้

 

ร่างกายของชิงสุ่ยได้รับการชำระล้างอีกครั้งและเหมือนกับว่ามันได้ถือกำเนิดใหม่ แต่มันก็ปลอดภัยอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุด อย่างน้อยชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมมันได้

 

มันยังคงอันตรายเหมือนดังก่อนหน้านี้ แต่เส้นลมปราณของชิงสุ่ยและเส้นเอ็นของเขาได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันทรงพลังขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก

 

แต่คราวนี้พลังที่เขาสามารถดูดซึมได้นั้นดูเหมือนจะมีมากเกินไป เพียงแต่ว่ามันรู้สึกลำบากน้อยกว่าก่อนหน้านี้เพราะว่าก่อนหน้านี้นั้นพลังของเขายังถือว่าน้อยเกินไป มันเป็นเรื่องอันตรายยิ่งนักษาเขาจะดูดซึมพลังอันมหาศาลเช่นนี้ไป

 

แม้กระทั่งความคิดเรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะปราณแห่งการหวนคืนของเขา เขาย่อมไม่อาจทำเช่นนี้ได้

 

คนล้วนเกิดมาเพื่อเสี่ยงโชคและชิงสุ่ยก็เป็นหนึ่งในนั้น เช่นเดียวกับในตอนนี้สิ่งที่เขาทำอยู่นั้นเป็นเหมือนกับการเล่นกับความเสี่ยง

 

เวลาได้ผ่านไปเรื่อยๆและชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่ามันได้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในตอนแรกการที่จะทำเช่นนี้นั้นถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งแต่เพื่อความก้าวหน้าของตนเองเขาจึงได้เก็บพลังนี้เอาไว้และรอจนกว่าเขาจะสามารถรับมือกับมันได้ ในตอนนี้เขาสามารถรับพลังนี้ได้อย่างสมบูรณ์

 

ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมาแล้วเปิดตาของเขาขึ้นช้าๆ เขามีสีหน้าที่เป็นปกติและดูเหมือนคนธรรมดา แต่ในตอนนี้เขาก็มีความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด

 

เขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้ความสงบและความมั่นใจปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา แต่มันก็ยังทำให้คนอื่นๆรู้สึกว่าเขายังขาดความเฉียบแหลม

 

ชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเสื้อที่เปื้อนเลือดจากทั่วทั้งร่างกายของเขา ทั้งหมดนี้เป็นเลือดของเขาเองแต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสารพิษและสิ่งปนเปื้อนที่อยู่ภายในร่างกายของเขา มันเป็นเหมือนสิ่งสกปรกภายในร่างกายของเขา ในตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจยิ่งขึ้น

 

หลังจากได้อาบน้ำ ชิงสุ่ยก็เปลี่ยนชุดใหม่ทันทีและทำลายชุดเก่าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดนั้นทิ้งไป หลังจากทำเช่นนี้แล้วเขาก็รีบตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขาทันที

 

พลังพื้นฐานเกินกว่า 1 สุริยา…..

 

ถึงแม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้สึกได้ว่าพลังภายในร่างกายของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เมื่อได้สัมผัสพลังของตนเองเขาก็ตกตะลึงไปในทันที  1 สุริยานั้นเท่ากับ 10,000 เมฆา ก่อนหน้านี้ขอเป็นเพียงคนที่มีพลังประมาณ 3,000 เมฆา

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน? พลังของเขาเพิ่มขึ้นมามากกว่า 6,000 เมฆา

 

ในตอนที่ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงก้อนเมล็ดเจ็ดสี เขาก็ได้ตกตะลึงไปอีกครั้ง มันยกระดับขึ้น จากตอนแรกที่มันช่วยเพิ่มพลังพื้นฐานขึ้นอีก 15 เท่า ในตอนนี้มันช่วยเพิ่มพลังพื้นฐานขึ้นอีก 20 เท่า……

 

ชิงสุ่ยสามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา พลังอันแข็งแกร่งที่โคจรไปทั่วร่างกายของเขาทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง ทันทีที่ได้ตรวจสอบมันเขาก็ยิ้มออกมา หากพลังพื้นฐานของเขานั้นอยู่ที่ 1 สุริยา ด้วยการเพิ่มขึ้น 20 เท่าจากก้อนเมล็ดเจ็ดสีและอีก 5 เท่าที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้อาวุธของเขาพร้อมกับสิ่งต่างๆ เช่น เกราะอสูรสำแดง และยาเม็ดทองคำแห่งสวรรค์ทั้ง 9 เขาจะมีพลังประมาณ 1,000 สุริยา หากเขาใช้หุบเขา 9 เทวาพลังของเขาจะเกินกว่า 2,000 สุริยาเล็กน้อย

 

ชิงสุ่ยตกตะลึงไปในตอนนี้ เขาประหลาดใจอย่างยิ่งที่พลังของตัวเองเหมือนได้รับการระเบิดขึ้นอย่างฉับพลัน ด้วยการเพิ่มพลังครั้งนี้ของเขา เขาสามารถเริ่มทำสิ่งต่างๆได้อีกมากมาย

 

สิ่งที่ชิงสุ่ยตรวจสอบถัดมานั้นคือพลังวิญญาณของเขา ภายใต้ขนของลูกประคำอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ อาวุธของเขา เกราะอสูรสำแดง รวมไปถึงรูปแบบดาราจักร มันจะช่วยให้เขามีพลังวิญญาณประมาณ 1,300 สุริยา  5 ของใช้พลังรูปแบบวิหคศักดิ์สิทธิ์ พลังวิญญาณนั้นจะเพิ่มขึ้นไปถึง 2,700 สุริยา

 

หากโอกาส 20% ที่จะเพิ่มพลังโจมตีขึ้นเป็น 2 เท่านั้นเกิดขึ้นมันย่อมน่ากลัวยิ่งนัก แต่สำหรับในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่อยากพึ่งพามัน เพราะเขาต้องการโอกาสที่แน่นอนมากกว่า มันไม่ได้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของเขาจริงๆ แต่ในตอนนี้ด้วยพลังของเขาที่รวมกับปราณจักรพรรดิและมังกรไอยราเกล็ดทองคำ การจัดการกับยอดฝีมือที่มีพลังประมาณ 3,000 สุริยาหรือมากกว่านั้นจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แม้แต่ยอดฝีมือที่มีพลังเกินกว่า 4,000 สุริยา ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าเขาสามารถรับมือได้

 

ช่วยความจริงที่ว่ารูปแบบ8ดาราคล้อย 8 สวรรค์ของชิงสุ่ยนั้นไม่อาจเพิ่มพลังให้แก่เขาได้ มันช่วยเพิ่มเพียงความอดทน ความเฉียบแหลม และสิ่งที่พึ่งพาโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขาขึ้นอีกหลายเท่า ตัวอย่างเช่น เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดของเขา ในตอนนี้แม้ว่ามันจะต้องเผชิญกับยอดฝีมือที่มีพลัง 5,000 สุริยาก็ตาม มันยังสามารถพัวพันคนๆนั้นได้เป็นเวลานาน นี่คือผลของรูปแบบ8ดาราคล้อย 8 สวรรค์

 

มันยังสามารถช่วยเพิ่มพลังในการกลืนกินของหลุมดำกลืนมหาสมุทรแห่งผนึกคลื่นเมฆาผกผันของเขา