บทที่ 237
แต่พละกำลังของลู่ฝาน ทำให้พวกเขารับไม่ได้จริงๆ

ยืนเอามือไพล่หลังไม่ปล่อยพลังปราณออกมาสักนิด คู่ต่อสู้ก็ลงไปนอนกองกับพื้นเอง โดนกดเข้าไปในพื้นหินจนสลบ

ทักษะระดับนี้ พวกเขาไม่เคยเห็น อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

ถ้าเรื่องนี้เป็นฝีมือของอาจารย์หรือครูคนใดคนหนึ่ง ยังพอเข้าใจได้ แต่ลู่ฝานที่ดูเด็กกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้ ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้

อีกทั้งคนที่โดนเขาจัดการอย่างง่ายดาย ไม่ใช่นักเรียนธรรมดาด้วย เป็นเหลิ่งหาน ที่มีอันดับไม่เลวในรายชื่อบู๊

ยอดฝีมือที่จัดการเหลิ่งหานได้ง่ายดายขนาดนี้ แล้วถ้าจัดการพวกเขา แค่ดีดนิ้ว คงทำให้พวกเขาตายได้เป็นแถบ ไม่ใช่สิ ไม่แน่อาจไม่ต้องดีดนิ้วเลยก็ได้

เหลิ่งหานโดนแบกออกไป ครูที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเหลิ่งหาน สัมผัสได้ว่ากระดูกในตัวเหลิ่งหาน โดนกดจนเปลี่ยนรูป แค่อีกฝ่ายใช้แรงอีกนิด กระดูกพวกนี้ต้องหักและแทงอวัยวะภายในแน่นอน พวกอี้ว์หวาที่ยืนอยู่บนหอคอย หน้าซีดเผือด พวกเขารู้สึกอับอายเมื่อยืนอยู่ที่นี่

ไม่รอให้ซิงยวนพูดอะไรออกมา พวกเขาวิ่งลงจากหอคอยทันที

อาจารย์อี้ชิงลุกขึ้นยืน เดินมาตรงกลาง หยิบชุดคลุมบู๊มังกรดำ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นโยนให้ลู่ฝาน “ลู่ฝานรับไป เรากลับกันเถอะ”

ลู่ฝานยิ้มบางๆ และพยักหน้า เดินลงจากหอคอยช้าๆ

อาจารย์อี้ชิงฮัมเพลงเบาๆ ยืดพุงโตๆ เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย

หานเฟิง ฉู่สิงและศิษย์พี่ใหญ่ ยืนขึ้นเช่นกัน

อาจารย์เต้ากวงสะบัดมือ ใช้พลังปราณลากเหรียญทองขึ้นมา แล้วหันหลังเดินออกไป

“ศิษย์น้องลู่ฝาน กระบวนท่านี้ไม่เลว กลับไปสอนฉันด้วย”

หานเฟิงกับลู่ฝานกอดคอกัน

ลู่ฝานพูดว่า “ได้เลย แค่พี่เรียนได้ ผมสอนอยู่แล้ว”

ฉู่สิงยื่นหน้าเข้ามา “ฉันด้วยคน กระบวนท่านี้ใช้จีบสาว ไม่เลวแน่นอน”

ศิษย์พี่ฉู่เทียนพูดอย่างเย็นชา “นายฝึกเคล็ดวิชาเพื่อจีบสาวเหรอ ไม่มีความทะเยอทะยานเอาเสียเลย ศิษย์น้องลู่ฝาน พรสวรรค์ของพวกเขาสองคนใช้ไม่ได้ นายสอนฉันก่อนแล้วกัน ฮ่าๆๆ”

ฉู่สิงกับหานเฟิง ยกนิ้วกลางให้ฉู่เทียน

ศิษย์พี่ใหญ่ลูบท้อง แล้วพูดว่า “รีบกลับเถอะ ฉันหิวแล้ว รู้อย่างนี้ ฉันพาเจ้าดำออกมาด้วยแล้ว”

ทุกคนพูดคุยยิ้มแย้ม เดินออกไปไกล

ทางด้านนี้ นักเรียนของคณะอื่น มองแผ่นหลังของพวกลู่ฝาน จนหายลับไปจากสายตา จึงละสายตาออกมา

เฉียวเซวียนคณะกำแหงฉีกยิ้มออกมา หัวเราะอย่างมีความสุข ส่ายหน้าพูดว่า “ลู่ฝานเป็นของฉัน แค่เขามาคณะกำแหง ต้องต่อกรกับฉันเป็นคนแรก ใครกล้าแย่ง ฉันจะซัดคนนั้น”

จ้าวคั่วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่มีใครแย่งนายหรอก”

คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย

เสวียนเฟิงคณะกระบี่กอดกระบี่ แล้วพูดว่า “คู่ต่อสู้ที่หายาก มีเวลาต้องไปคณะหนึ่งเดียวสักหน่อยแล้ว”

มู่ซั่วหัวเราะอยู่ข้างๆ “เหอะๆ นายไม่คิดว่าพวกเขาจะมาสู้กับคณะกระบี่เหรอ”

เสวียนเฟิงยิ้มบางๆ กอดกระบี่ไม่พูดอะไร

มู่ซั่วก็เข้าใจ แล้วหันไปมองอีกด้าน จ้องไปทางคณะหยินหยาง

หลิงเหยาแห่งคณะสงบใจ พูดพึมพำว่า “ที่แท้ลู่ฝานแข็งแกร่งขนาดนี้เลย ดูเหมือนฉันต้องพยายามสักหน่อยเหมือนกัน อืม รอให้มาคณะสงบใจของเรา ฉันต้องสู้กับเขาไหมนะโอ๊ย เลือกยากจริงๆ”

จางเยว่หานแห่งคณะบังเหิน แววตาเย็นชา เล่นไข่มุกในมือ จู่ๆ มีรอยยิ้มปรากฏตรงมุมปาก

“ลู่ฝาน วันสุดท้ายของนายใกล้มาถึงแล้ว”

เอี๋ยนชิงแห่งคณะหยินหยาง ไม่พูดอะไรสักคำ เขาหลับตาลงช้าๆ