ตอนที่ 645 สติปัญญาของราชินี / ตอนที่ 646 ไม่ใช่น้องสาว แต่เป็นคุณหนู!

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 645 สติปัญญาของราชินี

 

 

สิ้นคำพูดของหญิงวัยกลางคน ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นก็เดินตรงเข้ามา ถุยน้ำลายมาทางเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

ไม่เพียงแต่เขาคนเดียวเท่านั้น สายตาของคนอีกสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงสนามก็มองมาที่เหนียนเสี่ยวมู่อย่างไม่เป็นมิตร

 

 

คนนอกไม่รู้

 

 

ตอนนั้นที่ครอบครัวของพวกเขามีกินมีใช้กันแบบนั้น ก็เพราะอาศัยบารมีจากพ่อแม่ของสิงลี่ทั้งนั้น

 

 

พี่น้องคนไหนมีปัญหาอะไร พ่อแม่ของสิงลี่ก็ช่วยจัดการให้ตลอด

 

 

ขนาดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บางทีก็เป็นเพราะพ่อแม่ของสิงลี่ให้

 

 

พูดตามตรง แทบทุกคนในตระกูลสิงต่างก็พึ่งพาอาศัยพ่อแม่ของสิงลี่ในการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น แต่จู่ๆ บ้านของตระกูลสิงกลับถูกไฟไหม้ สองสามีภรรยาตระกูลสิงถูกไฟครอกตาย ตระกูลสิงก็เท่ากับขาดเสาหลักไป

 

 

ไม่ต้องพูดถึงธุรกิจของตระกูลสิงเลย แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ ยังเป็นปัญหาเลย

 

 

หลายปีมานี้มีคนคอยให้ความช่วยเหลือ เลยไม่ต้องกังวลกับปัญหาปากท้อง

 

 

แต่ว่าสามปีก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็ความช่วยเหลือนั้นก็ขาดหายไป

 

 

ตระกูลสิงเลยเข้าสู่สภาวะตกอับ

 

 

ตอนนี้จึงต้องปากกับตีนถีบ ยอมก้มหัวให้คนอื่นเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง

 

 

ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพราะสิงซิงคนเดียว

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ก็จะไม่เกิดไฟไหม้ในครั้งนั้น ชีวิตดีๆ ของพวกเขาก็คงไม่ต้องสิ้นสุดลงแบบนี้

 

 

คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในตระกูลสิง วันนี้เมื่อมองเห็นสิงซิง ต่างก็มีปฏิกิริยาเดียวกับสิงลี่ มองว่าเธอเป็นตัวกาลกิณี เป็นตัวอันตราย!

 

 

“สิงซิง คนที่สมควรตายคือแก แกมีหน้ามายืนอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” สิงลี่ได้ยินคำพูดของหญิงวัยกลางคนก็กัดฟันกรอดเอ่ยพูดขึ้น

 

 

สิ้นเสียงของเธอ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ผละออกจากอ้อมกอดของอวี๋เยว่หาน

 

 

เดินไปหยุดตรงหน้าของหญิงกลางคน

 

 

“คุณดูให้ดีๆ ฉันเป็นลูกสาวของตระกูลสิงจริงๆ เหรอคะ”

 

 

ผ่านไปสิบปีแล้ว

 

 

ทำไมคนในตระกูลสิงถึงได้มั่นใจนักว่าเธอคือสิงซิง

 

 

“เธอทำให้ครอบครัวของเราต้องพินาศไปหมด ผ่านไปหลายปี ต่อให้เธอกลายเป็นผุยผง พวกเราก็จำเธอได้!” หญิงกลางคนเงยหน้าขึ้น ล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อหยิบรูปภาพเก่าขึ้นมาหนึ่งใบ

 

 

ยังไม่ทันจะได้เอ่ยพูดอะไร ดวงตาก็แดงก่ำ

 

 

“บ้านเก่าของตระกูลสิงไหม้ไปหมดแล้ว ของที่อยู่ในบ้านก็ถูกเผาแทบไม่เหลือ แต่ว่าที่เรามีภาพของครอบครัวสมบูรณ์ทั้งสี่คนของพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เก็บไว้ใบหนึ่ง”

 

 

หญิงกลางคนโยนภาพใบนั้นไปให้เหนียนเสี่ยวมู่ จากนั้นก็เริ่มปล่อยโฮ

 

 

“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ พวกพี่ตายอย่างน่าอนาถ ตายอย่างไม่สมควรเลย คนที่ควรตายคือตัวกาลกิณีอย่างสิงซิง……”

 

 

“……”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กำหมัดแน่น ก้มลงเก็บภาพถ่ายขึ้นมาจากพื้น

 

 

ในรูป สามีภรรยาคู่หนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว ในแขนกอดเด็กสาวตัวเล็กไว้สองคน

 

 

ดูจากท่าทีนั้นแล้วก็มองออกในทันทีว่าพวกเขารักกันมาก

 

 

และก็รักลูกของตัวเองมาก

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ลูบไปที่ภาพถ่ายใบนั้น ปลายนิ้วสั่นขึ้นน้อยๆ

 

 

นี่คือพ่อแม่แท้ๆ ของเธอเหรอ

 

 

เธอทำให้พ่อแม่ของตัวเองต้องตายจริงๆ เหรอ……

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองไปที่เด็กผู้หญิงที่อายุราวๆ สิบขวบในภาพ จากนั้นก็มองไปทางฟ่านอวี่ราวกับขอความช่วยเหลือ

 

 

เธอจำตัวเองในตอนเด็กไม่ได้

 

 

ฟ่านอวี่เข้าใจว่าเธอไม่มั่นใจ จึงเดินตรงเข้าไปหา รับภาพมาจากมือของเธอ มองดูแวบหนึ่ง แววตาก็หรี่แคบลง

 

 

“คือคุณ”

 

 

คนในภาพคือเธอ เหมือนกับภาพที่วางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขาอย่างกับแกะ

 

 

ขนาดกระโปรงที่ใส่ยังเป็นตัวเดียวกันเลย

 

 

นี่คือลิ่วลิ่วของเขา

 

 

เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน

 

 

“……” ร่างของเหนียนเสี่ยวมู่ไหวเอนไปเล็กน้อย พอทรงตัวได้ก็ได้ยินเสียงของสิงลี่

 

 

“สิงลี่ ถ้าแกยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างก็ควรไปตายซะ ไปชดใช้ให้พ่อกับแม่ที่ปรโลก!”

 

 

ในแววตาของเธอนอกจากความเกลียดชังแล้ว ไม่มีความผูกพันเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

แทบไม่มีสิ่งที่คนเป็นญาติกันควรมีแม้แต่นิดเดียว

 

 

ในสมองของเหนียนเสี่ยวมู่ราวกับนึกอะไรได้ มือกำภาพถ่ายเอาไว้แน่น เงยหน้าขึ้น เอ่ยออกมาทีละคำ “อาศัยแค่ภาพถ่ายใบเดียว ก็จะให้ฉันเชื่อเหรอ ในเมื่อคุณเอาแต่บอกว่าเป็นพี่สาวของฉัน คุณกล้าตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกับฉันไหมล่ะ”

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 646 ไม่ใช่น้องสาว แต่เป็นคุณหนู!

 

 

สิ้นคำพุดนั้น แววตาของฟ่านอวี่ที่กำลังถือรูปภาพอยู่ก็ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

มองดูรูปภาพนั้นอีกครั้ง

 

 

ความเหลืองของรูปภาพที่เก่า ไม่ได้รับการดูแลดีเหมือนภาพที่อยู่บนโต๊ะหนังสือของเขา แต่ว่าคนในภาพ เขามองแวบเดียวก็รู้แล้ว

 

 

ไม่เพียงแต่ลิ่วลิ่วเท่านั้น ยังรวมถึงอีกสามคนที่เหลือด้วย

 

 

ตอนนั้นความสนใจทั้งหมดของฟ่านอวี่พุ่งไปที่ลิ่วลิ่วคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ เขาไม่มีความทรงจำอะไรมากนัก

 

 

แต่วันนี้พอเห็นภาพภาพนี้ ความทรงจำก็เหมือนจะถูกเปิดผนึกขึ้นมา

 

 

ความทรงจำที่ดูเลือนรางเหล่านั้นชัดเจนขึ้นมาทันที

 

 

เขาเคยเห็นสองสามีภรรยาคู่นี้ที่สนามหญ้าบ้านตระกูลสิง!

 

 

พวกเขารักและเอ็นดูลิ่วลิ่วของเขามาก

 

 

ไม่เพียงแต่รัก เอ็นดู ทะนุถนอมเท่านั้น ท่าทางนั้นมันยังแฝงไปด้วยความเคารพนอบน้อมแบบแปลกๆ

 

 

ส่วนเด็กผู้หญิงอีกคนที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมกอดเหมือนกันในภาพนั้น

 

 

ฟ่านอวี่มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วสายตาก็กระตุกขึ้น!

 

 

เด็กผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะเป็นคนละคนกับเด็กผู้หญิงที่เขาเคยเห็นตรงนอกหน้าต่าง

 

 

“ผมเคยเห็นสิงลี่อยู่กับคุณ ตอนที่ผมชอบไปหาคุณที่สนามหญ้าด้านหลัง……” ริมฝีปากของฟ่านอวี่ค่อยๆ เอ่ยขึ้น

 

 

ได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เหนียนเสี่ยวมู่ก็ชะงักไป

 

 

หันหน้าไปมองเขา นึกว่าเขาจะบอกว่าสิงลี่เป็นพี่สาวของเธอ

 

 

แต่วินาทีต่อมา ก็เห็นสายตาของฟ่านอวี่เคร่งขรึมลง

 

 

“ถ้าเกิดผมจำไม่ผิด ตอนนั้นเธอไม่ได้เรียกคุณว่าสิงซิง และก็ไมได้เรียกว่าน้องสาว แต่เป็นคุณหนู!”

 

 

คุณหนู……

 

 

นี่ไม่ใช่คำเรียกขานระหว่างพี่น้องแน่ๆ

 

 

 ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่สงสัยว่าสิงลี่กับสิงซิงไม่ใช่พี่น้องกันเท่านั้น เขายังสงสัยว่าลิ่วลิ่วของเขาไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลสิงด้วย!

 

 

เมื่อฟ่านอวี่พูดออกไป ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตะลึงกันไปหมด

 

 

อวี๋เยว่หานเดินตรงไปด้านหน้า แววตาสีดำคมกริบมีแววยินดีปรากฏขึ้น

 

 

“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ แน่ใจหรือเปล่า”

 

 

ถ้าหากสิงลี่เรียกเหนียนเสี่ยวมู่ว่า “คุณหนู” อย่างนั้นพวกเธอก็ต้องไม่ใช่พี่น้องกันแน่ๆ

 

 

หญิงสาววัยกลางคนที่ปกป้องสิงลี่เมื่อสักครู่ ได้ยินคำพูดของฟ่านอวี่ก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา

 

 

พุ่งไปด้านหน้า

 

 

“คุณพูดจาเพ้อเจ้ออะไรกัน สิงลี่กับสิงซิงเป็นพี่น้องกัน เรื่องนี้พวกเรารู้กันทั้งครอบครัว พี่ชายพี่สะใภ้ของฉันเลี้ยงพวกเธอมาตั้งแต่เด็กๆ พวกเราต่างเห็นพวกเธอโตมากับตา ไม่มีทางที่ทุกคนจะจำผิดเหมือนกันหมดหรอก……”

 

 

เธอพูดว่าทุกคน หมายถึงคนในตระกูลสิงคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่

 

 

พ่อแม่ของสิงลี่เป็นประมุขของตระกูลสิงมาโดยตลอด

 

 

มีพี่ลูกกี่คน คนในตระกูลสิงไม่มีทางจำผิดแน่ๆ

 

 

อีกอย่าง ถ้าสิงซิงไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลสิง ทำไมตอนนั้น สองสามีภรรยาสิงจะเข้าไปช่วยปกป้องสิงซิงโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเองแบบนั้น

 

 

สุดท้ายตัวเองก็ต้องตายในกองไฟนั่น

 

 

สิ้นคำพูดของหญิงวัยกลางคน คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ก็ต่างพยักหน้าตามๆ กัน

 

 

“สิงลี่กับสิงซิงเป็นพี่น้องกัน เธอจะเรียกสิงซิงว่า “คุณหนู” ได้ยังไง คุณชายฟ่านต้องได้ยินผิดไปแน่ๆ ไม่อย่างนั้น ก็ต้องเป็นเพราะทั้งสองคงกำลังเล่นอะไรกันอยู่ เลยเรียกออกมาแบบนั้น แล้วบังเอิญคุณไปได้ยินพอดี ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร!”

 

 

“สิงซิงเป็นตัวกาลกิณีของตระกูลสิงของเรา เราเกลียดจนแทบอยากจะตัดความสัมพันธ์กับเธอ ใครอยากจะใส่ร้ายเธอกัน……”

 

 

“นั่นน่ะสิ”

 

 

คนสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ ใครพูดอะไรต่างก็เห็นด้วยไปตามๆ กันหมด

 

 

เห็นดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่จึงหยิบรูปภาพถ่ายรวมครอบครัวมาจากมือของฟ่านอวี่ เดินก้าวไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ตรงหน้าสิงลี่นิ่งๆ

 

 

“คุณเอาแต่บอกว่าฉันเป็นน้องสาวของคุณ แต่ว่าคุณดูไม่ได้รักฉันเหมือนพี่น้องเลยสักนิด ถ้าเกิดว่าพ่อแม่ยอมตายเพื่อช่วยชีวิตฉันจริงๆ คุณที่เป็นพี่สาว ก็ยิ่งควรจะช่วยดูแลฉันแทนพวกท่านไม่ใช่เหรอ”