ตอนที่ 317 อบรมสั่งสอน

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ห้องปฏิบัติการหลักทั้งสี่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A เป็นทางเดียวที่จะนำไปสู่สถาบันวิจัย

แต่จะเข้าไปในห้องปฏิบัติการ ต้องผ่านการตรวจสอบและการคัดเลือกหลายขั้นตอน

โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นคนที่ศึกษาต่อปริญญาโท และนักศึกษาที่อาจารย์ปริญญาเอกพามาเท่านั้นจึงสามารถเข้าได้

ส่วนนักศึกษาปีหนึ่ง ปีสองนั้น…

แม้แต่พวกเขาบางคนยังไม่แน่ใจเลยว่าห้องปฏิบัติการคืออะไร

สถาบันวิจัยมีแนวโน้มที่จะพัฒนาขึ้นอย่างสมบูรณ์ ในทุกปีทุกมหาวิทยาลัยจะคัดเลือกเพียงไม่กี่คน จำนวนผู้คนโดยเจาะจง ต้องดูจากคุณภาพของนักเรียนกลุ่มนี้

ข่าวจากเมืองหลวงล้วนปิดกั้นสู่ภายนอก โดยเฉพาะการมีอยู่ของสถาบันวิจัย หาร่องรอยใดจากอินเทอร์เน็ตไม่ได้ และมีแค่สี่ตระกูลหลักเท่านั้นที่รู้รายละเอียด

เหลิ่งเพ่ยซานกับโอวหยางเวยเข้าไปได้ จึงเข้าใจอย่างชัดเจน

ยิ่งกว่านั้นรู้ว่ายากแค่ไหนถ้าอยากเข้าห้องปฏิบัติการ แต่ละขั้นตอนการคัดเลือก ทุกข้อจำกัด แม้แต่คนของสี่ตระกูลหลักที่อยากเข้าสถาบันวิจัยล้วนต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตน

ในเวลานี้ได้ยินประโยค ‘ไม่ยาก’ นั้นของฉินหร่าน เหลิ่งเพ่ยซานพูดไม่ถูกจริงๆ

เธอมองฉินหร่าน ตอนนี้แน่ใจจริงๆ แล้วว่าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน แม้ว่าตระกูลฉินไม่ได้ล่มจม ก็ไม่มีอำนาจควบคุมสถาบันวิจัย แต่ยังไม่ตกต่ำถึงขั้นแม้แต่ไม่รู้ว่าสถาบันวิจัยคืออะไร

ถึงอย่างไร…หลายปีนี้ตระกูลฉินก็วางแผนที่จะนำอำนาจควบคุมกลับมา

คิดถึงตรงนี้ เหลิ่งเพ่ยซานจึงโล่งใจอย่างมาก

ทหารรับจ้างที่ครั้งก่อนเคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้ไม่แน่อาจจะกำลังย่างเนื้ออยู่

ฉินหร่านยังไม่เปิดคอมพิวเตอร์ เพียงเอนพิงพนักเก้าอี้ หันหน้ามองเหลิ่งเพ่ยซาน ยิ้มอ่อนถาม “ใช่ ฉันไม่รู้ เธอรู้อะไร พูดสิ”

เหมือนมีระเบิดกำลังจะปะทุในห้องแล้ว หนานฮุ่ยเหยายืนขึ้นแสร้งทำตัวซื่อบื้อทันที “เพ่ยซาน เธอไม่ได้จะไปนอนเหรอ ขึ้นไปนอนเร็ว หร่านหร่าน ฉันพาเธอเล่นเกม ให้เธอโหลดเกมท่องยุทธภพ เธอโหลดรึยัง”

อันที่จริงเหลิ่งเพ่ยซานเอาใจคนเก่งมาก วันแรกที่มาห้องพัก ก็ให้ของกับหนานฮุ่ยเหยาและหยางอี๋ไม่น้อย มาส์กหน้า ครีมกันแดด ไปกินข้าวข้างนอกกับรุ่นพี่ก็นำขนมหรือชานมกลับมา

ระหว่างเหลิ่งเพ่ยซานกับอีกสองคน หนานฮุ่ยเหยาและหยางอี๋ เป็นไปด้วยดี

แต่…

หนานฮุ่ยเหยาไม่เข้าใจอย่างมาก ทำไมตอนแรกที่เหลิ่งเพ่ยซานเห็นฉินหร่าน ถึงได้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคน

คิดถึงตรงนี้ หนานฮุ่ยเหยามองฉินหร่าน อีกฝ่ายกำลังนั่งไขว่ห้าง พลิกตำราเรียนใหม่ ในห้องพักเป็นไฟหลอดขาว มองผ่านทางนี้ สามารถเห็นซีกหน้าขาวเหมือนหยก ขนตาที่ทั้งยาวและหนา…

หนานฮุ่ยเหยาคิดไม่หยุด ถ้าฉินหร่านเข้าวงการบันเทิง ต้องได้รับความนิยมแน่นอน

เหมือนสามีของเธอ ว่าไปแล้วทั้งสองคนนามสกุลฉิน

คิดถึงตรงนี้ หนานฮุ่ยเหยาจึงกลับไปนั่งลง พลางเหลือบมองเหลิ่งเพ่ยซาน อีกฝ่ายปีนขึ้นไปบนเตียงตัวเองแล้ว

เหลิ่งเพ่ยซานหน้าตาใช้ได้เลย และยังเป็นถึงระดับดาวของมหาวิทยาลัย วันแรกตอนที่มาห้องพัก หนานฮุ่ยเหยามาถึงก่อนเหลิ่งเพ่ยซาน ยังจำได้ว่ามีรุ่นพี่สามสี่คนตามเหลิ่งเพ่ยซานมาด้านหลัง

ชื่อเสียงถึงขนาดแพร่กระจายไปแผนกวิศวกรรมอัตโนมัติ

จนกระทั่งฉินหร่านมา…

หนานฮุ่ยเหยาครุ่นคิด

**

วันรุ่งขึ้น

ตอนเช้าเจ็ดโมงยี่สิบ

คาบแรกของแผนกวิศวกรรมอัตโนมัติคือคณิตศาสตร์ระดับสูง

หนานฮุ่ยเหยาล้างหน้าล้างตาเสร็จ แต่งหน้าอ่อนๆ ฉินหร่านก็ออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอค้นเอาหนังสือบนโต๊ะของฉินหร่านแล้วยื่นให้ฉินหร่าน “เร็วเข้า! จะสายแล้ว”

หยางอี๋ก็พร้อมแล้ว กำลังกอดหนังสือรอทั้งสองคน

คณิตศาสตร์เป็นวิชาของสาขา วิศวกรรมอัตโนมัติห้องหนึ่งและห้องสองเรียนด้วยกัน หยางอี๋จึงไปกับพวกเธอ

“พวกเธออยู่ห้องเรียนไหน” ฉินหร่านหยิบปากกาแท่งหนึ่ง เดินออกไปนอกประตูกับทั้งสอง

“อาคาร A ทิศใต้ ห้อง 304?” หนานฮุ่ยเหยาไม่ค่อยแน่ใจ จึงเปิดหนังสือคณิตศาสตร์ระดับสูงหน้าแรก เธอเขียนเวลากับห้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ระดับสูงไว้หน้าแรก “จำไม่ผิด อาคาร A ทิศใต้ ห้อง 304”

ฉินหร่านไม่ได้พกหนังสือมา แค่ก้มหน้า พับแขนเสื้อขึ้นสบายๆ ดวงตาสวยงามได้รูปหรี่ขึ้นเล็กน้อย “งั้นพวกเราน่าจะคนละทางกันแล้ว”

หนานฮุ่ยเหยากับหยางอี๋ตะลึง

“ฉันไปอาคารวิชาการก่อน” อาคารทั้งสองอยู่คนละทาง ฉินหร่านวางมือที่ท้ายทอย ดูเหมือนอารมณ์ค่อนข้างดี ยกมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ “น่าจะไม่ได้เข้าวิชาของแผนกวิศวกรรมอัตโนมัติแล้ว”

เธอเคยพูดกับคณบดีเจียงแล้ว วิชาวิศวกรรมอัตโนมัติเข้าร่วมแค่สอบกลางภาคและสอบปลายภาค จะเข้าเรียนแค่วิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์

มองตามหลังฉินหร่านเดินออกไป หนานฮุ่ยเหยากับหยางอี๋ที่ควบอยู่บนจักรยานคันเล็กของตัวเองมองหน้ากัน ความหมายในดวงตาของทั้งสองคนชัดเจนมากว่า คาบเรียนแรกก็กล้าโดดแล้วเหรอ

รอจนถึงห้องเรียน ออดเข้าเรียนยังไม่ดัง

ทันใดนั้นสิงไคที่นั่งอยู่แถวสุดท้ายเห็นหนานฮุ่ยเหยาเข้ามาจากประตูหลัง โบกมือทันที “ทางนี้!”

ข่าวแพร่กระจายไปทั่วหอพักชายแล้ว นักเรียนห้องสองทุกคนรู้ว่าห้องหนึ่งมีสาวงามจอมเย่อหยิ่งที่เป็นถึงระดับดาวของมหาวิทยาลัย ทั้งยังสู้เฉิงชิงอวี่ได้ ได้ยินจึงทยอยหันกลับ…

มีเพียงหยางอี๋กับหนานฮุ่ยเหยา

“เอ๋” สิงไคชะงัก เขาสละที่ ให้หนานฮุ่ยเหยา ทั้งสองคนนั่ง “ฉินหร่านล่ะ”

หนานฮุ่ยเหยาพูดอย่างครุมเครือ “ลาแล้ว”

ไม่กล้าบอกว่ารูมเมทของเธอเย่อหยิ่งถึงกับ…น่าจะโดดเรียน

**

สำนักงานคณบดีเจียง

“คณบดีเจียง ทำไมคุณมาเช้าขนาดนี้” ผู้ช่วยการสอนจัดระเบียบสำนักงานมองคณบดีเจียง ประหลาดใจมาก

คณบดีเจียงยุ่งเรื่องงานทุกวัน จึงไม่พกตารางนักเรียน บางครั้งก็พกวิทยานิพนธ์การวิจัยสองสามฉบับ ในวันธรรมดาจึงไม่มีคนในสำนักงาน ส่วนมากจะอยู่ที่ห้องปฏิบัติการภาควิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัย

ทำไมวันนี้มาเช้ามาก

คณบดีเจียงนั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวเอง ยกมือขึ้นมาดูเวลานาฬิกาบนข้อมือ เจ็ดโมงสี่สิบ ก่อนตอบคำถามผู้ช่วยสอน “มาทำธุระนิดหน่อย”

ผู้ช่วยสอนสงสัย แต่ก็ปล่อยวางเรื่องในมือ รินน้ำชาให้คณบดีเจียง

ไม่กี่นาที ประตูสำนักงานก็ถูกเคาะ

ผู้ช่วยสอนที่ยุ่งอยู่เห็นชัดมากว่าดวงตาคณบดีเจียงของพวกเขาราวกับเป็นประกายเล็กน้อย เขาเหยียดหลังตรง

ใครมากัน

ผู้ช่วยสอนไม่คิดอะไรมาก ผู้หญิงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ามาจากด้านนอก

คณบดีเจียงยันมือที่โต๊ะ ยืนขึ้น เลื่อนหนังสือเรียนบนโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้าให้ฉินหร่าน “นี่คือหนังสือเรียน ฉันบอกกับผู้สอนแล้ว เธอมีตารางเรียนแผนกวิศวกรรมนิวเคลียร์รึยัง”

เขาพูด พลางมองทางผู้ช่วยสอน “คุณเอาตารางเรียนวิศวกรรมนิวเคลียร์ปีหนึ่งมา”

แม้ว่าวิศวกรรมนิวเคลียร์จะเป็นสาขาที่สองของฉินหร่าน แต่ที่มหาวิทยาลัยยังไม่มีประวัติตัวอย่าง ในระบบการสอนมีเพียงตารางเรียนของสาขาแรก

ฉินหร่านยังไม่มีตารางเรียนของวิศวกรรมนิวเคลียร์

ผู้ช่วยสอนละสายตากลับทันที เปิดคอมพิวเตอร์หาตารางเรียนตารางเรียนวิศวกรรมนิวเคลียร์

“ไม่ต้องลำบากไป ฉันมีตารางเรียน” ฉินหร่านหยิบกองหนังสือมา พูดกับคณบดีเจียง

คณบดีเจียงถือถ้วยชา ร้อนพอสมควร เขาจึงไม่ดื่ม เพียงเงยหน้าขึ้น “เธอมีได้ยังไง”

ฉินหร่านมองเขาเงียบๆ

จู่ๆ นึกขึ้นได้เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว เรื่องที่ฉินหร่านแฮ็กระบบการศึกษา คณบดีเจียงตระหนักได้ เขาวางถ้วยชาลง เงียบลงครู่หนึ่ง “นักเรียนฉินหร่าน ต่อไปจำไว้ว่า คนของแผนกวิศวกรรมลำบากมาก”

ฉินหร่านตอบกลับ อา ตระหนักว่านี่คือมหาวิทยาลัย ค่อนข้างเสียใจ “ขอโทษ ครั้งต่อไปไม่ทำแล้ว”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” คณบดีเจียงราวกับชินแล้ว จึงพูดด้วยเสียงอารมณ์ดี และนึกขึ้นได้อีกเรื่อง “เธอเรียนสองสาขา หลังจากนี้อยากไปห้องปฏิบัติการไหม”

ฉินหร่านยังไม่ทันได้ตรวจสอบสถานการณ์ของห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ได้ยินคณบดีเจียงพูดขึ้น เธอจึงเงยหน้าขึ้น

“เข้าห้องปฏิบัติการมีข้อกำหนดอะไรบ้าง”

“มีการตรวจสอบ โดยทั่วไปคัดเลือกนักเรียนระหว่างปีสามปีสี่ที่โดดเด่นสิบคนเข้าร่วมตรวจสอบ มาตรฐานสุดท้ายต้องให้ศาสตราจารย์จำนวนหนึ่งในห้องปฏิบัติการตัดสินใจ” เรื่องนี้สำหรับคณบดีเจียงสำคัญมาก ถึงอย่างไรห้องปฏิบัติการก็เกี่ยวข้องกับสถาบันวิจัย “แต่เขาก็มีข้อยกเว้น”

ฉินหร่านดึงมือกลับไปกอดหนังสือ ส่งสัญญาณให้คณบดีเจียงพูดต่อ

คณบดีเจียงยิ้มบาง “เรียนความรู้พื้นฐานจบก่อนกำหนด ถ้าทำผลการเรียนได้โดดเด่นก็จะได้เข้าห้องปฏิบัติการก่อนล่วงหน้า ปีที่แล้วซ่งลี่ว์ถิงที่เป็นจอหงวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ว่าไปแล้วก็เป็นคนอวิ๋นเฉิงแบบพวกเธอ เทอมที่แล้วตอนต้นปีหนึ่งเขาก็เข้าไปยังห้องปฏิบัติการแผนกฟิสิกส์ของพวกเรา”

การสอบระดับไม่ธรรมดาเช่นนี้ สอบผ่านได้ตอนปีหนึ่ง เป็นระดับคนที่มีความสามารถในแบบที่…..

หักหน้านักเรียนปีสองปีสามปีสี่เสียราบคาบ

จนถึงตอนนี้การสอบใหญ่แบบนี้ ยังมีคนเคารพซ่งลี่ว์ถิงอยู่

พูดถึงตรงนี้ คณบดีพูดเสียงต่ำลงอีก “นักเรียนฉินหร่าน ถ้าเธอมุ่งเน้นไปที่วิศวกรรมอัตโนมัติ ฉันรับประกันว่าเธอเข้าไปได้เร็วกว่าเขาอีกสามสี่เท่า พวกศาสตราจารย์จะต้องชอบเธอ”

ระดับการคำนวณในสมองเร็วกว่าคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับซ่งลี่ว์ถิง

ตอนแรกที่ซ่งลี่ว์ถิงเข้าห้องปฏิบัติการ ศาสตราจารย์หลายคนแทบจะต่อสู้กัน ดีที่คณบดีเจียงเสนอหน้าไกล่เกลี่ย

ฉินหร่านพยักหน้า ในที่สุดก็เข้าใจความหมายที่ซ่งลี่ว์ถิงบอกว่า ‘ง่าย’

ส่วนภายหลังที่คณบดีเจียงบอกให้เธอเรียนวิศวกรรมอัตโนมัติ ฉินหร่านเพิกเฉย

บอกลาคณบดีเจียงอย่างสุภาพ

หลังจากเธอออกไป ผู้ช่วยสอนวางแฟ้มข้อมูลในมือลง สงสัยว่า “จอหงวนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้เริ่มศึกษาสองสาขาในปีแรกหรอ?”

“เลือกวิศวกรรมอัตโนมัติ เอกวิศวกรรมนิวเคลียร์” คณบดีเจียงก้มหน้า เป่าเศษชา “รอดูตอนที่เธอเข้าไปห้องปฏิบัติการ น่าจะไม่ช้าไปกว่าซงลี่ว์ถิงเท่าไร”

ผู้ช่วยสอนถลึงตา นี่มันจะเย่อหยิ่งยิ่งกว่าซ่งลี่ว์ถิงปีสองคนนั้นอีก…

ศึกษาสองสาขา ทั้งยังจะเข้าห้องปฏิบัติการตอนปีหนึ่งงั้นเหรอ

ขนาดนี้แล้วนักเรียนใหม่ปีนี้ต้องสอนการประพฤติตัวให้นักเรียนเก่าด้วยเลยไหม?