ตอนที่ 86 ร่วมหุ้นกับพี่สามเย่

การคัดอักษรและวาดภาพเป็นสิ่งที่องค์ชายเป็นคนสอนเธอทั้งหมด ตอนนั้นต่อให้มีเงินมากก็ยากที่จะขอภาพวาดขององค์ชายได้ บัดนี้องค์ชายได้กลับชาติมาเกิดใหม่และกลายเป็นสามีของเธอ เขาก็ลืมความสามารถเหล่านี้ไป แต่ตัวเธอนั้นยังไม่ลืมเลือน

“เหวินเทา คุณว่าฉันจะทำแบบพี่สะใภ้สามได้หรือเปล่าคะ พึ่งพาความสามารถของตัวเองเพื่อหาเงินน่ะ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม

สิ่งที่เย่ฉูฉู่คิดก็คือ เธอและสามีต้องการสร้างบ้านอิฐ แต่เมื่อเธอได้ทำความเข้าใจดูแล้ว บ้านอิฐต้องใช้เงิน 700-800 หยวน

นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลยนะ

จ้าวเหวินเทาของเธอวิ่งเต้นตื่นเช้ากลับค่ำ นอกจากนำเงินที่ได้ไปดื่มกินข้างนอกก็เก็บเงินได้แค่สิบกว่าหยวน วิธีเก็บเงินแบบนี้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะเพียงพอนำมาสร้างบ้าน?

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ว่าบ้านที่สร้างขึ้นมาถ้าจะทำหน้าต่าง ประตู รั้วบ้านรอบ ๆ ลาน ก็ยังต้องใช้เงินอีก แถมต่อให้สร้างเสร็จหมดแล้ว จะไม่ให้มีเงินเหลืออยู่ในมือก็ไม่ได้อีก

จ้าวเหวินเทามีความเฉลียวฉลาด เพียงครู่เดียวเขาก็เข้าใจความคิดของภรรยา

พ่อตาพูดถึงเรื่องสร้างบ้าน เขาเองก็ถามไปแล้วว่าถ้าสร้างบ้านอิฐต้องใช้เงินเท่าไร ภายในใจก็มีแผนแล้วเช่นกัน

เมื่อลองคำนวณรายได้ในตอนนี้ และคำนวณเวลาดูแล้ว หากยึดตามแบบนี้ต่อไป ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าคงสร้างบ้านไม่ได้แน่ ๆ ถึงอย่างไรก็ต้องใช้เวลาอีกสองถึงสามปีโน้น

เขาแอบลังเล หรือเขาจะสร้างบ้านดินโดยใช้โครงอิฐเหมือนกับตระกูลเย่ดีนะ เงิน 300-400 หยวนก็เพียงพอแล้ว เพียงแต่เงินจำนวน 300-400 หยวนต่อให้เป็นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเขาก็เก็บไม่ครบอยู่ดี ภรรยาคงคิดอยากจะช่วยเหลือเขา

แต่เขารู้สึกว่างานนี้ภรรยาของเขาจะทำไหวได้อย่างไรกัน? ถึงอย่างไรพี่สะใภ้สามก็เป็นนักศึกษานะ ถ้าหากพูดคำพูดนี้ออกไป คงได้ทำร้ายจิตใจเธอแน่ ภรรยามีความคิดที่จะช่วยเขาอยู่ตลอดเวลา เขาจะยอกย้อนทำร้ายจิตใจเธอได้ลงคอเหรอ?

จ้าวเหวินเทายิ้มพลางให้กำลังใจไปว่า “ทำได้อยู่แล้ว ภรรยาของผมเฉลียวฉลาด ใครก็สู้คุณไม่ได้หรอก!”

“คุณคิดแบบนี้จริง ๆ เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่เงยหน้าถามเขาด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหวินเทาก้มหน้าจูบเธอ “ทำไมจะไม่เห็นด้วยล่ะ คุณอยากทำก็ทำสิ แต่ว่านะ ภรรยา คุณห้ามทำงานจนเหนื่อยเชียวนะ แม่มีจักรเย็บผ้าอยู่ ห้ามคุณใช้มือเย็บเด็ดขาด มือคู่นี้ถ้าทำงานมากไปก็จะหยาบกระด้าง ผมไม่อยากให้หญิงสาวผู้งดงามของผมกลายเป็นคนที่มีผิวหนังตะปุ่มตะป่ำ อีกอย่างพวกเราก็เตรียมตัวมีลูกแล้ว ทำงานเหนื่อยไม่ได้”

ยังไงก็ต้องมีลูกโดยเร็ว แบบนี้ภรรยาของเขาก็จะได้มุ่งเน้นความสนใจไปที่ลูกเพียงอย่างเดียว และไม่คิดจะทำเรื่องพวกนี้แล้ว

“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันไม่ได้จะเย็บชุดสักหน่อย ฉันแค่เป็นคนวาดชุด มือจะหยาบกระด้างได้ยังไงกันคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหวินเทากลับคิดอยู่ในใจว่า ตนเองก็ควรคิดสักหน่อยว่าฤดูหนาวนี้ยังมีอะไรที่ทำเงินได้ ภรรยาของเขาเริ่มกังวลใจแทนเขาแล้ว เขายังจะมีอนาคตได้อีกเหรอ?

“ภรรยา คุณบอกว่าพี่สะใภ้สามของคุณสามารถช่วยเราซื้อรถได้เหรอ?” จ้าวเหวินเทานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“ใช่แล้ว พี่สะใภ้สามบอกว่าจะให้พวกเรายืมเงิน ก็เลยให้ฉันมาถามคุณว่าอยากได้หรือเปล่า?” เย่ฉูฉู่พยักหน้าพลางกล่าว

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ยืมอะไรกันล่ะ พี่สามของคุณเองก็ว่างอยู่ สู้ให้เขามาทำร่วมกับผมไม่ดีกว่าเหรอ เขาออกรถผมออกแรง ได้เงินมาก็แบ่งกัน คุณคิดว่าความคิดของผมเป็นยังไง?”

จ้าวเหวินเทามีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจจริง ๆ เขารู้ที่จะหยิบยืมกำลังโดยไม่ต้องมีใครสอน

เดิมทีเย่ฉูฉู่คิดอยากจะยืมเงินมา แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เขาเสียหน้า คิดไม่ถึงเลยว่าเขาคิดจะร่วมหุ้น

“พี่สะใภ้สามของฉันจะตกลงเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความไม่มั่นใจ เธอรู้สึกว่าพี่สะใภ้สามคงทำใจไม่ได้ที่จะให้พี่สามของเธอออกไปทำงานนี้ท่ามกลางความหนาวเหน็บ

“ทำไมจะไม่ตกลงล่ะ? นี่ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ” จ้าวเหวินเทาไม่ได้อธิบาย

“นี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีอะไรเลยนะคะ โดยเฉพาะตอนนี้ที่พี่สะใภ้สามมีเงินขนาดนั้น หล่อนคงทำใจไม่ได้ที่จะให้พี่สามออกจากบ้าน ถ้าฉันมีเงิน ฉันก็คงทำใจไม่ได้ที่จะให้คุณออกจากบ้านท่ามกลางความหนาวเหน็บนี้เหมือนกัน” เย่ฉูฉู่กล่าว ดังนั้นเธอจึงอยากลองทำอาชีพนี้ของพี่สะใภ้สามดู เพื่อดูว่าเธอจะทำได้หรือไม่

จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า “ผมว่าพี่สามต้องออกไปทำงานกับผมแน่นอน”

เขาคิดไว้ไม่ผิดเลย ตอนที่โจวหมิ่นและเย่หมิงเป่ยมาหาพวกเขาที่บ้าน เย่ฉูฉู่ก็พูดเรื่องหุ้นส่วนนี้

โจวหมิ่นไม่ได้มีความคิดด้านนี้จริง ๆ เธอพูดว่า “พี่สามของเธอไม่ทำหรอก เหวินเทาอยากทำก็ให้เขาทำเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน”

“ภรรยาจ๋า แต่ผมอยากทำนะ” ทว่าในเวลานี้เย่หมิงเป่ยที่รักภรรยาแบบหัวปักหัวปำก็เอ่ยปากพูดออกมา

ใช่แล้ว เขาอยากทำ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตอนที่ภรรยาของตนเองอยู่ที่มหาวิทยาลัย หล่อนทำงานหนักขนาดไหน เมื่อเทียบกับภรรยาแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรเลย

โจวหมิ่นจะยอมได้อย่างไรกัน?

“ฉันให้เหวินเทาไปทำก็เพราะเหวินเทาต้องการ คุณต้องการด้วยเหรอคะ?” โจวหมิ่นมองเขาพลางกล่าว

“ต้องการสิ” เย่หมิงเป่ยพยักหน้า

โจวหมิ่นกล่าว “งั้นคุณก็ต้องออกจากบ้านทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยนะ? คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันกลับมาครั้งนี้อยู่นานแค่ไหน? คุณจะไม่อยู่เป็นเพื่อนฉันเหรอ?”

เย่หมิงเป่ยย่อมอยากอยู่เป็นเพื่อนภรรยาอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นโอกาสให้เขาได้ทำงานไม่ใช่เหรอ? เขาเองก็อยากใช้โอกาสช่วงฉลองปีใหม่ได้ทำงานสักหน่อย สะสมเงินสักเล็กน้อย ปีหน้าจะได้นั่งรถไปหาภรรยาของเขาไม่ดีเหรอ?

เขาไม่ทราบว่าภรรยาของเขาคิดจะพาเขาไปที่เมืองหลวงด้วย และไม่อยากจะแยกอยู่คนละที่กับเขา

“ภรรยาจ๋า ผมก็แค่อยากจะลองทำกับเหวินเทาดู แค่ลองทำได้ไหม?” เย่หมิงเป่ยมองภรรยาของเขา

โจวหมิ่นมองออกว่าเขาอยากทำจริง ๆ ดังนั้นหล่อนยังจะพูดอะไรได้อีก?

เย่ฉูฉู่ไม่กล้าพูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ภายในใจก็แอบยกนิ้วโป้งให้จ้าวเหวินเทาของเธอ เป็นอย่างที่เขาพูดไว้ทั้งหมด พี่สามเชื่อฟังพี่สะใภ้สามจริง ๆ ด้วย

ตอนที่จ้าวเหวินเทากลับมา ครั้นได้ยินเรื่องที่ภรรยาของเขาบอกเรื่องนี้ เขาก็ยิ้มออกมาในทันที

เรื่องที่เป็นหุ้นส่วนกับพี่สามเย่จึงตกลงตามนี้

ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนมีกฎหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือหากมีเงินทุกอย่างก็ง่ายดาย

เพียงไม่นานรถของพวกเขาก็ถูกซื้อกลับมา

รถสามล้อติดเครื่องยนต์ มีราวกันตกที่กระบะพ่วงท้าย แบบนี้ทำให้ขนของได้จำนวนมาก

จ้าวเหวินเทาและเย่หมิงเป่ยไปรับรถที่ในมณฑลด้วยกัน และพวกเขาก็ขับกลับมาด้วยกัน

แม้ว่าจะเป็นแค่รถสามล้อเครื่องยนต์หนึ่งคัน แต่ภายในหมู่บ้านในเวลานี้ นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการขับรถ BMW กลับมาเลย

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นสามารถจินตนาการได้ ทั้งสองคนรู้สึกดีจนไม่ไหวแล้ว

ผ่านไปเพียงคืนเดียว เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสองก็เดินทางไปที่หมู่บ้านไท่ผิงเพื่อรับผักไปขาย

ตอนบ่ายกลับเข้ามาในตัวมณฑล เพื่อตามหาเสี่ยวหวังที่ซื้อผักคนนั้น ขายให้เสี่ยวหวังครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็นำไปขายให้ร้านอาหารและตามบ้าน หลังจากเสร็จธุระก็ดึกมากแล้ว

ถ้าหากยึดตามความหมายของจ้าวเหวินเทา เขาก็จะแวะไปนอนที่บ้านพี่สาวห้าจ้าวหนึ่งคืน แต่เย่หมิงเป่ยไม่ได้ทำเช่นนั้น ตอนเช้าเขาออกมาทำงานไม่เป็นไร แต่ตอนค่ำต้องกลับไปอยู่กับภรรยา ก่อนที่จะออกจากบ้านก็บอกไว้แล้วว่า กลางคืนถ้าเขาไม่กลับไปนอนกอดหล่อน หล่อนจะนอนไม่หลับ!

ภรรยาน่ารักแบบนี้เย่หมิงเป่ยจะไม่รักได้อย่างไรกัน ชีวิตก็มอบให้หล่อนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำขอแบบนี้เลย

จ้าวเหวินเทานับถือสองสามีภรรยาบ้านพี่สามภรรยาของเขาเลย เหนียวแน่นยิ่งกว่าคู่สามีที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ เสียอีก

ดังนั้นแม้ว่าจะดึกแล้ว แต่ก็ยังต้องรีบกลับมา

เย่หมิงเป่ยส่งน้องเขยกลับบ้านแล้ว เขาจึงขับรถกลับมา

โจวหมิ่นเห็นเขาตากลมหนาวจนหน้าเริ่มเขียว หล่อนจึงรินน้ำร้อนให้เขาดื่มเพื่ออบอุ่นร่างกาย จากนั้นก็รินน้ำหนึ่งกะละมังเพื่อให้เขาแช่เท้า เมื่อเห็นเขาแช่เท้าทั้งคู่ลงในน้ำร้อน ก็รู้สึกอยากหัวเราะและโมโหจริง ๆ

“คุณต้องทำซ้ำ ๆ คุณทำให้ฉันต้องเป็นกังวลใจ คุณรู้หรือเปล่าว่ากลับดึกขนาดนี้ ฉันคิดถึงคุณจนไม่รู้ว่าจะคิดถึงยังไงแล้ว!” โจวหมิ่นกล่าวพลางดึงหูเขา

…………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เมื่อคนคลั่งรักสองคู่มาเป็นหุ้นส่วนกัน มันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ๕๕๕

ไหหม่า(海馬)