ภาค 2 บทที่ 161 โรงหมอจิ่วหลิงคืออะไร

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 161 โรงหมอจิ่วหลิงคืออะไร โดย Ink Stone_Romance

พวกขุนนางยศสูงเหล่านี้มักจะคิดว่าตนมีเงินมีอำนาจไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้

จวนติ้วหยวนโหวก่อนหน้านี้วันหนึ่งมาถามสามหน ไม่คิดดูเสียบ้างว่าโรคนี่มาดุจเขาถล่ม โรคไปดุจสาวไหม ไม่ใช่เจ้าเร่งก็หายดีได้

“พักนี้ยาของพวกเขาจัดให้ตามเวลาใช่ไหม” เจียงโหย่วซู่เอ่ยถาม พลางลุกขึ้น

ลูกศิษย์เปิดบันทึกการรักษาของจวนติ้งหยวนโหวดู

“จัดอยู่ขอรับ ส่งไปตามเวลาทั้งหมด” เขาเอ่ยบอก

เจียงโหย่วซู่รับคำไม่ถามอีก พาเด็กรับใช้นั่งรถมายังจวนติ้งหยวนโหว

“หมอหลวงเจียงมาแล้ว” เวรยามจวนติ้งหยวนโหวมองเห็นเขาเอ่ยขึ้นประหลาดใจเล็กน้อย

เจียงโหย่วซู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเหมือนกัน

เห็นเขามา ทำไมเวรยามสีหน้าเช่นนี้ ราวกับเขาไม่ควรมา

หรือคงไม่ใช่ยินดีอย่างยิ่งมั้ง?

ก่อนหน้านี้พวกเขาเชิญตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายมาเอง

“ข้ามาดูภรรยาของติ้งหยวนโหว” เจียงโหย่วซู่เอ่ย

เวรยามตอนนี้ถึงร้องอ้อแจ้งเข้าไป พลางนำเขาเข้าประตู

“นายท่านไม่อยู่บ้าน ท่านหญิงผู้เฒ่าอยู่ขอรับ” เขาเอ่ย

ติ้งหยวนโหวไม่อยู่บ้าน?

หลายวันนี้เพื่อรักษาภรรยาของติ้งหยวนโหว ติ้งหยวนโหวปฏิเสธคำเชิญงานสังสรรค์ทั้งหมด แทบไม่ออกจากบ้าน

ดูท่าป่วยนานเข้าก็คงคุ้นชินแล้ว

เห็นไหมเล่า โรคนี่เป็นโรคที่ต้องการเวลารักษานานโรคหนึ่ง ไม่เห็นต้องตกอกตกใจ

เจียงโหย่วซู่มาถึงในเรือนของท่านหญิงผู้เฒ่าของติ้งหยวนโหว ไม่ได้เข้าประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกผู้หญิงลอยออกมาจากด้านใน บรรดาสาวใช้ในเรือนกระจายกันนั่งคุยเล่นหัวเราะคึกคักเหมือนกัน

ดูท่าสบายอกสบายใจมีความสุขอย่างที่สุด

เจียงโหย่วซู่ตะลึงไปอีกครั้ง

แม้บอกว่าล้มหมอนนอนเสื่อเนิ่นนานหาคนกตัญญูไม่ได้ แต่ภรรยาของติ้งหยวนโหวเพิ่งป่วยได้เจ็ดแปดวันเท่านั้นนี่ หากไม่มีเรื่องอื่นใดก็พอจะพูดผ่านไปได้ ความสุขสันต์นี่ไม่เข้าท่าเกินไปแล้วจริงๆ

นี่ถ้าให้บ้านฝั่งแม่ของภรรยาติ้งหยวนโหวรู้เข้า ไม่มาถึงประตูโวยวายหรือ

เจียงโหย่วซู่ถูกเชิญเข้ามาในห้อง หญิงสาวเยาว์วัยบรรดาลูกสะใภ้ล้วนหลบออกไป ท่านหญิงผู้เฒ่าของติ้งหยวนโหวอยู่ในโถงหัวเราะฮ่ะฮ่ะมองเขา

“ท่านหมอหลวงวันนี้ว่างมาได้อย่างไร?” นางเอ่ยถาม

นี่ถามประชดหรือ?

เจียงโหย่วซู่ถูกถามอึ้งไปแล้ว ก่อนหน้านี้เชิญเขาเร่งมากเกินไป สามครั้งเขาปฏิเสธสักครั้งหนึ่ง ข้ออ้างย่อมเป็นออกจากวังมาไม่ได้

แม้บรรดาหมอหลวงจะได้รับโทสะจากบรรดาราชวงศ์พระญาติองค์ชายองค์หญิงอยู่มาก แต่เจียงโหย่วซู่หัวหน้าสำนักแพทย์หลวงที่ได้รับความเชื่อมั่นลึกซึ้งจากฮองไทเฮาคนนี้ไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนจริงๆ

สีหน้าของเขาทะมึนไปนิดหนึ่ง

“ยาของท่านหญิงกินไปช่วงหนึ่งแล้ว ข้ามาดูสักหน่อย จะได้สะดวกจัดสูตรยาครั้งต่อไปได้” เขาเอ่ย

ท่านหญิงผู้เฒ่าของติ้งหยวนโหวเข้าใจขึ้นมาปรบมือ ราวกับเพิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้

“อั้ยย่ะ ข้าแก่เลอะเลือนเสียแล้ว ที่แท้ลืมบอกท่านหมอหลวงหรือ?” นางเอ่ย “ลูกสะใภ้ข้านางหายดีแล้ว”

หายแล้ว?

หายแล้วหมายความว่าอย่างไร?

เจียงโหย่วซู่อึ้งไป กำลังจะเอ่ยถามก็ได้ยินด้านนอกมีเสียงหัวเราะของหญิงสาวคู่กับเสียงฝีเท้าสับสน

“นายหญิงมาแล้ว” บรรดาสาวใช้แจ้ง พลางเลิกม่านขึ้น

เจียงโหย่วซู่หันมองไป เห็นภรรยาของติ้งหยวนโหวไม่ใช้หญิงรับใช้ประคองเดินเข้ามา สีหน้ากระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หายดีแล้วจริงๆ ด้วย

เจียงโหย่วซู่มองทีเดียวก็มองออกแล้ว

ส่วนภรรยาของติ้งหยวนโหวก็มองเห็นเขา สีหน้าประหลาดใจ

“หมอหลวงเจียงทำไมว่างมาได้เล่า” นางเอ่ย แล้วมองท่านหญิงผู้เฒ่าของติ้งหยวนโหว “ท่านแม่ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ?”

เล่นอะไรกันน่ะ

ที่แท้ใครเป็นอะไรใครไม่เป็นอะไร

“ท่านหญิง ท่านหายดีได้อย่างไร?” เจียงโหย่วซู่เอ่ยถาม สีหน้าประหลาดใจ

ภรรยาของติ้งหยวนโหวยิ้ม

“กินยาสามเทียบก็หายดีแล้ว” นางว่า

ยาสามเทียบ ยานั่นที่ตนเองจัดได้ผลขนาดนี้เชียวรึ?

เจียงโหย่วซู่หน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ยาไม่นับเป็นอะไร คุณหนูจวินไม่ใช่บอกหรือว่าที่สำคัญเพราะการฝังเข็ม” ท่านหญิงผู้เฒ่าของติ้งหยวนโหวบอกหมอหลวงเจียง “พอดีหมอหลวงเจียงมาแล้ว เจ้าก็ให้เขาดูอีกทีสิ หายดีแล้วจริงหรือไม่ คุณหนูจวินคนนั้นอย่างไรก็อายุยังน้อย ให้คนอายุมากตรวจสอบหน่อยก็ดี”

ภรรยาติ้งหยวนโหวยิ้มเอ่ยรับ

“หมอหลวงเจียง ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนท่านแล้ว” นางว่า พลางนั่งลงยื่นมือออกมา

เจียงโหย่วซู่คลำชีพจรกึ่งเชื่อกึ่งคลางแคลง สีหน้าประหลาดใจ

หายดีแล้วจริงๆ

แต่ เหมือนว่าเรื่องราวจะไม่เหมือนที่เขาคิดไว้อย่างนั้น

“ท่านหญิงโรคนี่ ไม่ใช่กินยาของข้าหายดี?” เขาเอ่ยถาม

ภรรยาติ้งหยวนโหวยิ้มพยักหน้า

“เดิมก็จะกินยาของท่านหมอหลวง พอดีมีคนแนะนำโรงหมอจิ่วหลิง คุณหนูจวินแห่งโรงหมอจิ่วหลิงมาสามวันก็รักษาข้าหายดีแล้ว” นางเอ่ย

สามวันก็รักษาหายดีแล้ว

นี่เป็นไปได้อย่างไร? โรคเช่นนี้เขาเห็นมาชั่วชีวิต อย่างสั้นก็ต้องครึ่งปีถึงจะหายดี สามวัน?

อีกอย่างคุณหนูจวินแห่งโรงหมอจิ่วหลิง เป็นใคร?

เจียงโหย่วซู่คิด

เวลานี้ในโรงหมอแห่งหนึ่งที่เมืองหลวง คนหลายคนรีบร้อนแบกผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้ามา

“ท่านหมอ ท่านหมอ รีบมาดูเร็ว” พวกเขาร้องเรียก

ดูท่าเป็นคนป่วยหนักมากคนหนึ่ง บรรดาพนักงานรีบหลีกทาง ท่านหมอก้าวเท้าเข้ามากลับเห็นบนหน้าผู้ชายหลายคนนี้มีรอยยิ้ม

ยิ้มอะไร?

คนป่วย ยังดีใจอะไรอีก?

ท่านหมออดไม่ได้อึ้งไปแล้ว

“รีบมาดูเร็วท่านหมอ ท่านรักษาหายได้” ผู้ชายคนหนึ่งสีหน้ายินดีเอ่ยขึ้น “โรงหมอจิ่วหลิงบอกแล้ว โรคนี้ไม่หนักหนา”

พูดบ้าอะไร?

โรงหมอจิ่วหลิงบอกว่าโรคนี้ไม่หนักหนา? เขาบอกว่าข้ารักษาหายได้?

ท่านหมอสีหน้าอึ้งมองคนหลายคนนี้

ตั้งแต่เมื่อไรที่ข้ารักษาได้หรือไม่ได้คนอื่นพูดก็เป็นอย่างนั้น?

ยังมี โรงหมอจิ่วหลิง คืออะไรกัน? ประกาศิตวจนะพระพุทธรึ?

โรงหมอจิ่วหลิงชื่อนี้ ราวกับชั่วข้ามคืนก็ติดปากติดหูเต็มไปหมด

แน่นอนไม่ใช่ ณ สถานที่ใดๆ ส่วนมากเป็นภายในโรงหมอ

“โรคนี้ของข้าโรงหมอจิ่วหลิงดูแล้ว นางบอกว่าไม่รักษา นี่ข้าถึงวางใจ”

“เจ้าช่างโชคดีจริงนะ ให้โรงหมอจิ่วหลิงดูมาก่อนแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้านี่จะทำอย่างไรเล่า? ไม่ได้ให้นางดูมาก่อนสักที ข้าไม่วางใจจริงๆ”

มองคนสองคนที่พูดคุยตรงหน้า ท่านหมอก็อดไม่ได้โมโหแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเจ้าต้องมารักษาที่นี่ของข้าอีกเล่า?” ท่านหมอโกรธเป่าหนวด “ทำไมไม่ให้โรงหมอจิ่วหลิงรักษา?”

ทั้งสองคนมองไปทางเขาพร้อมกัน สีหน้าบอกทำนองว่าเจ้าช่างไม่เข้าใจอะไรจริงๆ

“โรงหมอจิ่วหลิงนั่นใครก็ไปหาได้งั้นรึ? ผู้อื่นรักษาชีวิต โรคเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ยุ่งหรอก” พวกนางต่างปากบอกเป็นเสียงเดียว

รักษาชีวิตไม่รักษาโรคอะไร?

แล้วโรงหมอจิ่วหลิงที่แท้เป็นอะไร?

“โรงหมอจิ่วหลิงก็ต้องเป็นโรงหมอแห่งหนึ่งสิ” พวกนางต่างปากเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้ง “ที่นั่นมีหมอชื่อดังของหรู่หนาน”

หมอชื่อดัง?

นอกจากนี้้ไม่พูดถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

แค่ที่ชาวบ้านเหล่านี้บรรยาย ขอแค่เป็นหมอก็ต้องรักษาโรค ยังไม่เคยได้ยินว่าหมอรักษาชีวิตไม่รักษาโรค

คนที่รักษาชีวิตย่อมเป็นเทพเซียนแล้ว

พูดจาใหญ่โตน่าไม่อายเกินไปแล้วจริงๆ

นี่เป็นหมอที่ไหน นี่เป็นนักเล่นกลในยุทธภพคนไหนมาหลอกชาวบ้านให้นิยมอีกแล้ว

ยังกล้าใช้ชื่อหมอ เป็นพวกสวะหน้าไม่อายอย่างแท้จริง

ท่านหมอเฒ่าตบบันทึกลุกขึ้น เขาต้องการไปดูว่าสวะหน้าไม่อายคนนี้เป็นใคร

หมอที่คิดเช่นนี้ไม่น้อย ตลอดทางหมอเฒ่าพบหมอหลายคน ทุกคนสนทนากันเล็กน้อย ได้ยินเรื่องเล่าประหลาดมากกว่าเดิม ใจยุติธรรมโกรธแค้นเต็มอก มาโรงหมอจิ่วหลิงด้วยกัน

พวกเขาถึงกับไม่รู้ตำแหน่งที่โรงหมอจิ่วหลิงอยู่ แต่ที่ยิ่งทำให้คนโกรธคือระหว่างทางสอบถามตรงไหนสักหน่อยก็มีคนบอกที่ตั้งโรงหมอจิ่วหลิง เหมือนกับนั่นเป็นร้านเก่าแก่ที่อยู่เมืองหลวงมาหลายปี เป็นสิ่งที่คุ้นเคยอยู่คู่มากับพวกเขายามเติบใหญ่

โรงหมอจิ่วหลิงนี่ที่แท้ผุดมาจากไหนตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อนสักนิด