เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1026 มอบให้ฟงจินฮวง

แปลโดย iPAT

 

“นายท่าน โปรดกล่าวรหัสลับ” เสียงที่อ่อนน้อมดังขึ้นอีกครั้ง

 

อิงอู๋เซี่ยกล่าว “สวรรค์มีเก้าชั้น”

 

เสียงสายเดิมตอบ “ปฐพีมีห้าภูมิภาค”

 

อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ “ข้ามผ่านวันเวลา”

 

เสียงลึกลับตอบรับ “ปกครองทุกสรรพสิ่ง”

 

เจ้าของเสียงคุกเข่าลง “ซื่อหนิวคารวะนายท่าน”

 

“ลุกขึ้น” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินโขกศีรษะลงบนพื้นสามครั้งก่อนจะลุกขึ้น

 

อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับอิงอู๋เซี่ย เขายังก้มศีรษะลง ดวงตาของเขามองไปที่ปลายเท้าของอิงอู๋เซี่ยและไม่กล้ามองหน้าฝ่ายตรงข้ามโดยตรง

 

กลิ่นอายของเขาชัดเจนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

 

อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณท่องแดนอมตะแต่จุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูหรือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ตรงข้ามเขาเดินทางมายังฐานทัพลับของนิกายเงาในภาคกลาง

 

อิงอู๋เซี่ยเป็นดวงวิญญาณแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

ก่อนหน้านี้เขายังไร้เดียงสาราวกับเด็กแรกเกิดเนื่องจากกายาแห่งความฝันลบความทรงจำทั้งหมดของเขาออกไป

 

แต่หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดและได้รับความทรงจำบางส่วนจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา อิงอู๋เซี่ยจึงเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่งอย่างรวดเร็วและสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น

 

เขากำเนิดใหม่และรู้แผนการของฟางหยวน

 

แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้วิญญาณที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะขณะที่เจตจำนงปลอมของฟางหยวนยังแฝงตัวอยู่ในใจและส่งผลกระทบต่อความคิดของเขา

 

ในสถานการณ์นี้มีเพียงวิญญาณท่องแดนอมตะเท่านั้นที่อิงอู๋เซี่ยสามารถใช้งาน

 

หากเขาเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยปราศจากการเตรียมตัว เขาอาจถูกค้นพบโดยจิตวิญญาณแผ่นดิน นั่นจะทำให้เขาพบปัญหา

 

ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อเตรียมการเป็นอันดับแรก

 

“ก่อนอื่นพาข้าไปยังห้องโถงหลักใต้พิภพ” อิงอู๋เซี่ยออกคำสั่ง

 

“ทราบแล้ว” ผู้อมตะซื่อหนิวเร่งตอบรับ

 

หลังจากชั่วครู่ทั้งสองก็ไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พิภพ

 

รอบห้องเต็มไปด้วยค่ายกลวิญญาณที่ช่วยปกปิดและป้องกัน

 

อิงอู๋เซี่ยมองไปยังดวงจิตวิญญาณที่อยู่ลอยกลางห้อง

 

เขาสังเกตมันและถอนหายใจ

 

นี่คือดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของโป้ชิง!

 

ย้อนกลับไปโป้ชิงล้มเหลวในภัยพิบัติและถูกช่วยไว้อย่างฉิวเฉียดโดยสีเหลือง หลายพันปีผ่านไปแต่ดวงวิญญาณของโป้ชิงยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นอกจากนั้นขนาดของดวงวิญญาณของเขายังหดเล็กลงเรื่อยๆอีกด้วย

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีจากภัยพิบัติครั้งนั้นยังวนเวียนอยู่รอบๆดวงวิญญาณของโป้ชิง แม้เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีคอยช่วยเหลือ แต่มันก็เป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษา

 

อย่างไรก็ตามนิกายเงาไม่เคยยอมแพ้

 

พวกเขาสร้างสถานที่แห่งนี้และเลี้ยงเผ่ามนุษย์หินเอาไว้ที่นี่ หลังจากผ่านวันเวลาผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินจึงถือกำเนิดขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินผู้นี้ก็คือซื่อหนิว

 

แม้ซื่อหนิวจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่พลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ธรรมดา

 

น่าเสียดายในช่วงเวลาที่นิกายเงาต้องการความช่วยเหลือจากเขา วานรยักษ์ตาเดียวกลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้และขับไล่มันไป

 

ด้วยเหตุนี้ซื่อหนิวจึงรอดชีวิตจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน

 

แท้จริงแล้วมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมายเกิดขึ้นกับนิกายเงา

 

นอกเหนือจากซื่อหนิว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือฉินไป่เฉิงที่วิ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้อ

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณวางแผนหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะและท้าทายสวรรค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่สวรรค์จะต้องการหยุดเขา หากเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นปีศาจต่างโลก สถานการณ์ของเขาอาจดีกว่านี้ น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ ดังนั้นเขาจึงถูกยับยั้งโดยเจตจำนงสวรรค์

 

นิกายเงาขยายอิทธิพลไปทั่วโลก พวกเขามีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์คอยขัดขวางพวกเขา นิกายเงาจึงไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด

 

หลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณพ่ายแพ้ สมาชิกนิกายเงาที่รอดชีวิตต่างแยกย้ายกันไปโดยเฉพาะกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

 

อย่างไรก็ตามนิกายเงายังทิ้งบางสิ่งเอาไว้เบื้องหลัง

 

ตัวอย่างเช่นผู้อมตะซื่อหนิวผู้นี้

 

หลังจากครึ่งชั่วโมง

 

“ที่นี่คือที่ใด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงออกมาจากมิติช่องว่างของอิงอู๋เซี่ย

 

“ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตามออกมาหลังจากนั้น

 

ทั้งสองมองไปรอบๆด้วยความสงสัย

 

ห้องใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ แต่เมื่อทั้งสองใช้วิญญาณสายตรวจสอบ พวกเขากลับพบว่าที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆของเขาวงกตใต้พิภพเท่านั้น

 

“ที่นี่คือถ้ำของมนุษย์หินงั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม

 

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “ถูกต้อง เรากลับมาภาคกลางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราอยู่ที่นรกใต้พิภพ เผ่ามนุษย์หินถูกย้ายออกไปแล้ว มันกลายเป็นฐานทัพลับของท่านอาจารย์”

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าวางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวไว้ในนรกใต้พิภพ ดังนั้นมันก็เป็นสถานที่ที่ท่านอาจารย์จัดเตรียมไว้ให้” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเผยรอยยิ้มบาง

 

‘แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวของฟางหยวนก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ อิงอู๋เซี่ยลอบคิด

 

“ราชันภูเขาม่วง?” หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อคิดถึงราชันภูเขาม่วง นางเปิดปากถาม “เหตุใดเจ้าไม่กลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยตรง?”

 

อิงอู๋เซี่ยเตรียมคำตอบไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบกลับอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการกลับ แต่ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยแล้ว ผู้อมตะวังสวรรค์รู้เรื่องเกี่ยวกับข้า แม้ความเร็วของพวกเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่พวกเขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกเขาสามารถออกคำสั่งให้นิกายโบราณทั้งสิบยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูได้ทันที สุดท้ายพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”

 

“หากเรากลับไปที่นั่นโดยตรง มันอาจไม่ต่างจากการส่งตนเองเข้าสู่กับดัก ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเป็นอันดับแรก”

 

“แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?” ไห่ลั่วหลันถามต่อ

 

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “เป็นดังคาด ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย นิกายโบราณทั้งสิบรู้แล้วว่าข้าอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ตอนนี้พวกเขากำลังบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู”

 

ไท่เป่ยหยุนเฉิงตกใจมาก “ภูเขาตงฮันอยู่ที่นั่น พวกเราควรทำเช่นไร?”

 

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้ว่าฟางหยวนมีวิธีลบสถานะผีดิบแล้ว ดังนั้นภูเขาตงฮันจึงถูกลดคุณค่าลง อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูยังเต็มไปด้วยสมบัติและเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวน

 

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเย้ยหยัน “ปล่อยให้นิกายโบราณทั้งสิบนำแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไป ไม่ช้าก็เร็วข้าจะนำมันกลับมา เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้คือการเตรียมตัวและฟื้นฟู…อา…”

 

อิงอู๋เซี่ยหยุดพูดอย่างกะทันหันและเผยใบหน้าตกใจ

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเร่งถาม

 

ความโกรธพุ่งผ่านดวงตาของอิงอู๋เซี่ยก่อนที่เขาจะปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าและนำเศษชิ้นส่วนของวิญญาณท่องแดนอมตะที่ถูกทำลายออกมา “ข้าถูกโจมตีโดยการจัดเตรียมของนิกายเงา ตอนนี้วิญญาณท่องแดนอมตะถูกทำลายแล้ว!”

 

“นี่!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันตกใจและเสียใจมาก

 

วิญญาณท่องแดนอมตะมีประโยชน์อย่างแท้จริง เมื่อมันถูกทำลาย ช่วยไม่ได้ที่คนทั้งสามจะรู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่

 

อิงอู๋เซี่ยคิดด้วยความโกรธ ‘วิญญาณท่องแดนอมตะจะระเบิดตัวเองอย่างกะทันหันได้อย่างไร? ดูเหมือนฟางหยวนจะทิ้งบางอย่างเอาไว้ บัดซบ! เขาวางแผนทั้งหมด! เมื่อวิญญาณท่องแดนอมตะสามารถระเบิดตัวเอง วิญญาณดวงอื่นของเขาก็คงไม่ต่างกัน’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไป

 

เขาต้องคิดวิธีกำหราบวิญญาณของฟางหยวน

 

หลังจากทั้งหมดแผนการของฟางหยวนเป็นสิ่งที่อิงอู๋เซี่ยไม่เคยคิดและเตรียมตัวมาก่อน

 

‘เจตจำนงพิเศษ! มันต้องเป็นเจตจำนงพิเศษ! ดูเหมือนข้าต้องแข่งกับเวลา ข้าต้องยืมวิญญาณอมตะมาเพื่อกำหราบพวกมัน ข้าไม่สามารถปล่อยให้พวกมันระเบิดตัวเองอีก!’ อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอยู่ภายใน

 

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกผิดปกติและถามด้วยความกังวล “ฟางหยวน เกิดสิ่งใดขึ้นงั้นหรือ?”

 

ใบหน้าของอิงอู๋เซี่ยมืดมนมาก “มีปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ไข มิฉะนั้นวิญญาณดวงอื่นๆของข้าจะมีจุดจบเดียวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ!”

 

“กระไรนะ!? มีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยได้หรือไม่?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล

 

“พวกเจ้าสามารถพักผ่อน มนุษย์หินจะพาพวกเจ้าไปยังห้องพัก ข้าสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ ไม่ว่าอย่างไรท่านอาจารย์ก็ไม่ทอดทิ้งพวกเรา หลังจากทั้งหมดพวกเรายังมีพันธมิตร” อิงอู๋เซี่ยกล่าวและเร่งเดินจากไป

 

ในเวลาเดียวกันที่ภูเขาเทียนตี้ของภาคกลาง

 

“เราทะลวงเข้าไปได้แล้ว!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูสุดท้ายก็ตกเป็นของพวกเรา!”

 

“ให้ข้าดูว่าเด็กผู้นี้ได้รับผลประโยชน์ใดบ้าง!”

 

“ใจเย็น อย่าลืมว่าภูเขาตงฮันจะถูกแบ่งปันให้กับทั้งสิบนิกายโบราณ”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางบินเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูด้วยความตื่นเต้น

 

แต่หลังจากนั้นร่างกายของพวกเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

 

“มันว่างเปล่าได้อย่างไร?”

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

“ภูเขาตงฮันอยู่ที่ใด?”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกรีดร้อง

 

“ท่านคือฟงจิวเก้อใช่หรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฟงจิวเก้อและมองเขาด้วยความโศกเศร้า

 

ฟงจิวเก้อพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง เป็นข้า”

 

“เจ้านายของข้าสั่งให้ข้าบอกท่านว่าเขาได้นำทุกสิ่งที่จำเป็นออกไปจากที่นี่แล้ว สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู มันจะถูกมอบให้เป็นกรรมสิทธิของฟงจินฮวงบุตรสาวของท่าน” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

 

“กระไรนะ!? ฟางหยวนเร็วกว่าพวกเรางั้นหรือ?”

 

“จากการอนุมานของพวกเรา ไม่ใช่ว่าเขายังอยู่ที่ภาคใต้เช่นนั้นหรือ?”

 

“เหตุใดเขาจึงมอบแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูให้กับฟงจินฮวง เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาทั้งสอง…”

 

“กล่าวถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่การประลองบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกเขาดูสนิทสนมกันมาก ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้”

 

กลุ่มผู้อมตะกระซิบกระซาบ

 

แต่เพียงเมื่อสายตาของฟงจิวเก้อกวาดผ่านพวกเขา เสียงกระซิบก็หยุดลงทันที