ส่วนที่ 13 ไม่พึ่งทักษะการแสดง พึ่งพิงคนจ่ายเงิน ตอนที่ 13 ไม่พึ่งทักษะการแสดง พึ่งพิงคนจ่ายเงิน (13)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ในห้องแต่งหน้า เมื่อเห็นซูหว่านแสดงท่าทีเฉยเมยต่อตัวเอง หลินมู่ก็ยังคงยิ้มหล่อเหลา “ผมเลิกงานแล้วพอดี เราออกไปกินข้าวด้วยกันไหม”

กินข้าว?

ซูหว่านเลิกตาขึ้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่จิ่วเยี่ยที่อยู่ข้างหลังของเธอมีแววประกายขึ้นในดวงตา สาวน้อยแอบหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา เตรียมแอบถ่ายทั้งสองคน

สิทธิพิเศษ! สิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้น เทพบุตรกับเทพธิดากำลังจะไปเดตแล้ว!

สาวน้อยจิ่วเยี่ยรู้สึกว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องแอบถ่ายรูปให้ได้สักภาพหนึ่ง แล้วเก็บไว้เป็นของมีค่าในโทรศัพท์ตลอดไป~

ตี๊ด ตี๊ด

ในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือของซูหว่านก็ดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาและเห็นว่าเป็นข้อความเวยซิ่นที่ซูรุ่ยส่งมา

[เยี่ยเส่าหลิง: ผมอยู่นอกกองถ่าย รอคุณเลิกงานแล้วไปกินข้าวด้วยกัน]

“ว้า”

ซูหว่านยิ้มแล้วยิ้มอีก ยกมือถือชูขึ้นหน้าหลินมู่แล้วเขย่าไปมา “มีนัดแล้ว เขารอฉันอยู่ข้างนอก ดังนั้น นายคงต้องไปคนเดียวแล้วล่ะ”

พูดจบแล้ว ซูหว่านก็หลับตาแล้วพิงเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ จิ่วเยี่ยที่อยู่ข้างหลังก็ก้มหน้าทำหน้าที่ตัวเองเช็ดเครื่องสำอางให้ซูหว่านต่อไป

ใบหน้าของหลินมู่ที่อยู่ด้านข้างเริ่มเย็นชาลง ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทสั่งให้ใช้ประโยชน์จากกระแสของซูหว่านมาปลุกความนิยมให้หนังของตัวเอง เธอคิดว่าเขาจะเต็มใจมาหาเธอเหรอ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงละโมบโลภมาก ตอนนี้เธอเลิกกับหลูจวิ้นแล้ว เธอก็ควรอาศัยกลเม็ดต่างๆ เพื่อครองพาดหัวข่าวบันเทิง ความกระตือรือร้นเพื่อความสำเร็จอย่างรวดเร็วดังกล่าวไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว

จะพูดให้ถูกคือ จากก้นบึ้งหัวใจของหลินมู่นั้นดูถูกดาราหญิงอย่างซูหว่านมาก แล้วซูหว่านล่ะ

คุณดูถูกฉันเหรอ

งั้นก็ดี เพราะฉันเองก็ดูถูกคุณเหมือนกัน!

นักแสดงหนุ่มแถวหน้าโดดเด่นแล้วไงเหรอ เล่นละครเก่งแล้วยังไงเหรอ สุดท้ายแล้วก็เป็นศิลปินคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ หลินมู่ ถึงนายจะคุณธรรมสูงส่งขนาดไหนก็ยังต้องกลับไปดูท่าทีการทำงานของบริษัทไม่ใช่เหรอ

นายสูงส่ง นายทะนงตัว ถ้ามีความสามารถก็ไม่ต้องมาหาฉันเพื่อสร้างข่าวสิ!

สำหรับคนอย่างหลินมู่ที่สำคัญตัวมองตนเองไว้สูงสุด ซูหว่านไม่มีความประทับใจใดๆ เลย

รอจนจิ่วเยี่ยช่วยเช็ดเครื่องสำอางให้ซูหว่านเสร็จแล้ว ซูหว่านก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่อยู่ด้านข้างและเปลี่ยนเสื้อของตัวเอง เมื่อเธอออกมาอีกครั้ง หลินมู่ก็จากไปแล้ว แต่อู๋ถงก็เดินเร็วๆ เข้ามาพอดีในเวลานี้ “พี่ซู ผมเห็นคุณชายสาม…รถคันนั้นของใครจอดอยู่ข้างนอกครับ”

“อืม ฉันรู้แล้ว เขามารับฉันไปกินข้าว วันนี้นายได้เลิกงานเร็วแล้ว!”

ซูหว่านหยิบกระเป๋าใบเล็กของตัวเองขึ้นมาขณะพูด ใบหน้าเล็กของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเดินออกไป

“พี่อู๋ พี่อู๋!”

จิ่วเยี่ยที่อยู่ข้างหลังเขารีบคว้าแขนอู๋ถงไว้และถามอย่างใคร่รู้ “ใครรอพี่ซูอยู่ข้างนอกเหรอ ใช่แฟนของพี่ซูหรือเปล่า ใครอะ ใครอะ”

“เด็กน้อย ไม่มีอะไรก็ถามไปเรื่อย!”

อู๋ถงดึงแขนตัวเองออก ยกมือขึ้นตบหัวจิ่วเยี่ยเบาๆ “เธอก็เลิกงานกลับบ้านเถอะ รอละครเรื่องใหม่เริ่มอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วัน เธอก็ไม่ว่างแล้ว”

“ชิ!”

เมื่อเห็นอู๋ถงไม่เต็มใจเล่ามากกว่านี้ จิ่วเยี่ยก็กลอกตาตัวเอง รีบเก็บของแล้วก้าวตามไปเร็วๆ ทันที

ไม่บอกฉัน ฉันเห็นกับตาตัวเองไม่เป็นหรือไง!

นี่เห็นใต้คิ้วฉันมีรูสองรูเหรอ

ในเวลานี้ ด้านนอกสตูดิโอ

ซูหว่านเดินออกจากสตูดิโออย่างคุ้นเคยเส้นทาง ระหว่างทางนั้นเธอเห็นซูรุ่ยยืนพิงรถมาเซราติสีดำอยู่ตั้งแต่ไกล

นี่เป็นแบรนด์โปรดของเขา

เขาที่สวมเสื้อโค้ตกันลมสีดำ ทำให้ซูหว่านนึกถึงฉากที่เขาและเธอได้พบกันครั้งแรกโดยไม่รู้ตัว

ผ่านโลกหลายใบแล้วในชั่วพริบตา แต่ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขายังคงพิมพ์ไว้อย่างชัดเจนในใจเธอ ราวกับเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน

“เลิกงานแล้วเหรอ”

เมื่อซูรุ่ยเห็นซูหว่านก็ยิ้มกว้างและอ้าแขนออก

“อืม วันนี้แค่มาที่สตูดิโอเฉยๆ”

ซูหว่านกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของซูรุ่ยและปล่อยให้เขากอด แล้วก็แยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว “ไปเถอะ ตรงนี้คนเยอะเป็นหูตาสับปะรด พวกเราไปกินข้าวกัน!”

หลังจากที่ซูหว่านและซูรุ่ยจากไป จิ่วเยี่ยเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกับมือถือที่อยู่ในมือ

ที่แท้เทพธิดาก็มีเจ้าของแล้วจริงๆ แต่เจ้าของคนนั้นกลับไม่ใช่เทพบุตรในใจเธอ!

กลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นหัวใจแตกสลายแล้ว~

แต่ว่านะ…

จิ่วเยี่ยมองภาพคนสองคนที่กอดกันอยู่ในมือถือของเธอ แฟนใหม่ของพี่ซูหล่อมาเลยอ่ะ! เท่กว่าหลูจวิ้นอีก แค่เห็นหน้าในรูปก็ทำให้หน้าแดงแล้ว! แต่ว่าผู้ชายที่ดูมีนิสัยเฉพาะตัวแบบนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าฐานะทางสังคมต้องดีแน่ ช่างเหมาะสมกับพี่ซูนัก

“มองอะไรอยู่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงของหลินมู่ที่ดังมาจากข้างหลัง จิ่วเยี่ยตกใจจนสองมือลื่น โทรศัพท์ในฝ่ามือก็เกือบจะตกลงไปบนพื้น โชคดีที่หลินมู่ที่อยู่ด้านข้างช่วยรับโทรศัพท์ของเธอไว้ได้อย่างรวดเร็ว

“ตกใจอะไรกัน ฉันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”

หลินมู่ยิ้มขณะหยิบโทรศัพท์ของจิ่วเยี่ยขึ้นมา เห็นภาพที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เขาก็ตกใจเล็กน้อย

“นี่คือ…”

“ว้าย!”

จิ่วเยี่ยเริ่มประหม่าทันที “ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบถ่ายนะคะ ฉันไม่ได้คิดอะไร ฉันแค่ แค่…”

เธอประหม่าและอยากอธิบายสักสองสามคำ แต่ยิ่งพูดกลับยิ่งไม่ชัดเจน

“เอาล่ะๆ ใจเย็นๆ ก่อน”

แววตาของหลินมู่เป็นประกาย “ตอนนี้ฉันว่างพอดี เธอยังไม่กินข้าวใช่ไหม ฉันเลี้ยงข้าวเธอเป็นไง”

“เลี้ยง…ฉัน?”

เทพบุตรจะเลี้ยงข้าวฉัน?

จิ่วเยี่ยรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองต้องรับบทเป็นตัวละครนำอย่างแน่นอน

“เยี่ยม โอเคค่ะโอเค!”

เมื่อเห็นจิ่วเยี่ยตกลงรับคำเชิญของเขาอย่างมีความสุข หลินมู่ก็ยิ้มเล็กน้อย “ไปเถอะ ฉันจะไปเอารถ”

ตอนที่หลินมู่เลี้ยงอาหารจิ่วเยี่ยมื้อใหญ่ แม่ทัพซูก็ได้พาคุณภรรยาของเขากลับมาที่คอนโดแล้ว

กินข้าว? แน่นอนว่าต้องเป็นอาหารเย็นที่แม่ทัพซูเป็นคนลงมือทำเอง

เมื่อเห็นดอกกุหลาบและเทียนวางอยู่บนโต๊ะในคอนโด ซูหว่านก็ตะลึงไปเล็กน้อย

“ชอบไหม เดี๋ยวฉันจะทำอาหาร เอาสเต๊กรูปหัวใจ ไวน์ลาตูร์ (Latour)”

ขณะที่ซูรุ่ยพูดเขาก็ให้ซูหว่านนั่งลงบนเก้าอีกข้างโต๊ะอาหาร ใบหน้าของซูหว่านยกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุขโดยไม่ได้ตั้งใจ “ให้ฉันช่วยไหม”

“ไม่เป็นไร”

ซูรุ่ยม้วนแขนเสื้อขึ้น “ภรรยา คุณรอแค่รอกินก็พอแล้ว”

ขณะที่พูดเขาก็ก้าวเร็วๆ เข้าไปในห้องครัวแล้ว มองดูเขาวุ่นวายไปมาอยู่ในครัว ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้านหลังที่ยุ่งอยู่ของซูรุ่ย

นี่เป็นครั้งแรกที่คนสองคนจะได้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกที่บ้าน ด้วยบรรยากาศอบอุ่นและอ่อนหวาน

มีข้อบกพร่องเล็กน้อยในความสมบูรณ์แบบนี้ก็คืออู๋ถงที่โทรเข้ามาทั้งที่กินข้าวยังไม่เรียบร้อยเลย!

“พี่ซู รูปพี่กับคุณชายสามโดนคนปล่อยลงเน็ตแล้ว เดี๋ยวผมส่งแอดเดรสให้ พี่ลองดูนะ!”

หือ

เมื่อวางโทรศัพท์แล้ว ซูหว่านก็เข้าสู่กระทู้ตามแอดเดรสที่อู๋ถงส่งมา ในนั้นมีแอ็กเค้านต์เล็กๆ ที่โพสต์ภาพโดยไม่เปิดเผยตัวตน ภาพนี้ถูกรีโพสต์ไปแล้วกว่าหลายแสนครั้งในเวลานี้ ส่วนความคิดเห็นด้านล่างก็มากเกินหกหลักไปแล้ว

ภาพนั้นเป็นภาพที่ซูหว่านกอดอยู่กับซูรุ่ยที่ด้านนอกสตูดิโอ ความละเอียดของภาพก็สูงมาก เห็นใบหน้าของทั้งสองคนชัดเจนมาก

“โฮ่ ถ่ายได้ไม่เลวเลย”

ซูรุ่ยลูบคางแล้วมองรูปบนเว็บไซต์ด้วยรอยยิ้มตาหยี “ฝีมือถ่ายรูปของสาวน้อยคนนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ มือถือยี่ห้ออะไรเนี่ย ความละเอียดภาพสูงมาก! น่าเสียดายที่เธอไม่ไปเป็นช่างภาพนะ!”

ที่จริงแล้วที่ด้านนอกสตูดิโอ จิ่วเยี่ยแอบตามซูหว่านมาตลอด และซูหว่านก็จับได้ตั้งนานแล้ว และตอนที่เธอถ่ายรูปแม่ทัพซูก็รู้สึกได้แล้ว คุณคิดว่าแอบถ่ายตามใจชอบจะถ่ายเห็นทั้งหน้าได้แบบนี้เหรอ

แม่ทัพซูของเราจงใจโพสต์ท่าให้ถ่ายรูปต่างหาก

“ไม่น่าจะใช่จิ่วเยี่ยที่โพสต์รูปนะ”

ซูหว่านเหลือบมองซูรุ่ยเล็กน้อย “สาวน้อยจิ่วเยี่ยมีบุคลิกที่ดี แต่เธอก็ไม่ได้มีไหวพริบมากขนาดนั้น”

จิ่วเยี่ยกับซูหว่านก็ทำงานมาด้วยกันหลายปีแล้ว ด้วยบุคลิกของเธอซูหว่านรู้สึกว่าไว้ใจเธอได้ แม้บางครั้งสาวน้อยคนนั้นจะชอบแอบถ่ายรูปไอดอลของเธอ แต่เธอก็เคยให้สัญญาว่าจะไม่เอารูปพวกนี้โพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ต

“หือ ตอนนี้มีคนขุดข้อมูลของคุณแล้วสินะ!”

ซูหว่านเปิดเข้าไปอ่านความคิดเห็นสองสามหน้าโดยไม่ตั้งใจ แน่นอนว่าตัวตนของซูรุ่ยในฐานะคุณชายสามแห่งตระกูลเยี่ยชนชั้นสูงที่กลับมาจากต่างประเทศ ได้ถูกคนขุดขึ้นมาแล้ว

“อืม”

ซูรุ่ยใช่แท็บเล็ตของเขาเข้าเวยป๋อของตัวเอง ตอนนี้มีความคิดเห็นมากมายใต้เวยป๋อของเขา

“ภรรยา รีบส่งรูปนั้นที่จิ่วเยี่ยถ่ายส่งมาให้ผม ถ่ายรูปผมออกมาหล่อขนาดนี้ ผมจะเอามาอวดในเวยป๋อ!”

“ไม่เอา ฉันรู้สึกว่ารูปนั้นฉันอ้วน ฉันไม่ชอบ”

ซูหว่านคว้าแท็บเล็ตในมือของซูรุ่ยไป “คุณเองก็ห้ามโพสต์ ฉันไม่อนุญาตให้คุณลงรูปนั้น!”

ดังนั้นพูดได้ว่า ท่ามกลางการคาดเดามากมายในโลกภายนอกและความคิดเห็นที่โกลาหลของผู้คน สองคนต้นเรื่องนี้ก็กำลังโต้เถียงเกี่ยวกับรูปนี้ ในท้ายที่สุด คู่สามีภรรยาซูตัดสินใจจะถ่ายรูปเซลฟี่ที่บ้านเพิ่มสักสองสามภาพ อัปโหลดรูปที่ดีที่สุด อืม! เป็นการตัดสินใจที่มีความสุขอะไรอย่างนี้!