บทที่ 150

“เจตจํานงฟ้าดินนั้นกําลังกีดกันเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เปิดโอกาศให้ก้าวเดินไปในวิถีที่ถูกต้อง!”

ดวงตาของฉินมู่เบิกกว้างเมื่อเขารับรู้ความลับสุดยอดของจักรวาลนี้

เจตจํานงฟ้าดินเป็นส่วนที่สําคัญที่สุดของจักรวาลนี้และเป็นรากฐานการมีอยู่ของจักรวาลนี้

ทุกสิ่งเชื่อมต่อกับมันและเป็นอยู่ตามที่มันกําหนด

เรียกได้ว่าก็ได้ในโลกอื่นๆมันก็เป็นเหมือนกับตัวตนของยอดฝีมือที่สามารถปกครองวิถีและสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

แต่ในจักรวาลนี้เจตจํานงฟ้าดินนั้นไม่มีความนึกคิดเพียงแต่เคลื่อนไหวไปตามกฎหากไม่มีสิ่งมีชีวิตขึ้นสู่เส้นทางระดับสุดยอด มันก็จะซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดในจักรวาลอยู่

เสมอและจะไม่ปรากฏให้เห็น

หากมีสิ่งมีชีวิตขึ้นสู่เส้นทางระดับสุดยอดเจตจํานงฟ้าดินจะปรากฏขึ้นและพบกับสิ่งมีชีวิต

และเมื่อสิ่งมีชีวิตนั้นตายลงมันก็จะกลับไปยังที่ของมัน

แต่ตอนนี้ฉินปูได้ค้นพบว่าบนเจตจํานงฟ้าดินนี้มีสิ่งที่เหมือนกับพันธนาการติดอยู่กับวิถีทั้งปวงปิดกั้นเส้นทางที่ถูกต้องของเผ่าพันธุ์มนุษย์!

แล้วพวกเขาจะเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้องได้อย่างไร?

พรสวรรค์และความพากเพียรนั้นเป็นสิ่งสําคัญ แต่สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือโอกาสและวาสนาอันยิ่งใหญ่!

แต่บัดนี้ เนื่องจากมีสิ่งที่เป็นเหมือนกับพันธนาการบนเจตจํานงฟ้าดินกีดกันโชคของเผ่าพันธุ์มนุษย์และปิดกั้นโอกาสของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นเหตุให้ตั้งแต่อดีตแม้ว่าจะมีผู้มากพรสวรรค์เพียงใดก็ไม่อาจเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้!

มันคือพันธนาการและการควบคุมของฟ้าดิน ไม่อาจฝ่าฝืนได้เลย

และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ ความลับนี้ไม่อาจค้นพบได้เลยเว้นเสียแต่จะไปถึงเขตแดนเซียน

ส่องโลกา ไม่อาจพบได้แม้ว่าจะมีพลังยุทธ์ระดับสุดยอดอยู่ก็ตาม

และถ้าหากต้องการทําลายมัน ก็ต้องอยู่ในเขตแดนเซียนส่องโลกาด้วยเช่นเดียวกันสิ่งนี้จึงนําไปสู่ความจริงที่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกปิดกั้นมานานปีและไม่อาจเดินบนเส้นทางที่แท้

จริงได้ ไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นไม่แข็งแรงเพียงพอแต่เป็นเพราะว่าในจักรวาลนี้มีพันธนาการที่ป้องกันการปรากฏตัวของผู้ฝึกยุทธบนเส้นทางที่ถูกต้องเผ่าพันธุ์มนุษย์!

ปัญหานี่เป็นเงื่อนที่ไร้ทางแก้

หากไม่ได้เข้าสู่เขตแดนเซียนส่องโลกาก็ไม่อาจทําลายพันธนาการนี้ได้

แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถแม้แต่จะไปถึงเขตแดนระดับสุดยอด และไม่อาจค้นพบ

พันธนาการนี้ได้แล้วจะให้ทําลายได้อย่างไร?

ได๋

แล้วเซียนส่องโลกานั้นยากยิ่งกว่า และอาจใช้เวลาหลายร้อยล้านปีถึงจะปรากฏสักคนหนึ่ง

ดังนั้น ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลนี้ถูกซ่อนไว้หลายปีโดยไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆสามารถรู้

“น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก…”

ดวงตาฉินมู่ดูล้ำลึกเหตุใดเจตจํานงฟ้าดินในจักรวาลนี้ถึงกีดกันเผ่าพันธุ์มนุษย์?

เหตุผลทั่วไปไม่อาจอธิบายได้เลย

บางที เหตุผลที่แท้จริงเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยหายไปในจักรวาลนี้!”อย่างไรก็ตามข้าอาจใช้พันธนาการแห่งเจตจํานงฟ้าดินนี้เพื่อแผนการของข้าเอง”

ฉินมู่มองดูเจตจํานงฟ้าดินในมือของเขาพร้อมกับครุ่นคิด

“นี่เป็นโอกาส ตัวตนที่สองของข้าสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้และถือโอกาสเปิดตัวได๋”

ฉินมู่ยื่นมือออกไปแล้ววางเจตจํานงฟ้าดินกลับไปโดยไม่เกรงกลัวใดๆ

เขายืนอยู่สุดขอบจักรวาล ความคิดของเขาเปลี่ยนไป เคลื่อนวิถีนับหมื่น ทําให้พวกมันคารามกึกก้องทะเลแห่งดวงดาวสั่นสะเทือน และกระแสพลังแห่งความหายนะได่ปกคลุมจักรวาลอีกครั้ง!

เพื่อปลดพันธนาการบนเจตจํานงฟ้าดิน มันจําเป็นที่จะต้องดึงดูดวิถีนับหมื่นและทําลายการ

เชื่อมต่อระหว่างวิถีนับหมื่นกับเจตจํานงฟ้าดินแล้วจากนั้นถึงจะปลดพันธนาการถึงเป็นการสําเร็จ

และสิ่งที่ฉินมู่กําลังทําอยู่นั้นคือการเรียกวิถีนับหมื่นให้ปรากฏ ปลดพันธนาการเปิดเส้นทาง

ของเผ่าพันธุ์มนุษย์!

การกระทําเช่นนี้ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับโดยฟ้าดินและแน่นอนว่าจะนํามาซึ่งการต่อต้านอย่างดุ

เดือดจากต้นกําเนิดของจักรวาลนี้!

ตูม!

ทัณฑ์สวรรค์อันยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นในทันใด ไม่รู้ว่าในจักรวาลได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปขนาดไหนทะเลแห่งอัสนีนั้นกว้างใหญ่เต็มท้องฟ้าซึ่งสามารถทําลายล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในพิภพได้

กระแสะพลังอันน่ากลัวที่สามารถทําลายจักรวาลและฟ้าดิน แผ่ไปทั่วทั้งจักรวาลทุกสรรพ

ชีวิตตื่นตระหนกโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

มีเพียงเหล่ายอดยุทธ์สูงสุดโบราณในเขตต้องห้ามโบราณรู้สึกถึงบางอย่างพวกเขามองไป

ที่สุดขอบจักรวาลอันโดดเดี่ยว ดวงตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ

นี่ไม่ใช่ทัณฑ์สวรรค์ของการก้าวข้ามสู่เขตแดนระดับสุดยอด แต่มันน่ากลัวยิ่งกว่านั้น!

“ใครกัน… เขาทําอะไรอยู่?”

ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณกระซิบอย่างแผ่วเบา เสียงเต็มไปด้วยความตกใจ

เขามองเห็นว่าที่สุดขอบจักรวาลอันโดดเดี่ยวที่ความโกลาหลกําลังพลุ่งพล่านมีภาพของวิถี

นับหมื่นร้องคําราม ทวยเทพกวาดล้าง และพลังแห่งการลงทัณฑ์สวรรค์อันไร้ที่สุดสั่นสะเทือนดาราจักรตอนนี้ทั่วทั้งจักรวาลราวกับถูกเปิดออกอีกครั้ง

และใจกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงอัสนี มีเงาเลือนรางของร่างหนึ่งยืนอยู่อย่างองอาจและไร้ซึ่งเทียบได้ฉีกท้องฟ้าดึงวิถีและเหยียบทุกอย่างอยู่ใต้ฝ่าเท้า!

“เขาเป็นใครกัน? เขาคิดจะทําอะไร?”

ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณในเขตต้องห้ามตัวสั่นเทา พวกเขารู้สึกได้ว่าวิถีในร่างกายกําลังสั่นไหว

การกระชากวิถีนับหมื่นของฝ่ายตรงข้ามนั้นได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณเหล่านี้ล้วนได้เดินบนเส้นทางที่จริงในสมัยก่อนและพบเจอกับวิถีนับหมื่นกัน

ตอนนี้วิถีนับหมื่นแห่งจักรวาลได้รับผลกระทบ แน่นอนว่าก็ย่อมส่งผลกระทบถึงพวกเขาเช่น

มันเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวที่สุดในพิภพทะเลอัสนีนับหมื่นเพลิงสวรรค์อันแผดเผาทัณฑ์แห่งสวรรค์ทั้งเก้าชั้นทัณฑ์อัสนีโกลาหล… พลังของทุกสิ่งทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นทั้งหมดของฟ้าดินรวมตัวแล้วพุ่งเข้าหาร่างนั้น

แต่ไม่ว่าอย่างไร ร่างที่พร่ามัวนั้นก็ยังคงยืนอยู่ แม้แต่พลังอันไร้ที่สิ้นสุดก็ไม่อาจทําสิ่งใดได้เลย

เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉีกท้องฟ้า และกระชากวิถีนับหมื่น

ท้ายที่สุด ในช่วงเวลาหนึ่งผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดในจักรวาลรู้สึกถึงความว่างเปล่าในหัวใจราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา

“ข้า… ข้าไม่อาจสัมผัสได้ถึงวิถีอีกต่อไป!”

หนึ่งผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ

ในขณะนั้น เขาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของวิถี!

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น นี่คือความรู้สึกของผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน แม้แต่ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณก็ไม่ได้ยกเว้น

แต่โชคดีที่ความรู้สึกนี้กินเวลาไม่นานแล้วก็หายไป

จากนั้นก็มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และสง่างามดังไปทั่วจักรวาล ทําให้ทุกสรรพชีวิตสั่นสะท้าน!

“บนฟากฟ้ามีพันธนาการ ขวางกั้นเส้นทางของเผ่าพันธุ์มนุษย์

วันนี้ ข้าได้ปรับแต่งวิถีนับหมื่นปลดพันธนาการในเจตจํานงฟ้าดิน เปิดเส้นทางที่แท้จริงของ

เผ่าพันธุ์มนุษย์!

หลังจากวันนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหลายจะสามารถเดินบนเส้นทางที่แท้จริงได้!”

เสียงอันยิ่งใหญ่ดังก้องไปทั่วจักรวาล

ช่วงเวลาต่อมาเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดในจักรวาลก็มีความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยค่าพูด

ในหูของพวกเขาเหมือนจะได้ยินเสียงบางอย่างแตกหัก

ที่ไหนสักแห่งพันธนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์แตกเป็นเสี่ยงๆ

เป็นฉินมู่ที่กระท่าเช่นนี้ปลดพันธนาการแห่งเจตจํานงฟ้าดินและเปิดเส้นทางจักรพรรดิ

สําหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์!