บทที่ 328: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างโลกใต้พิภพในทวีปตะวันออก (1)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 328: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างโลกใต้พิภพในทวีปตะวันออก (1)

หลังจากเงียบอยู่นาน ฉินเย่ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งในที่สุด “เจ้าเคยได้ยินชื่อ 12 ราชทูตมาก่อนหรือไม่ ?”

มันเป็นเพียงการเอ่ยลอย ๆ เท่านั้น และเขาก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบเท่าใดนัก แต่ไม่น่าเชื่อ วิญญาณตรงหน้ารีบโค้งคำนับจนหน้าผากแนบพื้นทันที “ข้าเคยได้ยินนายท่าน”

“เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใด ?” ดวงตาของฉินเย่เป็นประกายขึ้นทันที “เล่ามาทั้งหมด !”

เมื่อสัมผัสได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของฉินเย่ วิญญาณหมอผีก็ใช้เวลาครู่หนึ่งในการรวบรวมความคิดและเรียงลำดับความทรงจำของตัวเองก่อนจะตอบออกไปในที่สุด “นายท่าน… 12 ราชทูต… เคยเป็นตัวตนที่ราชาผีอิจฉามากที่สุด”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?”

“เพราะพวกเขาเคยโจมตีกองกำลังของราชาผี… นอกจากนี้ ข้าอาจจะไม่สามารถพูดถึงราชทูตตนอื่น ๆ ได้ แต่ข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างหลิวจี้หนูที่แม่น้ำยาลู่[1] พวกเขาไม่เพียงแต่โจมตีเราเท่านั้น แต่พวกเขา… ยังปิดเส้นทางไปสู่ฮันยาง ราชาผีพยายามติดต่อกับทางโลกใต้พิภพของญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง แต่ความพยายามพวกนั้นก็ต้องสูญเปล่าโดยหลิวจี้หนู”

เงียบ

ดวงตาของฉินเย่วาวโรจน์ราวกับเปลวไฟ มันแทบจะเหมือนกับเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้… บางอย่าง… ที่จะทำให้การประชุมราชสำนักในปลายปีนี้มีความหมายมากกว่าที่เคยคิดเอาไว้

สถานการณ์

เขาเริ่มจะมองเห็นภาพรวมแล้ว !

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่คิดมากนักในตอนนี้ เพราะอย่างไรแล้ว เขาก็อยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจ ดังนั้นหลังจากข่มความอารมณ์ภายในใจของตัวเอง เขาก็เอ่ยเสียงเย็น “มุไร”

“นายท่าน” มุไรซาดาคัตสึก็เดินเข้ามาจากด้านนอกและคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น เสียงของเขาดูห้วนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามเรียนรู้ภาษาของที่นี่อยู่

“เรียกอรากษสมาที่นี่เดี๋ยวนี้”

“รับทราบ”

ความคิดของเขาล่องลอยไปถึงการเตรียมการที่ได้ทำเอาไว้ตั้งแต่รับรู้ถึงการมีอยู่ของราชทูตทั้ง 12 เมื่อหลายเดือนก่อน คนเหล่านี้เป็นเหมือนดาบสองคม พวกเขาสามารถเป็นอันตราย แต่ก็สามารถเป็นประโยชน์ต่อยมโลกอย่างมากเช่นกัน !

เขาจะไม่มีทางส่งคำเชิญไปให้ราชทูตทั้ง 12 หากเขายังไม่ได้สมุดแห่งความเป็นตายกลับมาก่อนหน้านี้ เพราะอย่างไรแล้ว หัวใจมนุษย์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ และมันก็ยากยิ่งกว่าเดิมเมื่อเป็นความคิดของวิญญาณ กาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปอาจจะสลายความจงรักภักดีแม้แต่ของผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อยมโลกแห่งเก่าที่สุดออกไป แม้แต่หยางจีเย่เองเขาก็ไม่สามารถแน่ใจได้ในเวลานี้

และหากอีกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อโจมตียมโลกแห่งใหม่ แผ่นดินจีนก็จะต้องเจอศึกทั้งภายในและภายนอก ทั้งจากราชาผีทั้งสามและราชทูตทั้ง 12 สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วจะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นอย่างแน่นอน !

แต่–…

ตราบใดที่ราชทูตทั้ง 12 ล้มเลิกความคิดที่จะก่อกบฏ และต่อให้พวกเขาจะประกาศตั้งตนเป็นอิสระจากยมโลก ฉินเย่ก็สามารถเริ่มการเตรียมการสำหรับเส้นทางการค้ากับต่างชาติได้ทันที ! นอกจากนี้มันยังพอมีความเป็นไปได้ที่ราชทูตบางตนจะถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อยมโลกต่อไป

ด้วยเหตุนี้ รางวัลที่รออยู่จึงมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเสียอีก

ทหารวิญญาณที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจำนวน 5,000 นาย ภาพรวมที่สมบูรณ์สำหรับการร่วมมือกันของโลกใต้พิภพ และที่สำคัญที่สุด… ผู้มีพรสวรรค์

มีราชทูตตนใดที่ไม่ใช่บุคคลผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์บ้าง ? ยมโลกแห่งใหม่กำลังขาดผู้มีพรสวรรค์ และการมีอยู่ของกลุ่มคนเหล่านี้ก็มีค่ายิ่งกว่าเส้นทางการค้าเสียอีก !

“หากยมโลกต้องการจะยืนหยัดต่อสู้กับสายตาที่หิวกระหายจากรอบข้าง เราก็ต้องมีกองกำลังเป็นของตนเอง และต้องเป็นกองกำลังที่ทรงพลังมากเสียด้วย สร้างกองทัพ ทำวิจัยและพัฒนาอาวุธใหม่ ๆ จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก มันเป็นเหมือนกับหลุมดำของเงินทุนที่ไม่มีวันจบ ยมโลกในตอนนี้มีขนาดเท่าเมือง และมันก็ยังไม่มีเส้นทางการค้าใด ๆ ทั้งสิ้น พวกเราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาจุดยืนอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ต่อไป…” เขารวบรวมความคิดและพึมพำกับตนเองขณะที่พยักหน้า “ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการทำการค้ากับต่างประเทศครั้งแรกของยมโลก… การประชุมราชสำนักในปลายปีจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด !”

ทันใดนั้นเอง อาร์ทิสก็มาถึง วิญญาณหมอผีตกใจจนแทบจะกรีดร้องออกมาเสียงดัง แต่อาร์ทิสเพียงปรายตามองอีกฝ่ายเท่านั้น “ข้ารับใช้ของราชาผีอย่างนั้นหรือ ?”

“ใช่… ใช่แล้ว ! โปรดเมตตาด้วย !!” วิญญาณหมอผีถอยห่างด้วยความตื่นกลัว ความบริสุทธิ์และความหนาแน่นของพลังหยินของอาร์ทิสบอกนางว่าอีกฝ่ายคือตุลาการนรกแห่งยมโลก !!

มุไร ซาดาคัตสึได้เตรียมเก้าอี้อีกตัวไว้สำหรับอาร์ทิสแล้ว ดังนั้นหลังจากที่นางเดินไปนั่งประจำที่ ฉินเย่จึงเชิดหน้าขึ้นและเอ่ยเสียงเรียบ “พูดต่อสิ”

“รับทราบ” วิญญาณหมอผีรีบระงับความหวาดกลัวภายในใจและยังคงก้มหน้าต่อไป “เดิมทีราชาผีสามารถรวบรวมวิญญาณร้ายได้เพียง 20 กว่าตนเท่านั้น ซึ่งนั่นรวมถึงตัวข้าเองด้วย พวกเราถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของเขา ในตอนที่ข้าเอ่ยคำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อเขา เขาก็ซ่อนตัวอยู่ที่เมืองเฟิ่งเทียนอยู่ก่อนแล้ว”

“ในความเป็นจริง ราชาผีได้วางแผนเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนให้เมืองเฟิ่งเทียนกลายเป็นรังของภูตผีนับหมื่น…” ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทรกขึ้นก่อนที่นางจะเอ่ยจบ “เพราะอะไรกัน ? ยมโลกแห่งเก่าเพิ่งล่มสลายได้ไม่นาน เหตุใดเขาจึงมีความกล้าที่จะทำเช่นนั้น ?”

“มันไม่ใช่เรื่องของความกล้า” เสียงที่ตอบออกมากลับไม่ใช่ของวิญญาณหมอผี แต่เป็นอาร์ทิส นางก้มมองเล็บมือสีแดงของตัวเองและเอ่ยต่อโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง “วิญญาณทุกตนที่เร่ร่อนอยู่ในแดนมนุษย์จะส่งผลกระทบต่อสิ่งรอบข้างด้วยพลังหยินที่แผ่ออกมาจากร่างของตน แต่ถึงกระนั้น พลังหยางที่อยู่โดยรอบนั้นแข็งแกร่งและเข้มข้นกว่าพลังหยินของพวกเขามาก และมันก็ส่งผลกระทบกับวิญญาณพวกนั้นเช่นกัน”

“ผลกระทบที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงจากพลังขั้วตรงข้ามนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น ตั้งแต่ที่เกิดการล่มสลายครั้งใหญ่ของยมโลกแห่งเก่า วิญญาณที่ยังคงนิ่งเฉยจะสลายไปตามกาลเวลาโดยไม่กลายร่างเป็นวิญญาณร้าย มีเพียงพวกที่มีความแค้นที่ฝังแน่นต่อโลกเท่านั้นที่จะกลายเป็นวิญญาณร้าย พวกมันจะเริ่มพัฒนาการรับรู้ของตัวเองและมีความสามารถบ่มเพาะโดยใช้พลังหยินได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด พวกมันก็จะได้รับผลกระทบจากพลังหยางของแดนมนุษย์อยู่ดี ดังนั้นตราบใดที่พวกมันยังอยู่ในแดนมนุษย์ พวกมันก็จะสลายหายไปในท้ายที่สุด”

นางยกนิ้วขึ้นมาและเป่ามันเบา ๆ “มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ขั้นนักล่าวิญญาณจะสามารถอยู่ได้ 50 ปี ขั้นยมทูตขาวดำอยู่ได้ 100 ปี ขั้นตุลาการนรกอยู่ได้ 200 ปี ฝู่จวิน… น่าจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 400-500 ปี การย้อนกลับผลกระทบที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอของพลังหยางสามารถทำได้สองวิธี”

“หนึ่งคือการกินเลือดและเนื้อ”

“สองคือการกลืนกินวิญญาณด้วยกัน”

“นี่ยังเป็นรากฐานของงานวิจัยของเจ้าก่อนหน้านี้ด้วย วิธีที่เร็วที่สุดสำหรับวิญญาณในการพัฒนาตนเองก็คือการกลืนกินวิญญาณด้วยกัน ราชาผีจากสามมณฑลทางตะวันออกคือวิญญาณที่มีอายุมานานกว่าพันปี เขาย่อมรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถนั่งอยู่เฉยและรอความตายมาหาตัวเองได้ ดังนั้นการเปลี่ยนพื้นที่ที่ตนอยู่ให้เป็นรังของภูตผีนับหมื่นและทำให้เป็นดินแดนของคนตายจึงเป็นทางเดียวที่จะย้อนกลับผลกระทบจากพลังหยางที่อยู่โดยรอบได้ และในกรณีนี้ อีกฝ่ายก็จำเป็นจะต้องอยู่ขั้นตุลาการนรกเป็นอย่างต่ำถึงจะสามารถสร้างรังของภูตผีนับหมื่นขึ้นมาได้ เดี๋ยวก่อนนะ…”

นางชะงักไปครู่หนึ่งและหันไปมองวิญญาณหมอผี “เจ้าบอกว่า… ราชาผีตนนั้นคิดที่จะสร้างรังของภูตผีนับหมื่นอย่างนั้นหรือ ?”

วิญญาณหมอผีไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย นางเพียงพยักหน้ารัวโดยที่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

“นั่นแปลกมาก…” อาร์ทิสขมวดคิ้ว “หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดเขาจึงไม่สร้างรังของภูตผีนับหมื่นขึ้นมาหลังจากที่เกิดการระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติขึ้นที่สามมณฑลทางตะวันออก ? เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดหากเขาต้องการจะตั้งตนเป็นศัตรูกับยมโลก เพราะเมื่อเขาสร้างรังของภูตผีขึ้นมาแล้วนั้นเขาจะมีที่หลับภัยให้กับเหล่าวิญญาณและสามารถดึงดูดวิญญาณตนอื่น ๆ ให้มาสวามิภักดิ์กับตนได้”

วิญญาณหมอผีรีบตอบด้วยความหวาดกลัว “นายท่าน… ความจริงของเรื่องนี้ก็คือเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน วิญญาณที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของราชาผีจำนวนมากเริ่มแสดงสัญญาของการสลายตัวไป นั่นเป็นตอนที่ราชาผีเริ่มมีความคิดเกี่ยวกับการสร้างรังของภูตผีนับหมื่นขึ้นมา ไม่ทราบว่าพวกท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นที่ชุมชนไท่ซานในเมืองเฟิ่งเทียนบ้างหรือไม่ ?”

“พูดออกมา” ฉินเย่กระดิกเท้าอย่างเริ่มทนไม่ไหว “เลิกกระตุ้นความอยากรู้ของข้าได้แล้ว ราชาผีไม่ได้สอนเรื่องความนอบน้อมให้เจ้าบ้างเลยหรืออย่างไร ?”

“ได้ ! ข้าจะพูดเดี๋ยวนี้ !” วิญญาณหมอผีตกใจจนเสียงของนางเริ่มตะกุกตะกัก “ชุมชนไท่ซานนั้นตั้งอยู่บนดินแดนที่เคยเป็นสุสานขนาดใหญ่ เมื่อประมาณ 40 ปีก่อน เหล่ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นั่นเริ่มได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากใต้พื้นดิน มันเบามาก แต่ไม่นานมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังคร่ำครวญและร้องไห้ในตอนกลางดึก สุดท้าย พวกเขาก็จ้างทีมวิศวกรมาเพื่อขุดพื้นในจุดที่เสียงดังกล่าวดังขึ้น และพวกเขาก็พบว่า… ด้านล่างนั้นมีร่างของคนนับร้อยฝั่งอยู่…”

“และโครงกระดูกทั้งหมดก็เตรียมพร้อมที่จะคลานออกมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของหลุม นี่เป็นเพียงการลงมือเปิดของราชาผีเท่านั้น หากเขาต้องการ เขาสามารถกระตุ้นให้เกิดการปรากฏขึ้นของรังของภูตผีนับหมื่นได้ทันที แต่แล้วจู่ ๆ…” นางสูดหายใจเข้าช้า ๆ “หลิวจี้หนู… ก็ส่งกองกำลังของเขามา…”

ใบหน้าของนางซีดเผือดขณะที่เอ่ยต่อด้วยเสียงที่สั่นเทา “หากท่านได้อ่านแฟ้มคดีของทางหน่วยสอบสวนพิเศษ ท่านก็จะพบว่าในปลายปีเดียวกัน… ที่เมืองหยันจี๋มีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติครั้งใหญ่เกิดขึ้น ข้าเชื่อว่ามันน่าจะถูกจัดให้เป็นคดีระดับ A หรือไม่ก็สูงกว่า ภายในคืนนั้น… ลูกไฟวิญญาณนับแสนดวงได้ปรากฏขึ้นเหนือแม่น้ำตูเมน ประชากรในเมืองหยันจี๋ทั้งหมดให้การว่าได้ยินเสียงควบม้าและเสียงกลองสงครามดังขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เหล่าผู้ฝึกตนและมนุษย์ธรรมดาที่มีดวงเนตรแห่งนรกต่างเห็นว่ามีทหารวิญญาณนับพันนายมุ่งหน้าข้ามแม่น้ำตูเมนและตรงไปที่เมืองเฟิ่งเทียน”

“และสืบเนื่องจากเรื่องนั้น แม่น้ำที่นิ่งสงบก็แปรปรวนเป็นเวลาหลายสิบนาที ข้าเคยรับมือกับผู้ตรวจการของหน่วยสอบสวนพิเศษมาบ้าง หลังจากที่ได้ค้นดูจากวิญญาณและความทรงจำของพวกเขา ข้าพบว่าเหตุการณ์และผลการสอบสวนถูกจัดให้อยู่ในระดับลับสุดยอด อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ดีเท่าพวกเรา… ในตอนนั้น ราชาผียังคงพูดคุยกับหลิวจี้หนูเพื่อสร้างพันธมิตรและสร้างโลกใต้พิภพที่ใหญ่ที่สุดในทวีปตะวันออก พวกเขาคิดแม้กระทั่งการขยายขอบเขตไปถึงรุส[2] ดังนั้นมันจึงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจู่ ๆ หลิวจี้หนูจะส่งกองกำลังมาขัดขวางเช่นนี้”

ฉินเย่ยกมือขึ้น วิญญาณหมอผีจึงหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มหันไปหาอาร์ทิส “รุสไม่มีโลกใต้พิภพอย่างนั้นหรือ ?”

“ไม่” คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ฉินเย่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ประเทศที่ใหญ่ขนาดนั้นไม่มีโลกใต้พิภพเนี่ยนะ ?

“แต่พวกเขามีกองกำลังรักษาการณ์อยู่ในพื้นที่” อาร์ทิสเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อย่างที่ข้าเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการมีอยู่ของโลกใต้พิภพก็คือการดำรงอยู่ของความเชื่อ ศาสนา เรื่องเล่าหรือตำนาน สิ่งนั้นจะตกตะกอนและก่อให้เกิดลำดับชั้นของเทพในโลกใต้พิภพของพวกเขา รุสไม่มีสิ่งนี้เนื่องจากความเชื่อของพวกเขาส่วนใหญ่แล้วอยู่ในหนึ่งในสามนิกายใหญ่ศาสนาคริสต์ นิกายออร์โธดอกซ์ ดังนั้นกองกำลังรักษาการณ์ของที่นั่นจึงเป็นที่รู้จักกันในนามผู้พิพากษาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทำหน้าที่ภายใต้ธงของเทพแห่งโลกใต้พิภพที่ไม่มีชื่อ แต่เจ้าจะดูถูกพวกเขาไม่ได้เด็ดขาด เพราะพวกเขาแข็งแกร่งมาก”

“ไม่มีชื่อหรือ ?” ทำตอบของนางกระตุ้นความอยากรู้ของฉินเย่ได้เป็นอย่างดี

อาร์ทิสพยักหน้า “ใช่แล้ว… ไม่มีชื่อ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขากลับใกล้เคียงกับยมโลกแห่งเก่า การมีอยู่ของพวกเขาอ้างอิงมาจากพระวรสารนักบุญมัทธิว และมันก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อของเทพแห่งความตาย ไม่มีชื่อที่เจาะจง แต่กายด้วยเสื้อคลุมสีดำและถือเคียว แต่ไม่มีผู้ใดรู้ชื่อ และพวกเขาก็ไม่ปรากฏหรือติดต่อกับโลกภายนอกเช่นกัน–… อ๋อ ! อย่างนี้นี่เอง ! ข้าเข้าใจแล้ว !”

นางลุกขึ้นยืนและเดินไปรอบๆโดยไพล่มือไว้ด้านหลัง “ราชาผีแห่งอสูรต้องการหาผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งให้กับตัวเอง ดังนั้นเขาจึงหันไปหาผู้พิพากษาศักดิ์สิทธิ์ด้วยหวังที่จะพึ่งพามรดกที่ล้ำลึกของพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้น… มันก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เทพแห่งโลกใต้พิภพไร้ชื่อของพวกเขาก็อยู่ในระดับของพระยมอยู่แล้ว…”

“พระยม ?” ฉินเย่อ้าปากค้าง อิซานามิอยู่แค่ขั้นฝู่จวินเท่านั้น แต่เทพแห่งโลกใต้พิภพไร้ชื่อของรุสกลับอยู่ขั้นพระยมเลยเนี่ยนะ ?

อาร์ทิสยิ้มเยาะ “นิกายออร์โธดอกซ์มีสาวกทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านคน หากพวกเขาไม่สามารถสร้างพระยมที่แข็งแกร่งได้ พวกเขาก็ลืมเรื่องที่จะถูกนับเป็นหนึ่งในโลกใต้พิภพไปได้เลย… อย่างไรก็ตาม เลิกขัดแล้วฟังที่ข้าพูด !”

นางเรียบเรียงความคิดของตัวเองและเอ่ยต่อ “โลกใต้พิภพอื่นยังไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยมโลก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมเสี่ยงในการให้ที่อยู่กับราชาผีในฐานะของผู้แปรพักตร์จากยมโลก ดังนั้นเขาจึงหันไปหาตัวเลือกอีกตัวเลือกหนึ่ง… ซึ่งนั่นก็คือหลิวจี้หนู ! แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คือการที่หลิวจี้หนูจะกลับคำพูดของตนเอง !”

“แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?” ฉินเย่ลูบคาง มันเหมือนมีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเขา แต่เขาแค่ยังจับมันไม่ได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เขามีลางสังหรณ์ว่าคำตอบของคำถามนี้อาจสามารถเปลี่ยนรูปแบบการเจรจาที่จะเกิดขึ้นในการประชุมราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ได้ !

“เพราะว่าเขาดูถูกราชาผี” อาร์ทิสหัวเราะเสียงเย็น “ราชทูตทั้ง 12 คือใคร ? แน่นอน พวกเขาอาจจะไม่ได้ทรงพลังถึงขั้นฝู่จวิน แต่พวกเขาก็ยังเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ในทางกลับกัน ราชาผีเป็นผู้ใด ? อย่างมากที่สุด… พวกเขาก็แค่ได้รับชื่อเสียงจากความฉาวโฉ่ที่ตนเองก่อขึ้นและได้รับการบันทึกชื่อไว้ในพงศาวดารเท่านั้น หากพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเขาถือว่าเป็นสองตัวตนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”

“ที่สำคัญกว่านั้น… เจ้าเคยพิจารณาถึงแผนที่อาณาเขตโลกบ้างหรือไม่ ?”

ฉินเย่หลับตาลงและนึกถึงคำพูดของอาร์ทิสอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมากกว่าเดิม !

ใช่แล้ว… อย่างนี้นี่เอง ! เข้าใจแล้ว !

ฉินเย่เอ่ยขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นสามมณฑลทางตะวันออก สามมณฑลทางตะวันตก หรือสามมณฑลที่ใกล้กับพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง พื้นที่ทั้งหมดนี้ล้วนคาบเกี่ยวกับเขตแดนของเหล่าข้าราชการศักดินาของยมโลกแห่งเก่า ! ข้าราชการศักดินาตนใดที่ปรารถนาที่จะกลับมาที่จีนจะต้องเดินทางผ่านดินแดนของราชาผีพวกนี้เสียก่อน ! ซึ่งมันสร้างอุปสรรคให้กับพวกเขา ! และไม่ต่างอะไรกับโซ่ตรวนที่รัดอยู่รอบลำคอของพวกเขา !”

ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่ชัดเจน “นอกจากนี้ ราชทูตทั้ง 12 ตนไม่มีผู้ใดเลยที่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับยมโลกแห่งเก่ากันแน่ และพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรโดยพลการเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจะต้องไม่ยอมปล่อยให้วิญญาณร้ายขั้นฝู่จวินสร้างรังของภูตผีนับหมื่นขึ้นมาตรงหน้าตนอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรแล้ว หากยมโลกยังอยู่ พวกเขาจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งและประหารชีวิตจากความผิดนี้เป็นแน่ ! และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งถึงส่งกองกำลังไปต่อต้านราชาผีแห่งพิภพอสูรในตอนนั้น !”

อาร์ทิสพยักหน้า “บวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาคือสองตัวตนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันยังมีเหตุผลอีกมากที่จะสนับสนุนการต่อต้านราชาผี… เหตุใดเจ้าจึงทำท่าทีเช่นนั้น ? มีอะไรผิดปกติหรืออย่างไร ?”

“มีสิ! ” ฉินเย่ลุกพรวดขึ้น “โถ~ เมก้าวาลคีรีที่แสนโง่เขลา[3]… ท่านตระหนักบ้างหรือไม่ว่าบทสนทนาของเราเมื่อครู่นี้มีความสำคัญเพียงใด ?”

[1] แม่น้ำที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างจีนและเกาหลีเหนือ

[2] รัสเซีย

[3] ฉินเย่เคยเรียกอาร์ทิสด้วยชื่อนี้ในบทที่ 276