บทที่ 326 จิ่วโยวกับถางโร้วตกเหว
“ว่ามา พวกเราควรทำยังไงกัน?” ถงหลี่ก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน
แววตาของผู้อาวุโสเป็นประกายเคร่งเครียด ขณะเดียวกับสีหน้าของเขาก็ปรากฏความอำมหิตขึ้นมา “เราต้องฆ่าให้หมด กำจัดศพไม่ให้เหลือ”
นี่คือถ้อยคำเพียงแค่ไม่กี่คำ แต่กลับเหมือนค้อนขนาดใหญ่ที่ทุบลงไปบนหัวใจของทุกคน เกิดความเงียบงันตามมาอึดใจใหญ่ ได้ยินแต่เพียงเสียงลมหายใจของคนที่อยู่ในห้องประชุมเท่านั้น
“กำจัดทุกคนที่รู้เรื่องนี้ ต่อให้จอมมารฉู่ชวิ๋นจะร้ายกาจมากแค่ไหน ถ้าเขาไม่รู้ว่าสำนักเจ็ดดาราของเราเกี่ยวข้อง แค่นั้นก็พอแล้ว”
ทุกคนถึงกับขนลุกเกรียว นี่ไม่ได้หมายถึงแค่นายน้อยตระกูลหวังเท่านั้น แต่รวมถึงหญิงสาวอีกหลายสิบคนที่อยู่ในคฤหาสน์และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก
นี่คือการตัดสินใจที่ยากลำบาก ทุกสายตาหันไปจับจ้องถงหลี่พร้อมกัน
ทุกคนต่างก็ทราบดีว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องเล็ก แต่สิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ก็คือ ถ้าหากว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตาม…
“ท่านเจ้าสำนัก พวกเราไปขอโทษจอมมารฉู่ชวิ๋นแต่โดยดีเถอะ ไม่ว่าเขาจะยอมรับคำขอโทษของเราหรือไม่ แต่เราทำผิดจริง ๆ เราต้องยอมรับมัน ผมได้ยินมาว่าเดี๋ยวนี้เขาเริ่มให้อภัยคนแล้ว ไม่ได้โหดร้ายใจคออำมหิตเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว”
ถงหลี่เริ่มมีแววตาลังเล
“ไม่ต้องสนใจ! ท่านเจ้าสำนัก ออกคำสั่งมาได้เลย พวกเราพร้อมแล้วที่จะไปช่วยค่งจวิ้นเต๋อกำจัดคนสนิทของจอมมารฉู่ชวิ๋น รับรองว่าพวกเราจะทำลายศพไม่ให้เหลือไม่อาจสืบได้ว่าเป็นสำนักเราแน่นอน”
แววตาของถงหลี่พอได้ยินแบบนี้ก็หนักแน่นขึ้นมาอีกครั้ง เขากัดฟันแน่นก่อนออกคำสั่งไปว่า “ตกลงตามนั้น เริ่มลงมือได้เลย”
หลังจากนั้น เขาก็โทรศัพท์ไปออกคำสั่งให้ค่งจวิ้นเต๋อตามล่าตัวถางโร้วกับจิ่วโยวให้ได้
จิตใจของค่งจวิ้นเต๋อเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่น เขาทราบดีว่าเรื่องนี้จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นแล้ว สำนักของเขาคงจะต้องพบเจอหายนะอย่างแน่นอน
วูบ!
เขาเร่งความเร็วขึ้น ไล่ตามถางโร้วกับจิ่วโยวไปด้วยความรีบร้อน
“สงสัยเขาจะเลิกตามมาแล้ว” เมื่อมองกลับไป ถางโร้วก็มองไม่เห็นเงาร่างของค่งจวิ้นเต๋ออีกแล้ว
ตอนนี้ พวกเธอทิ้งระยะห่างมาได้หลายกิโลเมตรแล้ว
“อย่าเพิ่งประมาท เขามีเร็วกว่าพวกเรามาก อีกไม่นานคงตามมาทันแน่” จิ่วโยวพูดออกมา
“งั้นเราจะทำยังไงกันดี?” ถางโร้วพูดด้วยน้ำเสียงอับจนหนทาง
จิ่วโยวมองหุบเขาลึกและป่าทึบที่ขึ้นอยู่รอบตัว พลันเธอก็ยิ้มออกมา ก่อนพูดว่า “เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนร่างเป็นงูยักษ์ เธอก็นั่งอยู่บนหลังฉัน แล้วเราจะหนีเข้าไปในป่าลึกกัน”
ขาดคำ จิ่วโยวก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นงูยักษ์อีกครั้ง
ถางโร้วกระโดดขึ้นขี่หลังเธอ
จิ่วโยวเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว ลำตัวของเธอกลายเป็นเพียงลำแสงแวววาวที่พุ่งวาบผ่านผืนป่า
นกน้อยในป่าส่งเสียงร้องเหล่าสัตว์ร้ายส่งเสียงคำราม แต่จิ่วโยวคือสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมาก สัตว์ทั้งหลายจึงไม่กล้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอ
หลังจากที่จิ่วโยวและถางโร้วหลบหนีเข้าไปในป่าได้ประมาณ 10 นาที ค่งจวิ้นเต๋อก็ตามมาถึง
จิ่วโยวในร่างงูยักษ์ทำให้ต้นไม้ล้มระเนระนาดเป็นทางยาว แม้แต่ก้อนหินที่ขึ้นอยู่ข้างทางก็ถูกทำลายไปหมดสิ้น ตามหาได้ง่ายมาก
ค่งจวิ้นเต๋อหยุดดูร่องรอยบนพื้นดิน ใบหน้าของเขาเป็นเต็มไปด้วยความอำมหิต
เทือกเขาแห่งนี้เป็นพื้นที่ของสัตว์ร้าย แม้แต่ค่งจวิ้นเต๋อก็ยังต้องคิดให้ดีถ้าอยากจะเข้าไป
เขาควรจะทำยังไงดี? ค่งจวิ้นเต๋อทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ในที่สุด เขาก็กัดฟันตัดสินใจตามเข้าไปในป่า ถ้าถางโร้วกับจิ่วโยวสามารถหลบหนีไปได้ สำนักเจ็ดดาราคงถึงคราวล่มสลายแน่
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ฉู่ชวิ๋นก็เดินทางมาถึงเมืองเซี่ยเฉิงแล้ว แทนที่จะนั่งเครื่องบิน ชายหนุ่มเลือกเดินทางด้วยการใช้วิชาตัวเบามายังเมืองเซี่ยเฉิง ด้วยตัวเอง
หนึ่งก้าวของชายหนุ่มทะยานไปไกลถึง 1 กิโลเมตร ฉู่ชวิ๋นเร่งความเร็วให้ได้มากที่สุดที่ตัวเองจะทำได้ตอนนี้ ร่างของเขากลายเป็นประกายแสงวูบหนึ่งผ่านอากาศ ผิวหนังของชายหนุ่มเสียดสีกับอากาศจนเริ่มฉีกขาด
แต่หัวใจของเขารุ่มร้อนมากกว่านั้นหลายเท่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับถางโร้วและจิ่วโยว เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าตนเองจะเสียใจมากขนาดไหน?
“หวังว่าพวกเธอจะยังปลอดภัยนะ” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมขณะที่พึมพำออกมา
อีกด้านหนึ่ง ค่งจวิ้นเต๋อเข้าไปในป่าลึกเพื่อไล่ล่าถางโร้วกับจิ่วโยว ผลที่ได้ก็คือ เขาไปไหนได้ไม่ไกลนัก
ค่งจวิ้นเต๋อถูกสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิหลายตัวเข้ามาปิดล้อมและขับไล่ให้ออกไปจากป่า เขาจึงโทรศัพท์กลับไปหาถงหลี่ด้วยความสิ้นหวัง
หลังจากทราบเรื่องนี้ ถงหลี่ก็ด่าไปรอบหนึ่งและบอกให้รอพวกเขาก่อน ทางสำนักจะส่งผู้อาวุโสไปช่วย
ถางโร้วที่ขี่หลังจิ่วโยวเองก็ถูกโจมตีด้วยเสือยักษ์ตัวนึงเช่นกัน
พวกเธอเข้ามาอยู่ในเขตแดนของสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิโดยไม่รู้ตัว
แต่โชคดีที่สัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่ได้มีฝีมือแข็งแกร่งมาก ถางโร้วกับจิ่วโยวจึงสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น
พวกเธอหนีขึ้นไปอยู่บนยอดเขา ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ของสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิอีกแล้ว หญิงสาวทั้งสองรู้สึกโล่งใจมากขึ้น
จิ่วโยวกลายร่างกลับมาอยู่ในรูปร่างของมนุษย์อีกครั้ง ขาของเธอบาดเจ็บหนักเลือดไหลออกมาตลอดเวลา แต่เคราะห์ดีที่เด็กหญิงพกสมุนไพรวิญญาณติดตัวมาด้วยจำนวนมาก จึงรักษาอาการบาดเจ็บตัวเองทันที
ถางโร้วใช้พลังลมปราณช่วยรักษาจิ่วโยวอีกทางหนึ่ง
แต่ก็ต้องใช้เวลานานกว่าอาการบาดเจ็บของจิ่วโยวจะจนทุเลาลง
“พวกเราจะทำยังไงกันดี?” ถางโร้วได้แต่โทษตัวเองที่ทำโทรศัพท์มือถือหล่นหาย จึงติดต่อฉู่ชวิ๋นไม่ได้อีก
“พวกเราพักที่นี่กันก่อนเถอะ ข้างล่างมีสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิอยู่เป็นจำนวนมาก ถือว่าพวกมันช่วยคุ้มครองเราได้ระดับหนึ่ง” จิ่วโยวว่า
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กำลังเสริมของสำนักเจ็ดดาราก็มาถึง
ผู้นำทีมช่วยเหลือมีนามว่าไฉอี้ เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ส่วนผู้ติดตามอีก 4 คนเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5
“ท่านผู้อาวุโส” ค่งจวิ้นเต๋อประสานมือทำความเคารพ
ไฉอี้ชำเลืองมองค่งจวิ้นเต๋อผู้เป็นคนก่อปัญหา
“พวกเธอหนีไปทางนี้ใช่ไหม?” ไฉอี้ถาม ชี้มือไปที่รอยงูเลื้อยบนพื้นดิน
ค่งจวิ้นเต๋อพยักหน้า
“เข้าไปตามหาพวกเธอกันเลยดีกว่า”
“ท่านผู้อาวุโสไฉ ได้โปรดฆ่าพวกเธอด้วย ส่วนผมจะรีบกลับไปกำจัดทุกคนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้” ค่งจวิ้นเต๋อพูด
ไฉอี้โบกมือพร้อมตอบว่า “ไม่ต้องแล้ว ผู้อาวุโสคนอื่นจัดการไปแล้ว”
ไม่นานในป่าก็ปรากฏร่างของสัตว์ร้ายหลายชนิด ทุกตัวล้วนแล้วแต่มีพลังขั้นจักรพรรดิทั้งสิ้น
ไฉอี้โคจรพลังลมปราณ เตรียมพร้อมต่อสู้
โฮก!
ลิงยักษ์ที่มีขนาดตัวใหญ่เท่ากับภูเขาลูกเล็ก ๆ ลูกหนึ่งส่งเสียงคำรามและกระโดดเข้ามาขวางหน้าพวกของไฉอี้เอาไว้
เปรี้ยง!
ไฉอี้ยกมือขึ้นและซัดพลังลมปราณออกไป ร่างของลิงยักษ์ตัวนั้นแตกกระจายกลายเป็นเศษเนื้อกลางอากาศ
นี่คือความน่ากลัวของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6
จากนั้น ก็ไม่มีสัตว์ร้ายตัวไหนกล้ามาขวางทางพวกเขาอีกเลย
หลังจากที่โลกเกิดความเปลี่ยนแปลง แม้แต่สัตว์ป่าก็สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ นอกจากนี้ พวกมันยังมีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ ย่อมรู้จักหลบหนีเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย
ไม่นาน พวกไฉอี้ก็มาหยุดอยู่บริเวณเชิงเขาที่ถางโร้วกับจิ่วโยวหลบซ่อนตัว
จิ่วโยวยังขาดประสบการณ์อีกมาก ร่างกายของเธอมีขนาดใหญ่เกินไปจึงทำให้ถูกสะกดรอยตามได้อย่างง่ายดาย
“พวกเธอซ่อนตัวอยู่บนภูเขาลูกนี้แหละ รีบหาให้เจอ” ไฉอี้ออกคำสั่ง
“ไม่นะ มีคนกำลังมาแล้ว” ถางโร้วอุทานออกมาเมื่อมองไปเห็นพวกไฉอี้
“คงเป็นพวกของค่งจวิ้นเต๋อนั่นแหละ” จิ่วโยวพยายามมองหาทางหลบหนี
“พวกเขาปิดถนนบนภูเขาหมดแล้ว มากันประมาณ 6 คน” ถางโร้วพูด
เมื่อเส้นทางบนภูเขาถูกปิดตาย ทางออกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือหน้าผา
ดวงตาของจิ่วโยวเป็นประกายระยิบระยับ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า “พวกเราต้องรีบหนีแล้ว เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนร่างอีกครั้ง เธอคอยเกาะให้ดี ๆ ก็แล้วกัน”
พูดจบ จิ่วโยวก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นงูยักษ์อีกครั้ง ถางโร้วกระโดดขึ้นไปขี่หลังจิ่วโยวทันที
“พวกเธอจะหนีไปไหน!” ค่งจวิ้นเต๋อตะโกนเสียงดัง
พวกของไฉอี้ถึงกับตกตะลึง พวกเขาเห็นแต่งูยักษ์ตัวหนึ่งที่ค่งจวิ้นเต๋อพุ่งเข้าไปหา
“งูตัวนั้นนั่นแหละคือเด็กที่เราตามหา” ค่งจวิ้นเต๋อรีบอธิบาย
ไฉอี้ไม่อยากจะเชื่อ สัตว์ร้ายสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วยหรือนี่
“ไล่ตามไป” ไฉอี้ออกคำสั่ง แล้วทั้งหกคนก็ไล่ตามจิ่วโยวไป
จิ่วโยวเลื้อยตรงไปที่หน้าผา เกล็ดบนลำตัวของเธอเสียดสีกับก้อนหินจนเกิดเป็นประกายไฟสาดกระจายไปทั่วบริเวณ
ใต้หน้าผาเป็นเหวลึกไม่มีทางลงไปได้เลย แต่จิ่วโยวในร่างงูยักษ์สามารถเลื้อยลงไปได้
“ยังจะหนีไปไหนอีก?” ไฉอี้หัวเราะเยาะ
เปรี้ยง!
ชายชราซัดพลังลมปราณออกไป ร่างกายขนาดใหญ่ของจิ่วโยวไม่อาจหลบหนีได้ทัน จึงถูกพลังซัดใส่เข้าอย่างจัง
จิ่วโยวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกโจมตี
ร่างของเธอกระเด็นร่วงหล่นลงไปจากหน้าผาพร้อมกับถางโร้ว
ครืน!
เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วหุบเขา จิ่วโยวตกลงไปกระแทกกับพื้นดินด้านล่าง ก้อนหินแหลกสลายเป็นผุยผง ต้นไม้เก่าแก่ที่ยืนต้นสูงเสียดฟ้าแตกหักโค่นล้มและถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ถางโร้วพยายามใช้วิชาตัวเบากระโดดหนี แต่สุดท้ายเธอก็ตกลงไปด้วยอยู่ดี ถางโร้วโชคร้ายหล่นลงไปกระแทกก้อนหิน ดัง “โครม” แล้วหินใหญ่ก้อนนั้นก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปเช่นกัน
ถางโร้วครางด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลซึมออกมาจากริมฝีปาก กระดูกแตกหักหลายท่อน เจ็บปวดจนน้ำตาไหล
จิ่วโยวกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์อีกครั้ง ร่างกายเด็กน้อยของเธอนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าซีดขาว ไม่รู้เลยว่าเป็นหรือตาย
“จิ่วโยว” ถางโร้วร้องไห้ด้วยความตกใจ ตรงคลานเข้าไปหาร่างที่บาดเจ็บของจิ่วโยว
“ท่านผู้อาวุโสไฉ พวกเธอตายหรือยังครับ?” ค่งจวิ้นเต๋อพูดพร้อมกับมองไปที่หุบเหวเบื้องล่าง
“ภูเขาลูกนี้สูงหลายพันเมตร แม้แต่เทพเจ้าถ้าตกลงไปก็อย่าหวังว่าจะรอด” ไฉอี้ส่งเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ ในที่สุด ปัญหาของพวกเขาก็ได้รับการแก้ไขซะที
“ท่านผู้อาวุโสไฉ พวกเรารีบตามลงไปทำลายศพดีกว่าไหมครับ” ค่งจวิ้นเต๋อกล่าว
ไฉอี้หันมามองด้วยสายตารำคาญ “จะรีบไปไหน? ไม่ต้องถึงมือพวกเราเดี๋ยวพวกสัตว์ป่าก็มาแทะศพจนกระดูกก็ไม่เหลือเองนั้นแหละ”
ค่งจวิ้นเต๋อประสานมือคำนับและกล่าวชื่นชมว่า “ผู้อาวุโสไฉมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริง ๆ นับถือ ๆ”
ไฉอี้ระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนพูดออกมา “แต่ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ต้องลงไปสำรวจให้เรียบร้อยอยู่ดีจะได้มั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด”
หัวใจของทุกคนต่างก็เต้นรัวด้วยความเคร่งเครียด พวกเขากำลังมีปัญหากับจอมมารฉู่ชวิ๋นจะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด
แล้วพวกเขาก็เริ่มเดินลงไปจากภูเขาอย่างช้า ๆ
…
ในขณะเดียวกันนี้ ฉู่ชวิ๋นใช้วิชาตัวเบามาถึงเมืองเซี่ยเฉิงเป็นที่เรียบร้อยแม้ผิวหนังเขาจะฉีกขาดจนแทบทนไม่ไหว แต่ชายหนุ่มก็เป็นห่วงพวกหญิงสาวจนไม่กล้าหยุดพัก
แต่เมืองเซี่ยเฉิงหาได้เป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ แล้วเขาจะไปตามหาถางโร้วกับจิ่วโยวได้ที่ไหน? ฉู่ชวิ๋นไม่มีหลักฐานอื่นใดที่จะใช้สำหรับตามหาตัวพวกเธอได้เลย
ชายหนุ่มไม่คิดอะไรซับซ้อนอีกแล้ว เขากระโดดขึ้นไปยืนบนดาดฟ้าของอาคารหลังหนึ่ง
“ฟังฉันให้ดีนะ! ไม่ว่าแกอยู่ที่ไหน แต่ถ้าแกกล้าทำร้ายน้องสาวของฉัน ฉันสาบานเลยว่าจะฆ่าพวกแกให้หมดทั้งสำนัก ตระกูล อะไรก็ตามฆ่าอย่างเดียวไม่มีละเว้น!”
ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมาพร้อมกับโคจรพลังลมปราณ เสียงของเขาจึงก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า ได้ยินไปทั้งเมืองเซี่ยเฉิงทุกซอกทุกมุม
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเป็นสำนักไหนกันแน่ที่กำลังไล่ล่าถางโร้วกับจิ่วโยวอยู่ในขณะนี้ เขาจึงทำได้แต่ประกาศคำเตือนออกไปเท่านั้น
ทั่วทั้งเมืองเซี่ยเฉิงตกอยู่ภายใต้ความตกตะลึง โดยเฉพาะบรรดาจอมยุทธ์ ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันนะ? ทำไมถึงได้พูดจาวางท่าใหญ่โตเหลือเกิน
โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลประจำเมืองเซี่ยเฉิง อย่างตระกูลเซี่ย
เซี่ยไป่หยานเป็นหัวหน้าตระกูลเซี่ย เขาเองก็กำลังตกตะลึงอยู่เช่นกัน
“ใครกันกล้าอวดดีขนาดนี้? นี่ไม่ใช่คำเตือนถึงสำนักใดสำนักหนึ่ง แต่เป็นคำเตือนถึงจอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่ในเมืองเซี่ยเฉิง”
ลูกสาวคนเล็กของเซี่ยไป่หยาน เซี่ยเมี้ยวหยู่เป็นคนพูด
ถึงแม้ว่าชื่อเซี่ยเมี้ยวหยู่จะฟังดูเป็นชื่อที่น่ารักอ่อนหวาน แต่ตัวจริงของเธอไม่ได้อ่อนหวานเหมือนชื่อ หญิงสาวมีความสูง 175 เซนติเมตร หน้าตาสวยงาม แต่ร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหารแผ่ออกมาตลอดเวลา เธอเป็นพวกบ้าการต่อสู้
ที่สำคัญคือหญิงสาวคนนี้มีพรสวรรค์สูงมาก เธอเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ถือว่าเป็นผู้ที่มีพลังสูงสุดในบรรดาพี่น้องร่วมสายเลือดตระกูลเซี่ย
“คนอะไรจะอวดดีได้ขนาดนี้?” เซี่ยไป่หยานส่งเสียงหัวเราะ เงยหน้าขึ้น โคจรพลังลมปราณตะโกนตอบกลับไป “ผู้ใดกล้าส่งเสียงโวยวายในเมืองเซี่ยเฉิงแบบนี้?”
ตระกูลเซี่ยทำหน้าที่คอยคุ้มครองเมืองเซี่ยเฉิงมาหลายพันปี ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาสร้างความวุ่นวายในเมืองอย่างเด็ดขาด
“คุณเป็นใคร?” ฉู่ชวิ๋นถามกลับไป พลังเสียงที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มนึกสงสัย
“หัวหน้าตระกูลเซี่ย เซี่ยไป่หยาน”
บุรุษต่างวัยทั้งสองคนพูดคุยกันผ่านอากาศ ทำให้บรรดาจอมยุทธ์ที่อยู่ในเมืองถึงกับตื่นตระหนกไม่น้อย
“คุณเซี่ย น้องสาวของผมสองคนกำลังตกอยู่ในอันตรายที่เมืองนี้ ผมอยากรบกวนขอยืมกำลังคนของคุณเซี่ย ช่วยออกตามหาพวกเธอให้ผมหน่อย ผมจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง” ฉู่ชวิ๋นพยายามพูดอย่างใจเย็น
ไม่รอให้เซี่ยไป่หยานตอบอะไรกลับมา ฉู่ชวิ๋นก็พูดต่อ “ทุกคนที่อยู่ในเมืองเซี่ยเฉิงเองก็ต้องทำแบบเดียวกัน ถ้าใครมีข้อมูลเรื่องน้องสาวผม โปรดแจ้งมาให้ผมรู้ทันที แล้วผมจะให้รางวัลอย่างงาม”
คนในเมืองเซี่ยเฉิงทำท่าทางเย้ยหยัน
“คุณเป็นใคร กันถึงกล้าสั่งคนทั่งเมือง?” เซี่ยไป่หยานถาม
“ฉู่ชวิ๋น”
เมื่อคำว่าฉู่ชวิ๋นพูดออกไปแล้ว จอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่ในเมืองเซี่ยเฉิงก็ถึงกับตกตะลึงจนตัวสั่น