ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 156 ท่านอ๋อง อย่าดื่ม

ไม่ได้เด็ดขาด

ทั้งสองคนมองตากันอย่างเกลียดชังกัน จนแทบจะระเบิดออกมา

หนานชิงชิงกำชายแขนเสื้อไว้แน่น สายตาแฝงไปด้วยแววเฉียบคม

กู้โม่หานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า “เสด็จย่า ช่วงนี้งานที่ค่ายเสินเชื่อยุ่งมาก หลานคงไม่มีเวลาว่างพักอยู่ในวัง หากท่านคิดถึงพระชายา วันหลังหลานค่อยพานางมาเยี่ยมท่านอีก”

หนานหว่านเยียนก็ผงกหัวพูดขึ้นว่า “ใช่เสด็จย่า ในค่ายเสินเชื่อมีทหารบาดเจ็บมากมาย หลานสะใภ้ก็ต้องไปช่วย วันนี้จึงไม่สะดวกที่จะอยู่ค้างคืนในวัง”

“เยียนเอ๋อร์รับปากท่าน เมื่อไหร่ที่เสด็จย่าไทเฮาอยากเจอเยียนเอ๋อร์ เยียนเอ๋อร์ก็จะรีบเข้าวังมาเยี่ยมท่านทันที ท่านว่าแบบนี้ดีไหม?”

นางยังต้องกลับบ้านไปดูแลลูก อีกอย่าง นางก็ไม่อยากค้างคืนอยู่กับกู้โม่หาน

ตอนที่อยู่ในจวนเฉิงเซี่ยงคืนนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็น ครั้งนี้หากยังให้พวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง เฮ้อ….ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดอะไรขึ้นมา

ไทเฮากลับทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง นางหวังตั้งใจที่จะให้ทั้งสองนอนร่วมกัน จึงไม่มีทางให้พวกเขาได้มีข้ออ้างจากไป

“ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าค่ายเสินเชื่อมีทหารบาดเจ็บ? อีกอย่าง ที่นั่นยังมีอ๋องเฉิงอยู่ไม่ใช่หรือ? เจ้ากับเยียนเอ๋อร์มาอยู่เป็นเพื่อนข้า ไม่ได้ตรงไหน? หรือว่า ค่ายเสินเชื่อไม่มีเจ้าไม่ได้”

สายตาหนานชิงชิงเศร้าหมองลง นิ้วมือใต้โต๊ะกำชายเสื้อไว้แน่น

เหล่าไท่ไท่พูดไม่ผิด ค่ายเสินเชื่อตอนนี้ ไม่มีกู้โม่หาน ไม่ได้จริงๆ

นางลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าไทเฮา พูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “เสด็จย่าไทเฮา ชิงชิงก็เป็นหลานสะใภ้ของท่าน ท่านไม่ให้ชิงชิงอยู่ด้วยหรือ? หากน้องสาวเขาสองคนมีธุระ ก็ให้พวกเขากลับไปก่อน”

“ชิงชิงอยู่ปรนนิบัติ ดูแลท่านเป็นอย่างดี”

นางจะไม่ยอมให้ไทเฮาสร้างโอกาสให้กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนอยู่ด้วยกันตามลำพัง…..

อยู่ในจวนอ๋องอี้นางทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังมีหยุนอี่ว์โหรวคอยขัดขวาง เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วต้องมีคนพ่ายแพ้

แต่เมื่อออกมาจากจวนอ๋องแล้ว นางก็จะไม่ให้หนานหว่านเยียนได้สุขสบาย

ที่ไหนได้เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ไทเฮาไม่มีไม่สนใจนาง ท่าทียังเย็นชาลง

ไทเฮาที่อายุมากแล้ว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและทรงพลังว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อพวกเจ้าต่างมีงานยุ่ง งั้นก็ไปทำงานเถอะ ข้าแก่อายุมากแล้ว บีบบังคับพวกเจ้าที่ยังหนุ่มแน่นไม่ได้….แต่ยังไงก็ทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนข้าได้อยู่มั้ง?”

“พระชายาเฉิง ข้าคิดว่าอ๋องเฉิงน่าจะอยู่ทานข้าวเย็นกับฮองเฮาแล้วล่ะ เดี๋ยวมืดค่ำแล้ว เจ้ากลับไปพร้อมกับอ๋องเฉิงเถอะ”

ความหมายก็คือ ในเมื่อหนานหว่านเยียนไม่อยู่ค้างคืน งั้นใครก็ไม่ต้องอยู่ค้างคืน

หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานค่อยโล่งอก หนานชิงชิงกลับแอบกัดฟัน ราวกับโดนมีดแทงกลางอก

ทั้งสามคนต่างถวายความเคารพ พร้อมพูดว่า “น้อมรับทราบ”

หลี่หมัวมัวประคองไทเฮาออกไปจากห้องโถงก่อน บอกว่าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

นายบ่าวสองคนมาถึงตรงที่ลับ ไทเฮาหันไปมองหลี่หมัวมัวด้วยสายตาเป็นประกาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ติดตามข้ามาตั้งนานหลายปี เรื่องบางเรื่อง เจ้ารู้ว่าควรทำอย่างไรใช่ไหม?”

หลี่หมัวมัวเข้าใจขึ้นมาทันที ผงกหัวแล้วก็เดินไปยังหลังครัว….ไปทำเรื่องช่วยเหลือคนอื่นให้สมความปรารถนา

ไทเฮากลับไปที่ห้องนอนของเขาอย่างพึงพอใจ ท่าทีการก้าวเดินดูไม่เหมือนคนชราผมขาวเลย

ในห้องด้านข้างตำหนักหลวนเฟิ่ง หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน หนานชิงชิงทั้งสามคนรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นไทเฮามาพร้อมกับรอยยิ้ม หนานหว่านเยียนก็รู้สึกถึงความไม่ธรรมดา

นางกำนัลสองคนยกน้ำแกงโสมไก่มาสองถ้วย วางตรงหน้านางกับกู้โม่หาน

หนานหว่านเยียนเงยหน้ามองดูไทเฮา เห็นเพียงสายตาเป็นประกายของไทเฮา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้าโดยเฉพาะ ปกติพวกเจ้าทำงานหนัก จนลืมบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะเจ้าหก นี่เป็นน้ำแกงไก่ที่เจ้าชอบ รีบชิมดูว่ารสชาติเป็นยังไง”

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว ดูก็รู้ว่าในน้ำแกงต้องมีอะไรแน่

นางไม่ดื่ม กำลังหันไปมองกู้โม่หาน เห็นเขายกถ้วยน้ำแกงขึ้นมา แล้วดื่มลงไป

หนานหว่านเยียนหดรูม่านตาตีบตัน พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่า…..”