บทที่ 315 เปลี่ยนการตัดสินใจ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 315 เปลี่ยนการตัดสินใจ
บทที่ 315 เปลี่ยนการตัดสินใจ

หลี่อิงไห่หันศีรษะไปเหลือบมองที่พวกผู้บริหารเก่าของตนเอง

คนเหล่านี้มักจะเลียแข้งเลียขาของเขาอย่างประจบสอพลอมาโดยตลอด แต่ตอนนี้พอเกิดปัญหา คนพวกนี้กลับทิ้งเขาอย่างไม่ไยดีเลย

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีสิทธิ์จัดการกับคนพวกนี้ได้อีกแล้ว

แต่แล้วจู่ ๆ ในขณะเดียวกันนี้!

เลขาสาวน้อยที่ติดตามเขาอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอดก็เดินก้าวเข้ามาขวางตรงหน้าหลี่อิงไห่!

“คุณ…คุณทำแบบนี้ไม่ได้! บริษัทนี้เป็นความพยายามทั้งชีวิตของท่านประธานหลี่!”

เลขาสาวเงยศีรษะขึ้น แววตาของเธอมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก

เธอสูงเพียง 1.65 เมตร เธอนับได้ว่าเตี้ยถ้าเทียบกับเหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ ณ ตรงนี้ ซึ่งมันทำให้เธอดูไม่มีความน่าเกรงขามเลย

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของสาวน้อยคนนี้

เขาไม่คิดเลยว่าในช่วงเวลานี้ คนอย่างหลี่อิงไห่จะมีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ปกป้อง

อย่างไรก็ตาม แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะเลยที่จะสนับสนุนหลี่อิงไห่ ซึ่งมันจะทำให้เจ้านายคนใหม่ไม่พอใจ

“เสี่ยวอวิ๋น นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะเข้ามาแทรกแซงได้!”

หลี่อิงไห่ตกใจกับการกระทำที่กะทันหันนี้เช่นกัน แต่หลังจากได้สติ เขาก็รีบตะโกนขึ้นอย่างเร่งร้อน

เขารู้ใจของอีกฝ่าย เด็กผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสาเกินไป!

“เธอรีบถอยไปซะ ฉันถูกไล่ออกแล้ว นับจากนี้เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น!”

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม แต่ใคร ๆ ก็เห็นได้ว่าหลี่อิงไห่กำลังตื่นตระหนกอยู่ในน้ำเสียงของเขา

“ไม่! คุณใจดีกับฉัน ฉันจะไปทุกที่ที่คุณไป!”

น้ำเสียงของเลขาสาวดื้อรั้น และใคร ๆ ก็เห็นความดื้อรั้นบนใบหน้าของเธอ

อวี้ฮ่าวหรานมองดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเลขาสาวตรงหน้าเขาอย่างชัดเจนผ่านประสบการณ์ชีวิตหลายหมื่นปี

“สาวน้อย นี่เธอพูดจริงหรือเปล่าที่บอกว่าติดตามเจ้านายคนเดิมไปทุกที่ที่เขาไป? เธอรู้หรือเปล่าว่าด้วยอิทธิพลของฉันในตอนนี้ หลังจากที่ หลี่อิงไห่ถูกไล่ออกจากที่นี่ ฉันสามารถทำให้เขาไม่มีทางหางานทำในเมืองฮ่วยอันได้อีกเลยตลอดชีวิต หลังจากนี้เขาอาจจะไม่มีปัญญาซื้อข้าวกินได้ครบสามมื้อด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเธอจะทำยังไง?”

ถึงแม้ว่าจะประหลาดใจและประทับใจกับความซื่อสัตย์ของสาวน้อยคนนี้ แต่อวี้ฮ่าวหรานก็ยังอยากจะหยอกล้อเธอดูสักหน่อย

“ล…แล้ว…ยังไงล่ะ! ฉันไม่กลัวอิทธิพลของคุณหรอก!”

ดูเหมือนเลขาสาวจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงพอสมควร เธอกัดริมฝีปากก่อนที่จะขึ้นเสียงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้หลี่อิงไห่ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาดึงเลขาของตัวเองออกไปด้านข้างทันที

ยิ่งเลขาของเขาพูดมากเท่าไหร่ เรื่องมันก็ยิ่งมีแต่แย่ลงเท่านั้น!

แตกต่างจากความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย เขาเข้าใจดีกับความโหดร้ายในโลกของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการธุรกิจ มันไม่มีมนุษย์ธรรมอะไรทั้งนั้น…

และยิ่งไปกว่านั้น การทำแบบนี้มันยิ่งเป็นการสร้างความขบขันให้กับทุกคนมากกว่าเดิม

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่เลขาสาวอย่างขบขันโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาพาคนของตัวเองตรงเข้าไปในอาคาร

แต่ก่อนที่พวกคณะผู้บริหารของบริษัทอิงเหมาจะทันได้เอ่ยทักทายอวี้ฮ่าวหราน

ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส

“ฉันเปลี่ยนใจ ถ้าแกต้องการ แกยังสามารถเป็นผู้จัดการทั่วไปของที่นี่ได้ แต่อำนาจการตัดสินใจทุกอย่างจะต้องอยู่ที่ฉันทั้งหมด ทุกอย่างในบริษัทนี้จะต้องถูกกำหนดโดยฉันเท่านั้น”

ขณะพูด อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้หันศีรษะกลับแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม ประโยคนี้ทำให้หลี่อิงไห่ซึ่งกำลังจะจากไปต้องตะลึงจนแทบจะหยุดหายใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดเมื่อครู่นี้เอ่ยถึงเขา

เขาหันกลับไปมองอวี้ฮ่าวหรานอย่างไม่อยากจะเชื่อ สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันแบบนี้

หรืออาจเป็นเพราะคำพูดของเลขาของเขา?

แต่ว่าคนระดับประธานบริษัทใหญ่สนใจกับความรู้สึกของคนอื่นด้วยงั้นเหรอ?

หลี่อิงไห่รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่สามารถเดาได้จริง ๆ ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเปลี่ยนการตัดสินใจอย่างรวดเร็วขนาดนี้

แต่เลขาที่ชื่อเสี่ยวอวิ๋นไม่ได้คิดอะไรมาก ใบหน้าของเธอตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้

“ป…ประธาน…ไม่สิ ผู้จัดการหลี่! คุณได้ยินไหม! คุณยังได้ทำงานต่อ! เขาเห็นใจเรา!”

เธอส่งเสียงเชียร์และกระโดดด้วยความยินดี เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ

เสียงตื่นเต้นของเลขาสาวดังลั่น และแน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน เสียงตื่นเต้นนี้ทำให้มุมปากของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นเล็กน้อย

ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าคนอย่างหลี่อิงไห่จะสามารถมีเลขาที่กล้าหาญและซื่อสัตย์แบบนี้ได้ยังไง

แน่นอนว่าการที่จะซื้อใจคนของตัวเองได้ขนาดนี้คงไม่ใช่แค่การพูดเพียงสองสามคำ หลี่อิงไห่คงทำอะไรบางอย่างที่ดีมาก ๆ ให้กับเลขาคนนี้มานานแล้วแน่นอน

บางทีคนอย่างหลี่อิงไห่คงมีด้านดีบ้างพอที่เขาจะเอามาใช้ประโยชน์ได้

อย่างน้อย ๆ ตาแก่คนนี้ก็มีความสามารถพอในการพัฒนาบริษัท

ไม่ว่ายังไงบริษัทอิงเหมาก็พัฒนาได้ดีตลอดในช่วงที่ผ่านมา

จากนั้น ทุกคนก็เข้าไปในห้องประชุมของบริษัท หลังจากการส่งมอบและขั้นตอนที่น่าเบื่อหน่าย บริษัทก็ถูกรวมเข้ากับเครือฮ่าวหราน

นับจากนี้ธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลในเมืองฮ่วยอันจะไม่มีบริษัทไหนเทียบได้กับเครือฮ่าวหรานอีกแล้ว!

ในขณะเดียวกัน การฆ่าฟันกันระหว่างแก๊งพยัคฆ์เวหาและแก๊งวาฬยักษ์ก็เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

ในอาณาเขตของทั้งสองฝ่าย แม้แต่คนธรรมดาก็ยังรู้สึกว่ามีการต่อสู้กันมากขึ้นในหมู่พวกอันธพาลรอบตัวพวกเขา

อย่างไรก็ตาม พวกสมาชิกระดับหัวกะทิจะไม่ไปไล่ฆ่ากันข้างนอกในที่สาธารณะ พวกเขาจะไปห้ำหั่นกันในบ่อนหรือพวกผับบาร์ที่ลับตาคนแทน

“หลิ่วอวี้จิงกำลังทำอะไรอยู่?”

ภายในโรงพยาบาล โจวเฟยหู่เอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง

ในขณะนี้ หวังเหยียนเพิ่งตื่นขึ้นหลังจากการผ่าตัด

“หัวหน้า…ผมฉันคิดว่าเราต้องระวังแก๊งฉลามคลั่งให้ดี ตั้งแต่ต้น พวกเขายังไม่ได้ส่งคนออกมาเลย ผมคิดว่าอีกไม่นานพวกนั้นจะต้องกรูกันออกมาและโจมตีเราอย่างสายฟ้าแลบแน่ ๆ”

หวังเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำวิเคราะห์นี้ออกไป ถึงแม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บปางตาย แต่เขาก็ยังอยากที่จะช่วยเหลือโจวเฟยหู่ต่อไป

“อยู่เฉย ๆ ไปซะ หน้าที่ของนายตอนนี้คือพักอย่างเดียว! ฉันแค่พึมพำของฉันคนเดียวเท่านั้น”

เมื่อโจวเฟยหู่ได้ยินคำพูดของลูกน้องตัวเอง ก็รีบหันกลับมาดุทันที เขาไม่ต้องการให้ลูกน้องคนสนิทของตัวเองต้องมาร่วมแบกรับปัญหาทั้ง ๆ ที่นอนเจ็บอยู่แบบนี้

อย่างไรก็ตาม หวังเหยียนก็ยังคงดื้อดึง

“หัวหน้า! ไม่ว่ายังไงผมต้องพูด! แก๊งฉลามคลั่งไม่ใช่แก๊งที่เราจะประมาทได้ และหลิ่วอวี้จิงก็ยังไม่เผยตัวออกมาเลยจนถึงตอนนี้ บางทีพวกเขาอาจบรรลุข้อตกลงบางอย่างที่เลวร้ายกันเรียบร้อยแล้ว!”

โจวเฟยหู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นน่าคิด ดังนั้นเขาจึงไม่หยุดให้อีกฝ่ายพูดอีกต่อไป…

“พวกเขาตกลงร่วมมือกันไปแล้วไม่ใช่เหรอไง? ก็แค่ตอนนี้ ตาแก่กงซุนซายังไม่ได้ลงมือ มันก็ไม่ควรที่จะมีอะไรมากไปกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”

เขาไม่เข้าใจเลยว่ามันจะมีอะไรมากกว่านี้ได้ยังไง

หวังเหยียนวิเคราะห์ต่อทันที

“หัวหน้า คิดว่าคนอย่างหลิ่วอวี้จิงจะเป็นคนที่เต็มใจยอมทนทุกข์ทรมานอยู่ฝ่ายเดียวงั้นเหรอ? ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันแล้ว แต่แก๊งวาฬยักษ์เป็นฝ่ายเดียวที่เสียหายอย่างหนักโดยที่แก๊งฉลามคลั่งไม่ได้เสียหายอะไรเลย หัวหน้าคิดว่าตามสันดานของหลิ่วอวี้จิง มีเหรอที่คนแบบนั้นจะนั่งดูได้อยู่เฉย ๆ?”