ในขั้วโลกเหนือ

ทุกสถานที่แผ่ไปด้วยเสียงของสายลมและหิมะ

ณ จุดสูงสุดของยอดเขา

แบรี่ เสี่ยวเหมียว และกู่ฉิงซานอยู่ในกระท่อม

ทั้งสามตั้งวง นั่งล้อมรอบกองไฟที่กำลังเผาไหม้

ต่างคนต่างยกเหล้าขึ้นดื่ม ขณะเดียวกันก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของเย่เฟย์หยู

“จะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่เขาวิวัฒนาการไปสู่ขั้นถัดไป?”

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

เสี่ยวเหมียว “พิฆาตโลกแต่ละคนจะมีทิศทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และลักษณะธรรมชาติของตัวเขาเอง แต่รูปแบบชีวิตของสิ่งที่เขาดูดซับก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน”

“ดีล่ะ ดูเหมือนว่าพวกเราจะช่วยหาโอกาสให้เขาวิวัฒน์ให้เร็วขึ้นเสียแล้ว” กู่ฉิงซานสูดหายใจ

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายกำลังกังวลอยู่กันนะ?” แบรี่ถาม

กู่ฉิงซานพยักหน้าตอบ “ผมกำลังกังวลอยู่จริงๆ เพราะโลกใบนี้จำเป็นต้องการใครสักคนที่จะปกป้องมัน อย่างไรก็ตาม ผมมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำ…ตอนนี้ผมเป็นห่วงเรื่องนิกายของผมมากๆ เลย”

เขาเบนสายตามองหน้าต่างเทพสงคราม อ่านไม่กี่บรรทัดแสงหิ่งห้อยที่ยังคงลอยอยู่ที่นั่น

“คุณยังไม่ได้ใช้พลังของระบบเทพสงคราม เพื่อหวนกลับไปยังโลกเดิม”

“ระบบได้สะสมพลังงานเพียงพอแล้ว”

“นับจากเวลานี้ คุณสามารถไปยังโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ได้ตลอดเวลา”

“เมื่อคุณต้องการ โปรดสื่อสารกับระบบเพื่อทำการเคลื่อนย้ายด้วย”

กู่ฉิงซานส่ายหัว สลัดอารมณ์ว้าวุ่นทิ้งไป

หลังจากที่เขาส่งฉินรั่วกับว่านเอ๋อกลับไป ก็ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ อีกเลย

เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับท่านอาจารย์ เซี่ยวโหลว ซิวซิว ตนไม่อาจรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้างในตอนนี้

แต่น่าเสียดายที่ในโลกเดิมยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการ เขาจึงยังไม่สามารถจากไปในเวลานี้ได้

“นิกายงั้นเหรอ?” เสี่ยวเหมียวถามด้วยความอยากรู้

“ใช่ ผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีรากฐานและที่มาของการสืบทอดวิชา”

กู่ฉิงซานบอกเล่าเกี่ยวกับโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์และโลกเทวะ

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวต้องประหลาดใจอีกครั้ง

“อืม ไม่ต้องกังวลจนเกินไปหรอก เท่าที่ฟังดู เรื่องของทางฝั่งนู้นไม่น่าจะเร่งด่วนอะไรนะ” แบรี่ปลอบ

ว่าแล้วเขาก็ยกแก้วขึ้นชนกับกู่ฉิงซาน

ทั้งสองยกซดมันรวดเดียวหมด

กู่ฉิงซาน “อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ผมเองก็หวังว่าจะจบเรื่องของที่นี่โดยเร็ว ผมจะได้กลับไปดูว่าทางฝั่งนั้นเป็นอย่างไรบ้างสักที”

แบรี่ถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดเลยว่านายจะเหมือนกับฉัน ที่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของแต่ละโลก ว่าแต่นายรู้สึกอย่างไรหรือ เวลาที่ได้ช่วยโลกเอาไว้?”

กู่ฉิงซานถอนหายใจและกล่าว “สำหรับผม การช่วยโลกมันไม่แตกต่างไปจากการส่งอาหารเลย”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“ก็หมายความว่าระหว่างทางมันต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก และจะไม่สามารถหยุดงานได้ จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย”

แบรี่พอได้ฟังก็หัวเราะ

“ประโยคนี้คุ้มค่าที่จะให้นายได้ดื่มมันอีกหนึ่งแก้ว”

เขาเติมเหล้าใส่แก้วของกู่ฉิงซาน ใส่ของตัวเอง และยื่นมันให้แก่เด็กหนุ่มเพื่อเป็นการแสดงความนับถือ

ทั้งสองดื่มรวดเดียวหมดอีกครั้ง

กู่ฉิงซานเหมือนจะนึกได้ถึงบางสิ่ง เอาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ผมได้ยินมาว่าโลกเก้าร้อยล้านชั้นไม่อนุญาตให้ทำการผสานโลกโดยพลการ นี่เป็นเรื่องจริงรึเปล่า?”

“อืม เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะการจับเอาแหล่งกำเนิดของโลกอื่นมาหลอมรวม แล้วส่งผลให้แข็งแกร่งขึ้น มันเป็นสิ่งล่อใจที่รุนแรงเกินไป”

“ซึ่งถ้าทุกคนทำแบบนั้น โลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้นคงไม่แคล้วถูกโยนลงสู่ท่ามกลางพายุเลือด”

“ดังนั้นเหล่าตัวตนทรงอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเก้าร้อยล้านชั้น จึงได้มาประชุมกัน และก่อร่างสนธิสัญญาว่าจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ทำการผสานโลกโดยพลการ ยกเว้นตามโควตาที่กำหนดไว้ ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษอย่างร้ายแรง”

กู่ฉิงซาน “แต่ผมบังเอิญไปผสานรวมสองโลกเข้าด้วยกันเสียแล้ว”

“สำหรับนาย มันไม่เป็นไรหรอก”

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

แบรี่ “เพราะนายเป็นสมาชิกของสมาคม และสมาคมของเราก็ไม่เคยใช้โควตาในการผสานโลกเลยน่ะสิ”

กู่ฉิงซานอึ้งงัน แต่แล้วเขาก็เริ่มตระหนักได้ทันที

แบรี่น่ะเป็นตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการ เสี่ยวเหมียวเองก็เช่นกัน

ดังนั้นพวกเขาจะต้องมีสิทธิ์และอำนาจพิเศษบางอย่าง อย่างแน่นอน

“พวกคุณไม่เคยผสานรวมโลกเข้าด้วยกันเลยงั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานถาม

“ช่วงก่อนหน้านี้ พี่ชายของฉันได้รับบาดเจ็บ และไม่สามารถออกไปไหนได้ แถมพวกเรายังมีปัญหาในด้านอาหารการกินอีก แล้วพวกเราจะไปเอาแรงและเวลาที่ไหน ออกค้นหาโลกมาผสานเล่นกันเล่า?” เสี่ยวเหมียวยิ้มแห้งๆ ออกมา

“ไม่ใช่ว่าการผสานโลกจะช่วยให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นหรอกเหรอ?”

“มันสามารถช่วยเพิ่มขีดกำจัดสูงสุดของความแข็งแกร่ง และทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดแข็งแกร่งขึ้นได้ก็จริง แต่มันไม่สามารถช่วยรักษาได้”

แบรี่กล่าว “แต่การผสานรวมโลกมันส่งผลดีมากจริงๆ อย่างเช่นอาจารย์ของแฟนนาย เขาได้ทำการผสานรวมโลกที่เด่นในด้านเทียนซวนเข้าด้วยกันหลายใบ ส่งผลให้ในที่สุดโลกทะเลเลือดของเขาก็กว้างใหญ่ขึ้น”

เสี่ยวเหมี่ยว พูดบ้าง “ก่อนหน้านี้ ที่คนจากสถาบันเทพยังไม่บ้า พวกเขาเองก็ได้ทำการผสานรวมโลกด้านลึกลับหลายใบเข้าด้วยกันเหมือนกัน”

“ด้านลึกลับ…” กู่ฉิงซานพึมพำ

เขาย้อนนึกไปถึงสกิลลึกลับของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแต่ละสกิลล้วนทรงพลังและพิสดารเป็นอย่างมาก

เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าโลกที่เน้นผสานรวมในด้านลึกลับจะพัฒนาไปในทิศทางใด

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ท่าทีของเสี่ยวเหมียวก็กลายเป็นจริงจังมากขึ้น

เธอเอ่ยเตือน “โลกในด้านลึกลับมันแปลกประหลาดมาก ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วทุกคนมักจะไม่เต็มใจที่จะไปยั่วยุพวกเขา นายต้องจำเอาไว้ให้ดี ว่าอย่าไปยั่วยุผู้คนในด้านลึกลับ”

แบรี่เสริม “เมื่อนายต้องสู้กับพวกในด้านลึกลับ นายจะไม่อาจมั่นใจได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งนี่นับว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัวมากๆ”

กู่ฉิงซานพยักหน้า พอนึกไปถึงตอนที่ได้ต่อสู้กับสาวกศักดิ์สิทธิ์ พลังของอีกฝ่ายแต่ละคนมันก็ชวนให้เขาปวดหัวจริงๆ นั่นแหละ

เขาถามอีกครั้ง “ดังนั้น ก็หมายความว่าพวกคุณไม่เคยมีความตั้งใจที่จะผสานรวมโลกเลยน่ะสิใช่ไหม?”

เสี่ยวเหมียวอธิบาย “ไม่เสียทีเดียว อันที่จริงพี่ชายกับฉัน พวกเราเกิดมาในโลกมนตรา และเดิมทีฉันวางแผนที่จะรวบรวมโลกที่โดดเด่นด้านมนตราเข้ากับโลกของพวกเรา เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระดับรายบุคคลขึ้น แต่น่าเสียดาย ที่พวกเราไม่มีเวลาและพลังงานมากพอที่จะทำเรื่องนี้”

“ถ้างั้น หากผมต้องการที่จะผสานรวมโลกหกวิถีเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง ผมจะสามารถทำมันได้ใช่ไหม” กู่ฉิงซานกล่าว

เมื่อทั้งสามพูดคุยกันมาถึงจุดนี้ ทั้งหมดก็เงียบกันไปพักหนึ่ง

เพราะทั้งหมดพลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

กู่ฉิงซานเป็นคนแรกที่เอ่ยถาม “มีใครในโลก เก้าร้อย ล้านชั้น เคยคิดที่จะทำแบบเดียวกับผม ทำการผสานรวมโลกหกวิถีเข้าด้วยกันบ้างรึเปล่า?”

“ไม่มี” แบรี่ตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด

“เพราะในโลก เก้าร้อย ล้านชั้นน่ะ มีโลกหกวิถีอยู่โลกสถานที่เดียวเท่านั้น และมันซ่อนตัวอยู่ในดินแดนอัศจรรย์ แค่การจะเข้าไปค้นหามันยังเป็นเรื่องยากเลย ดังนั้นการผสานรวมคงไม่ต้องกล่าวถึง”

โลกหกวิถีคือวัฏจักรปิด ดังนั้นถ้าพวกมันทั้งหมดถูกผสานรวมเข้าด้วยกัน จะก่อให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่นะ?

กู่ฉิงซานไตร่ตรองอย่างเงียบๆ

พระเจ้าประหลาดนั่น สามารถรับรู้ถึงคลื่นความผันผวนของสุสานแห่งโลก ในตอนที่ปรภพกับโลกมนุษย์ได้ทำการผสานรวมเข้าด้วยกัน

ตั้งแต่ที่โลกถูกผสานรวม ก็เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น…

ถ้างั้น หากเขายังคงผสานรวมหกวิถีต่อไป ตนก็จะค้นพบเบาะแสได้มากกว่านี้ใช่หรือไม่?

บางที เขาอาจจะได้รับเบาะแสอย่างตำแหน่งที่แน่นอนของสุสานแห่งโลก หรือกระทั่งวิธีที่จะเปิดมันก็ได้

หากเป็นในกรณีนี้ การผสานรวมทั้งหกวิถีเข้าด้วยกันก็เป็นสิ่งจำเป็น

เสี่ยวเหมียวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม “ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด โลกที่นิกายของนายตั้งอยู่ก็เป็นโลกหกวิถีเหมือนกันใช่ไหม?”

“ใช่” กู่ฉิงซานกล่าว

เสี่ยวเหมียว “พี่ชาย นี่มันชักจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ทำไมถึงได้มีโลกหกวิถีซ่อนอยู่มากมายในโลก เก้าร้อย ล้านชั้นกันแน่?”

แบรี่ “พี่เองก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน”

กู่ฉิงซานไม่ได้กล่าวสิ่งใด

โลกหกวิถี เดิมทีถูกสงวนเอาไว้สำหรับเหล่าทวยเทพ ทว่ามันกลับถูกทำลาย และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลุดรอดออกมาในโลกกระจัดกระจาย

นอกจากนี้ ระบบเทพสงครามยังเตือนเขาซ้ำๆ ถึงความจริงอันน่าอัศจรรย์นี้ ว่าจะต้องไม่แพร่งพรายมันออกไป มิเช่นนั้นจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้

กู่ฉิงซานยังคงเลือกที่จะไม่พูด เขาเก็บเรื่องนี้เอาไว้อย่างเงียบๆ

เสี่ยวเหมียวเอ่ยเสริม “ฉันเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากทำการผสานรวมทั้งหกวิถีเข้าด้วยกัน”

กู่ฉิงซาน “ก็ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว งั้นทำไมพวกเราไม่ทำมันเสียตอนนี้เลยล่ะ?”

“นายแน่ใจเหรอว่าจะทำจริงๆ?” แบรี่ถาม

“แน่ใจ”

กู่ฉิงซานยืนขึ้น และกล่าวต่อ “เพราะตอนนี้โลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้นกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง และคุณเองก็ได้ค้นพบถึงความลับของสถาบันเทพแล้ว”

“ในเมื่อพระเจ้าแปลกๆ ของทางสถาบันเทพก็ยังสามารถรับรู้ถึงที่นี่ได้ ดังนั้นผมคิดว่าวันหนึ่ง โลกใบนี้คงจะไม่สามารถหลบซ่อนได้อีกต่อไป อีกไม่คงจะมีผู้คนมากขึ้นที่ค้นพบมัน”

“โดยสรุปแล้ว จำเป็นที่จะต้องให้สิ่งมีชีวิตในโลกนี้แข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด”

แบรี่ลุกขึ้นและกล่าว “โอเค งั้นพวกเราก็มาเริ่มทำการผสานรวมทั้งหกโลกเข้าด้วยกัน กันเลย”

เสี่ยวเหมียวยืนขึ้น และพูดบ้าง “เรื่องนี้น้องเอาด้วย มันน่าสนใจมากจริงๆ พวกเราจะเริ่มกันตอนนี้เลยดีไหม?”

“ดีล่ะ ไปกันเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าว

แต่ในเวลานั้นเอง ประตูกระท่อมก็ถูกเปิดออก

เย่เฟย์หยูเดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา

แบรี่ เสี่ยวเหมียว และกู่ฉิงซานหันไปมองหน้ากันและกัน

“กู่ฉิงซาน นายมีอะไรจะคัดค้านไหม?” เสี่ยวเหมียวถาม

“แน่นอนว่าไม่ ผมโอเค เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา” กู่ฉิงซานกล่าวทันที

“งั้นพวกเรามาจัดการเรื่องของเขาให้มันเรียบร้อย ก่อนที่จะทำการผสานทั้งหกโลกก็แล้วกัน” แบรี่กล่าว

กู่ฉิงซาน “ตกลง”

ทั้งสามทิ้งตัวลงบนที่นั่งของตนอีกครั้ง

สายตาของพวกเขา ทั้งหมดตกลงบนร่างกายของเย่เฟย์หยู

เย่เฟย์หยูได้ฟังบทสนทนาและท่าทีของทั้งสาม เขาก็อดไม่ได้ที่จะสับสน

เขาหันไปอธิบายให้กู่ฉิงซาน “ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น เทพธิดากงเจิ้งเลยขอให้ซางหยิงฮ่าวออกไปจัดการเป็นการส่วนตัว ซางหยิงฮ่าวก็เลยรวดพาเหลียวฮังไปร่วมมือกันช่วยเทพธิดาเสียเลย”

กู่ฉิงซาน “ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยพวกเขาไปก่อน เพราะตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องบอกนาย”

“เรื่องอะไร?” เย่เฟย์หยูถาม

“ให้ฉันพูดเอง” เสี่ยวเหมียวแทรก

เธอมองเย่เฟย์หยู และกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “นายต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วไหม?”

เย่เฟย์หยูมองกู่ฉิงซาน

“ตั้งใจตอบด้วย” กู่ฉิงซานเตือน

เย่เฟย์หยู “ผมต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น”

เสี่ยวเหมียวแนะนำ “พอดีว่าเรากับกู่ฉิงซานเป็นพันธมิตรกัน และทางเราได้จัดตั้งสมาคมขึ้น นายต้องการที่จะเข้าร่วมรึเปล่า?”

“กู่ฉิงซานก็อยู่ในสมาคมใช่ไหม?”

“ใช่”

“งั้นตกลง ผมต้องการจะเข้าร่วมด้วย” เย่เฟย์หยูตอบโดยไม่เสียเวลาคิด

“ตอบเร็วจัง นี่นายจะไม่ลองทบทวนดูหน่อยเหรอ?”

“ไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องทบทวน ผมเชื่อในการตัดสินใจและการเลือกของกู่ฉิงซาน ในเมื่อเขาเข้าร่วม ถ้าอย่างงั้นผมก็เอาด้วย”

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวยิ้ม

“โอเค งั้นตอนนี้ฉันจะอธิบายเรื่องของสมาคมและองค์ประกอบของโลกต่างๆ ให้นายฟังนะ” เสี่ยวเหมียวกล่าว

เธอบอกเล่าเกี่ยวกับสมาคมกำปั้นเหล็ก อธิบายแนวคิด และการแบ่งดินแดนของโลก เก้าร้อย ล้านชั้น

เย่เฟย์หยูถึงขั้นลืมหายใจ และไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้เป็นระยะเวลานาน

เขาไม่ใช่คนโง่ ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจถึงสถานะของสมาคมกำปั้นเหล็กในโลก เก้าร้อย ล้านชั้น

ด้วยโอกาสดังกล่าวที่ถูกวางเอาไว้ตรงหน้า ในสมองของเย่เฟย์หยูว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง

ยิ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับโลก เก้าร้อย ล้านชั้นคงไม่ต้องกล่าวถึง มันได้ทำลายความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่ของเขาไปโดยสิ้นเชิง

ซึ่งในช่วงที่กู่ฉิงซานได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาเองก็ตกใจมากเหมือนกัน

ทั้งสามเฝ้ารออย่างเงียบๆ ค่อยๆ ให้เย่เฟย์หยูกลั่นกรองความรู้ใหม่อย่างช้าๆ

ในที่สุดแบรี่ก็เอ่ยปาก “ว่าอย่างไร? ถ้าไม่มีคำถามอื่นอีก ฉันจะถือว่านายเป็นสมาชิกของสมาคมแล้วนะ”

เย่เฟย์หยูสงบลงและกล่าว “อันที่จริงแล้วผมมีอยู่คำถามหนึ่ง”

แบรี่ “โอ้ คำถามอะไรงั้นเหรอ?”

เย่เฟย์หยูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เอ่ยถามด้วยความกระวนกระวาย “ผมขอพาแฟนไปด้วยจะได้ไหม?”

…………………………………..