ตอนที่ 142-1 ขนมนมไส้สาเก กับ ห้องแห่งความรักใคร่อันแสนอบอุ่น

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เรื่องที่จะต้องตระเตรียมก่อนออกเดินทางนั้นมีมากนัก ซย่าโหวซื่อถิงยุ่งง่วนจนไม่ได้กลับเรือน ตอนกลางวันไปค่ายทหารที่ชานเมืองหลวงกับซือเหยาอันเพื่อฝึกทหาร จัดแจงผู้ติดตามไปเขตฉางชวน บางครั้งก็ยุ่งจนถึงกลางดึกจึงจะได้กลับมา เนื่องจากกิจมีมากนะ หมออิงจึงได้ติดตามไปกลับรับใช้ทุกวัน รับผิดชอบดูแลพระพลานามัยของท่านอ๋องหากมีเหตุฉุกเฉิน

 

 

ผ่านไปเพียงหนึ่งวัน หรุ่ยจือได้คุยกับพ่อบ้านเกาไว้แล้วว่า จะติดตามไปดูแลที่ค่ายทหาร เดิมทีพ่อบ้านเกาคิดว่าหญิงสาวไปที่ของชายหนุ่มเช่นนั้นไม่สะดวกนัก มีแค่หมออิงก็เพียงพอแล้ว แต่เนื่องด้วยทนต่อการเซ้าซี้ตื๊อตามของหรุ่ยจือไม่ไหว คิดว่ามีหญิงสาวอยู่ข้างกายจะทุ่มเทกว่าบ้าง จึงได้ตอบตกลงในที่สุด แล้วกำชับหรุ่ยจือให้เตรียมเสื้อผ้าน้ำชาในกระโจมไว้ก่อนทุกวัน เตือนท่านอ๋องให้เสวยพระโอสถและทรงพักมิให้เหนื่อยเกินไป

 

 

หรุ่ยจือดีอกดีใจใหญ่ รีบตอบรับตกลง

 

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ฉิงเสวี่ยและเจินจูกำลังรายงานให้พระชายาที่เรือนของพ่อบ้านอยู่พอดี ก่อนจะกลับก็เห็นหรุ่ยจือมา มีความสงสัยใคร่รู้ จึงได้จงใจอยู่หน้าประตูเรือนอีกสักพัก ฟังเสร็จจึงได้กลับเรือนของนายตน

 

 

ท้ายปีแล้ว ในชั่วพริบตานั้นอากาศก็เย็นลงไม่น้อย จวนฉินอ๋องอยู่ที่เมืองทางทิศเหนือใกล้กับชานเมือง สภาพอากาศนั้นหนาวกว่าเล็กน้อย หลังจากที่ฝนตกซาๆ ติดต่อกันมาสองวัน ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม เต็มไปด้วยเมฆหมอก หนาวจนทำให้ไม่อยากออกจากห้อง

 

 

โชคดีที่จวนอ๋องนั้นไม่ว่าจะเรียบง่ายเพียงใด นายจะถูกกดขี่ถึงเพียงไหน ข้าวของเครื่องใช้เงินทองที่ควรได้ ทางราชสำนักก็ยังคงทำตามกฎธรรมเนียมอย่างยุติธรรม อุปกรณ์เครื่องใช้ในฤดูหนาวยังคงให้มาอย่างเพรียบพร้อม ทั้งผ้านวมหนา ถ่านรุ่ย พริกไทยบดที่เอาไว้ทากำแพง ผ้าม่านกันหนาว ต่างก็แจกจ่ายมาให้จากในและนอกเรือนมาตั้งแต่เมื่อไม่กี่วันก่อน มาเก็บไว้ในคลังของจวน

 

 

พื้นเพของคนในเรือนอ๋องนั้น อวิ๋นหว่านชิ่นแทบจะคุ้นเคยหมดแล้ว เพียงแค่สี่สิบกว่าคนนี้ ชุยอินหลัวที่จัดการยากที่สุดนั้น ตั้งแต่คืนนั้นที่โวยวายไปครั้งหนึ่ง วันที่สองประท้วงอดอาหาร หลังจากนั้นก็เงียบสงบลงแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก

 

 

เห็นฉินอ๋องไปค่ายทหารชานเมืองทุกวัน อวิ๋นหว่านชิ่นก็เข้าใจแล้วว่า เขาเสนอขออาสารับตำแหน่งที่เขตฉางชวน นอกจากจะอยากใช้สภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นั่นสร้างผลงานแล้ว มีอีกเรื่องที่สำคัญมากก็คือ องค์ชายจะออกนอกเมือง ต้องมีทหารคอยติดตามอารักขา หากจะพึ่งเพียงราชองครักษ์ที่ไว้ใจของเรือนหน้าจวนอ๋องนั้นคงไม่เพียงพอ นี่เป็นโอกาสที่จะได้สั่งการโยกย้ายและสามารถใกล้ชิดทหารสามพันนายอย่างไม่มีข้อกังขา

 

 

ราชสำนักแยกองค์ชายและเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของเขาออกจากกัน ก็เพื่อป้องกันองค์ชายมีความคิดไม่ซื่อ ป้องกันไม่ให้ทั้งสองฝั่งใกล้ชิดสนิทสนมกันมากเกินไป หากอยู่ในเมืองหลวง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ค่อยมีโอกาสในการสั่งโยกย้ายทหารสักเท่าไร แต่ไปรับตำแหน่งท้องถิ่นก็จะสามารถมีเหตุผลทำเรื่องนี้ได้

 

 

ก่อนเจินจูและฉิงเสวี่ยกลับมานั้น อวิ๋นหว่านชิ่นหมักสาเกบรรเทาความหนาวสองสามไห เพิ่งจะปิดผนึกเสร็จ อยากจะรอให้อากาศหนาวกว่านี้ค่อยเปิดไหมาอุ่นบนเตาดินดื่ม แล้วจู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นได้ จึงเก็บสาเกที่เหลืออยู่เล็กน้อยนั้น มาห่อในไขนมที่แข็งตัวเป็นทรงกลม ทำเป็นขนมเม็ดไขนมไส้สาเก ถึงเวลาเอาไว้ใช้ปลอบเอาใจเจ้าเด็กอ้วนชุยอินหลัวได้ กำลังทำไปคุยไปกับชูซย่า สาวใช้สองคนนั้นก็คุยเสียงเจี๊ยวจ๊าวเปิดม่านเดินเข้ามา รายงานเรื่องในเรือนพ่อบ้านเกาให้แก่พระชายาฟัง

 

 

ชูซย่าขมวดคิ้วบ่นเสียงแผ่วเบา “หรุ่ยจือนี่ นับวันจะยิ่งเหิมเกริม ดูแล้วไม่แน่ว่าอาจจะเสนอตัวติดตามไปเขตฉางชวนอีก ให้ใครติดตามองค์ชายสามนางก็ไม่ไว้ใจทั้งนั้น มีเพียงตัวนางเองถึงจะปลอดภัยที่สุด เห็นตัวเองเป็นใครกัน”

 

 

“แต่จะว่าก็ว่า หน้าที่ของแม่นางหรุ่ยจือก็คือสาวใช้ติดตามข้างกายองค์ชายสาม โดยหลักแล้ว ถึงจะไปด้วยกัน พระชายาของเราก็คงจะว่าอะไรไม่ได้” เจินจูกล่าวอย่างระมัดระวัง

 

 

ฉิงเสวี่ยดึงปลายเสื้อของนาง ส่งสัญญาณว่าอย่าพูดให้พระชายาไม่พอพระทัย

 

 

สองสามวันมานี้ อวิ๋นหว่านชิ่นแทบจะไม่เห็นหรุ่ยจือเลยแม้แต่เงา ตอนกลางวันนางตามไปรับใช้ที่ค่ายทหาร ไม่อยู่ในจวน ตกดึกฉินอ๋องกลับมาแล้ว ก็ไม่เคยพบนางเลย ตอนหลังได้ยินเจินจูบอกว่า หลังจากวันนั้นที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นหลังกลับมาจากในวัง พ่อบ้านเกากลัวตนจะโกรธแค้นหรุ่ยจือ จึงได้สั่งให้นางไม่ต้องมารับใช้ที่เรือนหลักชั่วคราว

 

 

เมื่อฉินอ๋องอยู่ในจวนนั้น ก็เสด็จไปเพียงเรือนหลักและห้องหนังสือเท่านั้น เรือนหลักนี้หรุ่ยจือไม่สะดวกมารับใช้ จึงได้ประทับอยู่เพียงในห้องหนังสือโดยตลอด

 

 

ก็ไม่แปลกที่ฉิงเสวี่ยเจินจูจะกลัวตนไม่พอใจ ฉินอ๋องหลายวันนี้ยุ่งจนแทบจะติดปีก เท้าไม่แตะถึงพื้น นอกจากตอนบรรทมจะกลับห้องบรรทม กลางวันค่ายทหาร กลางคืนห้องหนังสือ อยู่กับหรุ่ยจือมากกว่าพระชายาเป็นไหนๆ

 

 

เห็นว่าพระชายาไม่รับสั่งอะไร นอกจากชูซย่าที่รู้นิสัยนายของตน ว่าคงไม่ใส่ใจหรุ่ยจือนั่นเป็นแน่ ฉิงเสวี่ยและเจินจูกลับกลัวว่าพระชายาจะไม่พอใจจริงๆ เจินจูทำงานว่องไวเรี่ยวแรงเยอะนัก แต่กลับไม่ฉลาดพูดเท่าไร ฉิงเสวี่ยยังถือว่าหลักแหลม ปากก็ไว เท้าเอวแล้วกล่าวทันที “ขอเพียงพระชายารับสั่ง บ่าวก็จะไปเรียกหรุ่ยจือกลับมาจากค่ายทหารให้ทันทีเพคะ”

 

 

เรียกกลับมาหรือ หรุ่ยจือนั่นกับซือเหยาอันเป็นมือซ้ายมือขวาของฉินอ๋องมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งสามเป็นดั่งสามเหลี่ยมเหล็กที่แยกจากกันไม่ได้ ตอนนี้จู่ๆ จะหักออกจากกันได้อย่างไรกัน อวิ๋นหว่านชิ่นทำเพียงสั่งชูซย่าให้นำขนมเม็ดไขนมไส้สาเกนี้ยกไปส่งให้ชุยอินหลัว

 

 

เมื่อถึงตอนบ่าย ฝนหยุดตกแล้ว พื้นก็แห้งแล้ว แสงแดดส่องออกมาจากหลังชั้นเมฆ ท้องฟ้าสว่างสดใสไม่น้อย สาดส่องจนบนพื้นนั้นอบอุ่นขึ้นมา

 

 

ตอนกลางวันอวิ๋นหว่านชิ่นกอดเตาถ่านนอนพักไปสักพัก ตื่นขึ้นมาก็กระปรี้กระเปร่า ในตัวเหมือนว่ามีพละกำลังมากมายที่ใช้ไม่หมด นางสวมเสื้อคลุมขนแกะตัวหนา พาชูซย่าและฉิงเสวี่ยเจินจูไปดูคลังของจวนอ๋อง แล้วรวดจัดของที่นำติดตัวมาตอนอภิเษกสมรสด้วย

 

 

แม้จะแต่งเข้าเรือนมาหลายวันแล้ว แต่ทว่า ไม่ก็ยุ่งง่วนกับการเข้าวัง ไม่ก็ฝนตกขัดขวางจนทำให้ออกมาไม่ได้ วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เดินชมจวนฉินอ๋อง

 

 

การกำหนดที่ทางจวนอ๋องขององค์ชายนั้นล้วนแล้วแต่ให้กรมโยธาเป็นผู้กำหนด ต้องบอกว่า ถึงแม้การตกแต่งภายในจวนอ๋องนั้นไม่ถือว่าหรูหรานัก หน้าประตูจวนก็ราบเรียบคับแคบไม่สะดุดสายตา แต่พื้นที่ใช้สอยนั้นไม่น้อย ตัวเรือนอาศัยกับสวนดอกไม้และสระทางด้านหลังนั้น พื้นที่ประมาณเกือบเก้าสิบหมู่ ความยาวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ประมาณสามร้อยเมตร ความกว้างจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตกประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบห้าสิบเมตร ตึกรามสับหว่าง หลังคาทับซ้อน เขาน้ำล้อมรอบ เพียงแต่คนน้อยไปเสียบ้าง นอกจากบ่าวหลักในเรือนในที่ไม่ถึงห้าสิบคนแล้ว ก็มีเพียงทหารรู้ใจที่ดูแลความปลอดภัยอยู่ข้างหน้า ทั้งเรือนนี้ แลดูว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่า นายก็ไม่ค่อยใส่ใจดูแลสักเท่าไร หรือจะว่า ใจไม่อยู่กับการตกแต่งเรือนนี้เลยก็ว่าได้ หลายตึกหลายห้องที่สีถลอกกำแพงแตกนั้น ก็ยังไม่อยากเสียเวลาไปบูรณะซ่อมแซม

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นนั่งยองลง มือเกยจับเสาต้นหนึ่ง ตุบ! เศษดินปั้นก็ตกลงมา นางถอนหายใจ ปัดมือ แล้วลุกขึ้นเดินต่อ