เมื่อพบว่าพระอาจารย์ช่างจื้อเกี่ยวข้องกับกลุ่มดาวหมิงเวยจึงเปลี่ยนใจ
กลุ่มดาวพวกนั้นยื่นมือมาถึงทุ่งหญ้าเพื่อความสงบสุข และความมั่นคงของแปดเผ่าในเป่ยหูงั้นหรือ
เหลือเชื่อ!
จากนิสัยในชาติก่อนสิ่งที่เหล่ากลุ่มดาวต้องทำคือโต้กลับก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้พวกเขายื่นมือเข้าไปในเผ่าฉีหูแล้วไม่ง่ายเลยที่ตนจะไปเข้าร่วมด้วย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ต้องเปลี่ยนแผน ซูถูคิดจะใช้ตนมันไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดหรือ
ให้เขาเริ่มก่อนแล้วตนค่อยตามเข้าไป ส่วนหลังจากนั้นจะทำอย่างไร ดูและจัดการไปตามสมควรก็พอ!
หมิงเวยดื่มชาไปสองถ้วยแล้วซูถูก็ยังไม่พูดอะไรออกมา นางหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะอารมณ์ไม่ดีจึงขี้เกียจเล่นละครต่อหน้าเขานางจึงถามไปว่า “องค์ชายยังคิดไม่ออกหรือ”
ซูถูกำลังคิดว่ามีวิธีแก้ปัญหาอื่นหรือไม่ อย่างเช่นข่มขู่นางด้วยการเอาชีวิตของทุกคนในกองคาราวานมาต่อรอง ความคิดนี้ถูกเขาปัดทิ้งไปทันที
หนึ่ง ถึงแม้จะพบกันไม่นาน แต่เขาก็มีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งแม่นางหมิงผู้นี้ไม่ใช่คนดีอย่างที่น่าซูบอกเอาไว้ เขาได้กลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับตนออกมาจากตัวของนาง นางเปิดโปงเรื่องนี้ออกมาตรงๆ หมายความว่าเดิมทีนางไม่ได้นึกถึงกองคาราวานขู่ไปจะได้ผลงั้นหรือ
สอง การข่มขู่เป็นวิธีการที่ด้อยที่สุดยอดฝีมืออย่างนางแม้ถูกบังคับข่มขู่ให้ทำอะไรบางอย่างเพื่อเขา ผู้ใดจะรู้ว่าจะมีกลอุบายอะไรในนั้นหรือไม่ เส้นทางของเสวียนชื่อละเอียดอ่อน และลึกซึ้ง แม้นางจะลงมือจริงตนก็ไม่มีทางรู้ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตัดออก
ถ้าไม่ข่มขู่ก็เหลือเพียงทางเดียวเท่านั้นคือการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีซึ่งมันก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
นางเป็นคนจงหยวนไม่สนใจความสัมพันธ์หรือผลประโยชน์ต่างๆ ในหูตี้อยู่แล้ว เมื่อเรื่องทางนี้จบลงนางก็จากไปโดยไม่สนอะไรอยู่แล้วเรื่องทุกอย่างจัดการได้อย่างสะอาดหมดจด
ซูถูตัดสินใจพูดว่า “พิธีกรรมเทียนเสินแม่นางหมิงคงได้ยินมาแล้ว”
“ใช่เจ้าค่ะ”
ซูถูพูดต่อ “เป็นความจริงที่พระอาจารย์ช่างจื้อมีพลังแกร่งกล้ามาก พระของพวกเราเผ่าหมาป่าหิมะไม่มีผู้ใดเทียบได้สักคน หากพิธีกรรมเทียนเสินเริ่มต้นเช่นนี้ หัวหน้าเผ่าฉีหูต้องการอะไรเกรงว่าเขาจะได้รับพระประสงค์จากพระเจ้าเช่นนั้น”
“แล้วอย่างไรหรือเจ้าคะ”
“แม่นางหมิงมีเคล็ดวิชาที่สูงส่งวิธีการเหล่านั้นแม่นางคงเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีใช่หรือไม่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในที่สุดก็เห็นความจริงใจเล็กน้อยหมิงเวยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “องค์ชายจะให้ข้าหยุดพระอาจารย์ช่างจื้องั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่” ซูถูตอบ “แม่นางหมิงช่วยพระของพวกเราเพื่อให้ได้พระประสงค์ของพระเจ้าที่เราต้องการด้วยเถิด”
“ค่าตอบแทนล่ะเจ้าคะ”
ซูถูชะงักเขาตอบเสียงขรึม “แม่นางหมิงเรียกร้องมาได้เลยตราบเท่าที่เหมาะสม เผ่าหมาป่าหิมะจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหามาให้ท่านได้”
หมิงเวยยิ้ม ใจกว้างมากดูเหมือนเขาจะรีบจริงๆ
ใช่ ทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้พร้อมแล้วขาดเพียงสิ่งที่สำคัญอย่างเดียว ซูถูในตอนนี้ยังคงเป็นชายหนุ่มที่กระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ตัวเองวีรบุรุษในอนาคตของราชวงศ์เว่ยตะวันตกยังไม่มีประสบการณ์ที่โชกโชนนัก
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ!” นางยิ้ม “มีเรื่องอะไรที่คุยกันไม่ได้เล่า ข้าอยากบอกองค์ชายว่าวิธีการเหล่านี้เพียงพอสำหรับการต่อกรกับพวกหูเหริน แต่สำหรับคนจงหยวนยังถือว่าอ่อนหัดนักเจ้าค่ะ!”
พูดถึงเรื่องนี้ซูถูจึงถามไปว่า “แม่นางหมิงมองออกได้อย่างไร”
“ยังต้องมองอีกหรือเจ้าคะ” หมิงเวยไหวไหล่ “เขาเทียนเสินเป็นสถานที่อย่างไร องค์ชายน่าซูพาพวกเรามาที่นี่ง่ายดายเช่นนี้คิดอย่างไรก็แปลก”
เมื่อเห็นซูถูครุ่นคิดหมิงเวยจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะเจ้าค่ะ องค์ชายไม่ต้องคิดให้มากความ ถ้าจะให้ตอบก็คือมันเป็นสัญชาตญาณของคนจงหยวน ประวัติศาสตร์ของเราเต็มไปด้วยแผนชั่วร้ายแบบลับๆ ตั้งแต่เด็กจนโตไม่รู้ว่าอาจารย์สั่งสอนมากี่ครั้งแล้วยังต้องให้มองอีกหรือ”
“เป็นเช่นนั้นหรือ…” ซูถูพูดเสียงเบาความมั่นใจของเขาเริ่มสั่นคลอน
แต่เขาคิดอีกทีก็พูดอีกว่า “เป็นเพราะแม่นางหมิงฉลาดเกินไปหรือไม่ ก่อนหน้านี้ข้าเคยพบคนจงหยวน จับกุมบัณฑิตได้จำนวนหนึ่ง แต่พวกเขาไม่ได้เป็นเช่นท่าน”
หมิงเวยหัวเราะเบาๆ “ผู้ที่ถูกท่านจับกุมได้จะเก่งกาจสักเพียงใดกัน ฉลาดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะนับอะไรได้เจ้าคะ ท่านไม่เคยพบคนฉลาดที่แท้จริง! คนมีฝีมือเหล่านั้นสามารถทำลายบ้านเมืองได้โดยใช้ความคิดเพียงเท่านั้น ข้าไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้หรอกเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นใบหน้าของซูถูขยับเล็กน้อยหมิงเวยแอบยิ้ม และดึงหัวข้อกลับมา “ข้าสามารถตอบรับคำขอขององค์ชายได้ ขอเพียงท่านพูดแล้วรักษาคำพูดหลังจบเรื่องให้ค่าตอบแทนที่เพียงพอ อย่างไรเสียพวกเราก็เสี่ยงมาไกลถึงหูตี้ก็เพื่อเงิน! มีเงินพวกเราก็สามารถคุยกันได้เจ้าค่ะ”
ซูถูพิจารณาแล้วตอบรับ “ไม่มีปัญหา”
หมิงเวยพูด “ข้าได้ยินว่าเป่ยหูมีไข่มุกเรืองแสงเผ่าหมาป่าหิมะอาศัยอยู่ทางตอนเหนือคงมีจำนวนไม่น้อยเลย”
“แน่นอน” ไข่มุกเรืองแสงของเป่ยหูเป็นข้อตกลงหลักระหว่างเผ่าหมาป่าหิมะกับจงหยวน
หมิงเวยชูนิ้วชี้ขึ้น “ข้าต้องการไข่มุกเรืองแสงจากเป่ยหูที่มีอายุมากกว่าร้อยปี จะเป็นการดีที่สุดหากเป็นไข่มุกอายุหนึ่งพันปีหนึ่งเม็ด ขอเพียงองค์ชายรับปาก เรื่องนี้เป็นอันตกลงเจ้าค่ะ”
ซูถูตอบอย่างไม่ต้องคิด “ได้”
ไข่มุกเรืองแสงที่มีอายุมากกว่าร้อยปีเป็นสิ่งล้ำค่าหากมีอายุพันปีนั้นยิ่งหายากกว่านั้น แต่ถ้าเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้อย่างราบรื่นราคาที่ต้องจ่ายมันก็คุ้มค่า!
“เช่นนั้นเป็นอันตกลงเจ้าค่ะ”
“ได้”
หลังจากแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดแล้วหมิงเวยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า “ก็แค่นั้นองค์ชายรีบบอกมาว่าสถานการณ์ของพระอาจารย์ช่างจื้อผู้นั้นเป็นอย่างไร รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
………….
พระอาจารย์ช่างจื้อกลับมายังที่พักแล้วผลักสตรีชาวหูที่เข้ามารับใช้ “ออกไป!”
สตรีชาวหูตัวสั่นด้วยความตกใจ และก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ศิษย์คนโตเห็นเช่นนั้นก็อยากถอยออกไปเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ไม่อยากให้พระอาจารย์ช่างจื้อรั้งตัวเขาเอาไว้ “ไป เอาดอกไม้ไปวางข้างบน”
ศิษย์คนโตตกใจเขารีบตอบรับ “ขอรับ”
ดอกไม้ที่พระอาจารย์ช่างจื้อพูดถึงเป็นดอกไม้เจ็ดสีที่ได้รับจากเขาเทียนเสิน ปกติอีกฝ่ายรักดั่งสมบัติล้ำค่าจนแทบไม่แตะต้องเลย แต่ตอนนี้พระอาจารย์สั่งให้วางดอกไม้นี้ในตำแหน่งที่โดดเด่น
ที่นี่มีกลไกอะไรเขาเองก็ไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเพื่อชีวิตของเขาเองเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ถามถึงสิ่งที่ไม่ควรถาม พระอาจารย์ช่างจื้อเทน้ำลงท้องจนในที่สุดอารมณ์ก็เย็นลง
ผ่านไปครู่หนึ่งประตูก็ถูกเปิดออกตามด้วยบุรุษชุดดำที่เข้ามาอย่างเงียบๆ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
พระอาจารย์ช่างจื้อลุกขึ้นทันที และแสดงความเคารพ “เอินกง[1]”
บุรุษชุดดำพยักหน้า และนั่งลงโดยไม่สนใจผู้ใด “พูดมา ท่านกังวลเรื่องอะไรดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่”
พระอาจารย์ช่างจื้อพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ขอรับ เมื่อเร็วๆ นี้มีเสวียนชื่อจากจงหยวนมาที่เมืองหยุนไฉ นางแข็งแกร่งมากข้ากลัวว่านางจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพิธีกรรมเทียนเสินจึงหาโอกาสขับไล่นางออกไป แต่ไม่คิดว่า…”
คนผู้นั้นเลิกคิ้ว “เจ้าแพ้งั้นหรือ”
พระอาจารย์ช่างจื้อพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “ขอรับ ข้าแพ้ให้แก่นาง”
บุรุษชุดดำเลิกคิ้ว “ทักษะของเจ้าแม้แต่ในจงหยวนยังมีคู่ต่อสู้ไม่มากนัก อีกฝ่ายเป็นอย่างไร”
“เป็นสตรีอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีดูท่าทางอ่อนแอ…” พระอาจารย์ช่างจื้ออธิบายคร่าวๆ
“แปลก จงหยวนมียอดฝีมือเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” บุรุษชุดดำพึมพำกับตัวเอง
……………
[1] เอิงกง : ผู้มีพระคุณ