ส่วนที่ 1 ภาคเมื่อครั้งเป็นนักเรียน ตอนที่ 79 จากป่าเขาสู่โถงตำหนัก

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

สุดท้ายแล้วผู้คนจึงยืนยันได้ว่าเขาชื่นชมโก่วหานสือ ทว่ามิใช่เฉินฉางเซิง

เฉินฉางเซิงให้ลั่วลั่วใช้กระบวนท่าที่หนึ่งคล้ายกับว่าพื้นๆ ธรรมดา ในความเป็นจริงเป็นการตัดสินใจเริ่มปล่อยพลังดีที่สุด ผู้ที่ลงมือก่อนเป็นคนตั้งรับ คนลงมือที่หลังเป็นผู้โจมตี ด้วยเหตุนี้คนที่ลงมือก่อน ควรจะรักษาการเป็นฝ่ายรุก ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดหนทางที่จะออกกระบวนท่าทะลุทะลวงได้

เหมาชิวอวี่มองว่านี่มิใช่วิธีเลือกที่ดีที่สุด แต่ผู้ใดจะคาดคิดเล่า ดังนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าล้ำเลิศ

กระบวนท่าที่โก่วหานสือโต้กลับ ใครล้วนแต่มองออกว่ามิได้ประณีตวิจิตรแต่อย่างใด เมืองตงหลินเป็นพรรคเล็กๆ ที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก แล้วจะค้นคว้าเพลงกระบี่ที่ประณีตวิจิตรได้อย่างไร ทว่าตอนนี้ กลับล้ำเลิศยิ่ง เพราะเฉินฉางเซิงก็เหมือนกับคนที่อยู่ในสนามประลอง มิเคยมีผู้ใดเคยเห็นเพลงกระบี่ชุดเหล่านี้มาก่อน

หากเอ่ยด้วยประโยคที่น่าฟัง วิธีการโต้ตอบของโก่วหานสือราวกับว่าละมั่งนำเขาไปอิงแอบกับต้นไม้ใหญ่ ไร้ร่องรอยสามารถเสาะแสวงหา หากเอ่ยอย่างไม่น่าฟัง เขามุ่งไปยังนานำข้าวเปลือกไปโปรยอย่างมิได้สนใจ สำหรับปีหน้านาข้าวจะเปลี่ยนเป็นลักษณะอย่างไร จนกระทั่งจะเติบโตเป็นต้นหญ้าเต็มท้องนาหรือไม่ ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้

แล้วเฉินฉางเซิงจะรู้ได้อย่างไร

กระบวนท่าโอบฝนในอ้อมอก นี่ก็คือการโต้ตอบของเฉินฉางเซิง

ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การออกท่าทาง แต่ท่าทางของลั่วลั่วยังคงมุ่งมั่น จิตใจทั้งหมดอยู่บนแส้วิรุณโปรย กระบวนท่านี้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณความรู้สึก ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์งดงาม

โก่วหานสือได้ออกอีกกระบวนท่าหนึ่ง

ในสนามก็ไร้ผู้คนรู้จักความเป็นมาของเพลงกระบี่นี้เช่นกัน จนกระทั่งมีนักเรียนที่มาจากหมู่บ้านชนบทเข้าร่วมการสอบเตรียมร้องตกตะลึงออกมา ผู้คนถึงรู้ เดิมทีเพลงกระบี่กระบวนท่านี้เป็นนักพรตเต๋าอาวุโสในวัดทรุดโทรมกลางหุบเขาที่อยู่รอบเวิ่นสุ่ยได้สร้างขึ้นมา ทว่าอยู่ในพื้นที่นั้นกลับมีชื่อเสียงไม่น้อย

สีหน้าของถังซานสือลิ่วเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย ในใจครุ่นคิดตั้งแต่ตนเยาว์วัยเติบโตอยู่ที่เวิ่นสุ่ย ทว่าไม่เคยได้ยินเพลงกระบี่ชุดนี้มาก่อน โก่วหานสือเติบโตอยู่ในเขาหลีซาน แล้วรู้มาจากไหนกัน

“ล้ำเลิศยิ่ง” หญิงสาวที่สวมใส่ผ้าคลุมสีขาวแห่งเทือกเขาเทพธิดาเอ่ยชื่นชมออกมา

เฉินฉางเซิงให้ลั่วลั่วปรับใช้เพลงกระบี่ลมฝนจงซานกระบวนท่าที่เจ็ด

โก่วหานสือได้เอ่ยกระบวนท่าต่อไปในทันที เป็นเพลงกระบี่ของสำนักเล็กๆ ที่ไร้ผู้คนรู้จักเช่นเดิม

เฉินฉางเซิงตอบโต้อีกครั้ง

ระหว่างที่หมุนสายตา ระยะห่างของลั่วลั่วกับกวนเฟยไป๋ในสนามประลองห่างกันสิบกว่าจั้ง ออกกระบวนท่าไปสิบกว่าท่า ฝูงชนที่อยู่บนบันไดหินด้านหน้าตำหนักนิ่งไม่ขยับ แต่ว่าเสียงของการวิพากษ์วิจารณ์กลับดังขึ้นกว่าเดิม

สายตาของผู้คนที่จ้องมองไปยังโก่วหานสือเต็มไปด้วยความเลื่อมใส คาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้เพลงกระบี่ที่ปลีกย่อยเช่นนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ

สวีซื่อจีพยักหน้าเบาๆ จิตใจของผู้นำตระกูลชิวซานสงบนิ่ง พึงพอใจต่อสถานการณ์ตอนนี้ยิ่งนัก

มีบางคนที่มองเฉินฉางเซิงคิดว่าเขายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง เพราะภายใต้การชี้แนะของเขา ลั่วลั่วใช้เพียงแค่เพลงกระบี่ลมฝนจงซานก็สามารถรับเพลงกระบี่ปลีกย่อยของโก่วหานสือได้ ถึงขนาดที่ว่าใช้กระบวนท่าที่เหมือนกันถึงสองครั้ง แต่ยังมีผลลัพธ์ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

และในสายตาของคนบางคน ยังมีอีกคนที่ยอดเยี่ยม ก็คือกวนเฟยไป๋แห่งเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพ

โก่วหานสือล่วงรู้เพลงกระบี่ปลีกย่อยจำนวนมาก อาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนมีความรู้ลึกซึ้งกว้างไกล ผู้คนในใต้หล้าต่างล่วงรู้เขาท่องคัมภีร์เต๋า อ่านตำราเป็นจำนวนมาก ในพรรคกระบี่เขาหลีซานมีเพลงกระบี่เก็บสะสมรวบรวมไว้จำนวนมาก ถึงแม้จะชื่นชมเลื่อมใสแต่ก็มิได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เมื่อเขาเอ่ยทุกกระบวนท่าออกมา กวนเฟยไป๋ไม่ลังเลที่จะออกกระบวนท่า นี่อธิบายถึงอะไรกันเล่า

นี่เป็นการอธิบายว่ากวนเฟยไป๋รู้จักเพลงกระบี่เหล่านี้ ทั้งยังสามารถทำได้ทั้งหมดอีกด้วย!

บนโลกใบนี้วิถีเต๋ามีนับหมื่นนับพัน เพลงกระบี่มีจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีเพลงกระบี่ปลีกย่อยอีก ผู้คนต่างไม่เคยได้ยินแม้แต่น้อย ทว่าเขากลับสามารถทำได้ทั้งหมด!

นี่จะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนานเท่าใด นี่จะต้องใช้ความเด็ดเดี่ยวและอดทนมากมายเพียงใด

“พรรคกระบี่เขาหลีซาน แท้จริงแล้วมีชื่อเสียงเลื่องลือ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้มีคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมพรั่งพรูออกมามากมายเช่นนี้…”

เหมาชิวอวี่จ้องมองกวนเฟยไป๋ ความรู้สึกสับสนถอดทอนใจอย่างหดหู่

เมื่อฟังประโยคนี้ ผู้คนที่ชมการต่อสู้อยู่บนบันไดหินเพิ่งจะตื่นจากภวังค์ บรรดานักเรียนของสำนักไม้เลื้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นนักเรียนของสำนักเทียนเต้า รู้สึกละอายใจเสียเหลือเกิน

ตอนนี้เอง สถานการณ์การต่อสู้ในสนามอยู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

ตามน้ำเสียงของโก่วหานสือ กระบวนท่ากระบี่ของกวนเฟยไป๋จึงแปรเปลี่ยนฉับพลัน จากเพลงกระบี่ที่ปลีกย่อยที่สุด กลายเป็นเพลงกระบี่เสวียนจงที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด

เพลงกระบี่ชุดนี้เป็นเพลงกระบี่ของพรรคนิกายทางทิศใต้ เปิดเผยตรงไปตรงมา เปล่งประกายหาใดเปรียบมิได้

ประจวบเหมาะกับเป็นกระบวนท่าที่กวนเฟยไป๋ถนัด ในรุ่นหนุ่มสาวของผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรเต๋าในดินแดนต้าลู่ขณะนี้ หากมองตามระดับของเพลงกระบี่ชุดนี้ ไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่ชิวซานจวินอยู่ในอันดับแรก เขาอยู่ในอันดับถัดมา

จ้องมองสนามประลองด้านหน้าตำหนัก กระบวนท่าแปรเปลี่ยนเป็นโอ่อ่างดงาม มองกระบี่ด้ามนั้นที่พุ่งทะลุเข้าไปในกระบี่ยาว สุดท้ายแล้วผู้คนจึงเงียบนิ่ง

คนที่ล่วงรู้เพลงกระบี่นี้มีมากมาย มีคนฝึกฝนเพลงกระบี่ชุดนี้ก็ไม่น้อย แต่สามารถฝึกฝนเพลงกระบี่จนถึงระดับนี้ ไม่แตะต้องพลังปราณแท้ แต่คนที่ยังคงออกกระบี่ได้ประณีตงดงามเช่นนี้มีเพียงไม่กี่คน

ค่ำคืนนี้กวนเฟยไป๋กระทำออกมาเช่นนี้ ในเวลาเดียวกันก็เป็นการเรียนรู้ที่ดีของนักเรียนหนุ่มสาวบนบันไดหิน

ตามเสียงของโก่วหานสือดังขึ้น กวนเฟยไป๋ใช้เพลงกระบี่นำเข้าไป ความกดดันของลั่วลั่วแปรเปลี่ยนเป็นยิ่งใหญ่ฉับพลัน ใบหน้าเล็กเรียวที่อ่อนเยาว์มีท่าทางจริงจังและหนักแน่นในครั้งแรก คู่ต่อสู้ใช้กระบวนท่าที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง แต่เมื่อรวมเข้ากับเพลงกระบี่ปลีกย่อย กลับกลายเป็นท่วงทำนองที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์

ก่อนหน้านางใช้กระบี่ลมฝนจงซานมาตลอด แม้จะยกบุษราครามแต่กลับร่วงหล่นลง ณ ภูเขาตง เพื่อรักษาท่วงทำนองของตนเอง ตามการเปลี่ยนแปลงของฝ่ายตรงข้าม ท่วงทำนองนี้พลันถูกทำให้วุ่นวาย และยังถูกนำให้เข้าไปอยู่ในท่วงทำนองของฝ่ายตรงข้ามรางเลือน

นางจะต้องเปลี่ยนการโต้ตอบ ถึงจะสลัดออกมาจากท่วงทำนองของฝ่ายตรงข้ามได้

แล้วควรจะเปลี่ยนอย่างไร

พลังกระบี่ยาวของกวนเฟยไป๋ราวไฟไหม้ท้องทุ่ง ใบหน้าไร้ความรู้สึกจ้องมองนาง

นางควรจะออกกระบวนท่าแล้ว

ลั่วลั่วรับรู้ถึงความกดดัน เฉินฉางเซิงรับรู้ถึงความกดดันยิ่งกว่า เขาไม่คิดว่าในเวลาที่ใครล้วนแต่คาดคิดไม่ถึง เพลงกระบี่ที่วุ่นวายของโก่วหานสืออยู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเพลงกระบี่ที่แท้จริง เพียงชั่วพริบตารู้สึกว่ายากจะรับมือได้

จ้องมองโก่วหานสือท่าทางสงบนิ่งอยู่ตรงข้ามสนาม เขาไม่ยอมรับมิได้ว่าคนผู้นี้ยอดเยี่ยมจริงๆ

การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกบำเพ็ญเพียร พลังความสามารถแรกเริ่มที่จริงแล้วล้วนขับเคลื่อนมาจากปราณแท้ พลังจึงยิ่งซับซ้อน อาจจะเป็นกระบวนท่าเพลงกระบี่ อาจจะเป็นวิชายุทธ์ อาจจะเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ อาจจะเป็นสภาวะจิตใจ ราวกับเล่นหมากรุก แม้เล่นหมากล้อมเก่งกาจเพียงใด สุดท้ายแล้วก็ต้องมองสถานการณ์เปลี่ยนแปลงในกระดาน

เปลี่ยนจากกระบวนท่าที่วุ่นวายของเพลงกระบี่เจ็ดดาราเป็นเพลงกระบี่ปกติ ราวกับว่าออกจากป่าเขาแล้วเข้าสู่โถงตำหนัก ความเปลี่ยนแปลงระหว่างท่วงทำนองชนิดนี้ แข็งแกร่งและฉับพลันอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าหวาดกลัวก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันชนิดนี้ เป็นพลังกระบี่ที่ทำให้เพลงกระบี่เสริมความแข็งแกร่งไม่รู้กี่เท่า จนกระทั่งถึงตอนนี้ราวกับว่าพลังได้เกาะรวมกัน จนกระบี่จะสามารถทะลุทะลวงได้อย่างไรอย่างนั้น

การเปลี่ยนแปลงที่ง่ายดาย ซุกซ่อนอยู่ในประสบการณ์และสติปัญญาที่ลึกล้ำมิอาจวัดได้ของโก่วหานสือ

เฉินฉางเซิงรู้ว่าตนใกล้จะพ่ายแพ้แล้ว เขาก็ท่องตำรามาตั้งแต่เยาว์วัย อยู่ในหอตำราของสำนักฝึกหลวงก็ศึกษาท่องตำราอย่างหนัก แต่ที่จริงแล้วได้สัมผัสกับการฝึกบำเพ็ญเพียรจริงๆ แค่ไม่กี่เดือน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านวิทยายุทธ์และประสบการณ์การต่อสู้ ล้วนแต่ห่างไกลจากโก่วหานสือมาก

เขาไม่อยากพ่ายแพ้ ยิ่งไม่อยากให้ลั่วลั่วพ่ายแพ้เพราะตน

ค่ำคืนนี้อาจจะยากที่เอาชนะโก่วหานสือผู้มีพรสวรรค์ราวกับรอบรู้วิทยายุทธ์บนโลกใบนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดเขาไม่อยากพ่ายแพ้

เวลานี้เอง ยังคงมีความมั่นใจกับคัมภีร์เต๋าตั้งแต่เขาเยาว์วัย ทำตามใจปรารถนา มิได้เกี่ยวข้องอันใดมากมาย เพราะเขาเชื่อมั่นว่าลั่วลั่วแข็งแกร่งมากกว่ากวนเฟยไป๋

เช่นนั้นก่อนที่ออกกระบวนท่า เขาจะต้องไม่พ่ายแพ่ให้แก่โก่วหานสือ

คลังตำราเต๋าจำนวนไม่ถ้วนผุดขึ้นในหัวสมองเขา ตำราของสำนักฝึกหลวงในหอตำรา เพลงกระบี่เหล่านั้นปรากฏออกมาด้านหน้าสายตาเขาไม่หยุด ถูกสายลมยามค่ำคืนและสายลมของกระบี่ในสนามที่รุนแรงพัดโชย กระบวนท่าเหล่านั้นล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงในอดีตเคยใช้มาแล้ว ประสบการณ์เปลี่ยนเป็นรูปภาพพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แล้วควรใช้กระบวนท่าไหนกัน…