ตอนที่ 1444 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (1) / ตอนที่ 1445 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (2)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1444 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (1)

 

 

“เจวี๋ยเชียน ข้าขอถามเจ้าอีกคำถามได้หรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงจ้องชายหนุ่มโดยไม่ละสายตา “ข้าจะหาตัวท่านที่มาเกิดใหม่ได้อย่างไร”

 

 

“เจ้าจะรู้เองเมื่อเจอเขา” คำตอบของเจวี๋ยเชียนยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

 

ตูม!

 

 

ทันใดนั้นเองอวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างแรง นางขมวดคิ้วแน่นเหมือนว่ามีระเบิดกำลังระเบิดภายในศีรษะนาง

 

 

ไม่นานคลื่นความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางก็ไหลเข้ามาในความคิด นี่เป็นความทรงจำของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หันหลังให้พรรคของตัวเองแล้วทรยศพวกพ้อง เขาก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดที่ละก้าวจนกลายเป็นคนที่ไร้เทียมทาน

 

 

ความจริงแล้วนางและเจวี๋ยเชียนมีความคล้ายคลึงกันมาก พวกเขามาจากจุดต่ำสุดในแผ่นดินหลงเซียวแล้วเดินทางมาแดนลับแลทีละก้าว จนในที่สุดก็มาถึงแคว้นเจ็ดเมือง

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงตกใจก็คือความทรงจำพวกนี้มีความรู้ที่สะสมมาทั้งชีวิตของเจวี๋ยเชียนอยู่ด้วย คำถามที่นางเคยสงสัยและไม่เข้าใจหลังจากอ่านเนื้อหาการสร้างหุ่นเชิดก็คลายออกราวกับว่านางบรรลุ

 

 

“ตอนนี้เจ้าก็ได้รับความทรงจำของข้าไปแล้ว” เจวี๋ยเชียนก้มหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างหยิ่งยโส “ความทรงจำเหล่านี้คงทำให้เจ้าสามารถสร้างหุ่นเชิดได้! แล้วข้าก็ให้วิชาการต่อสู้ทั้งหมดของข้ากับเจ้าด้วย ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้มันให้เกิดประโยชน์”

 

 

ในที่สุดอาการปวดศีรษะของอวิ๋นลั่วเฟิงก็หายไป นางเงยหน้ามองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้านาง “ตอนที่ข้าเจอเศษเสี้ยววิญญาณของท่านครั้งแรก ทำไมท่านไม่มอบสิ่งเหล่านี้ให้ข้าตั้งแต่ตอนนั้น เหตุใดต้องล่อให้ข้ามาที่นี่แทน”

 

 

“ตัวเจ้าก่อนหน้านี้ยังอ่อนแอนัก การรู้มากเกินไปไม่มีประโยชน์ แม้แต่ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้ให้ความทรงจำทั้งหมดแก่เจ้า เจ้ายังไม่สามารถรับรู้บางอย่างในขณะที่ความสามารถเจ้าไม่ถึงได้”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงจะไม่เข้าใจความนัยของเจวี๋ยเชียนได้อย่างไร นางเงียบไปสักพักก่อนพูดช้าๆ “ขอบคุณเจ้าค่ะ”

 

 

เจวี๋ยเชียนส่งสายตาให้อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นครั้งสุดท้าย

 

 

ดวงตาสง่างามและหยิ่งยโสของเขามีร่องรอยอ่อนลงเหมือนว่าการรู้ถึงความสำเร็จในปัจจุบันของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้เขาพอใจ

 

 

“เจวี๋ยเชียน!” เมื่อจีจิ่วเทียนเห็นว่าร่างของเจวี๋ยเชียนค่อยๆ จางลง เขาก็ค่อยๆ ขมวดคิ้ว “เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าเจ้าสัญญาอะไรไว้กับข้า”

 

 

เจวี๋ยเชียนยิ้ม พูดได้เลยว่ารอยยิ้มของชายหนุ่มดูดีมาก เขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับกับคนที่หยิ่งยโสก่อนหน้านี้ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมองภาพวาดที่งดงามอยู่

 

 

“นางเป็นผู้สืบทอดของข้า ดังนั้นนางสามารถช่วยเจ้าได้”

 

 

จีจิ่วเทียนไม่ได้พูดอะไรอีก สีหน้าของเขาสงบนิ่งจนยากที่จะสังเกตเห็นประกายบางอย่างในดวงตา

 

 

เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ จิตใจของอวิ๋นลั่วเฟิงก็สัมผัสได้ถึงลางร้าย

 

 

นาง…เพิ่งถูกเจวี๋ยเชียนขายออกไปใช่หรือไม่

 

 

“เจวี๋ยเชียน ตัวเจ้าที่เกิดใหม่ก็ช่วยไม่ได้หรือ” จีจิ่วเทียนเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยถามคำถามสุดท้าย

 

 

เจวี๋ยเชียนส่ายหน้า “ตอนนั้นข้าแบ่งวิญญาณออกไปเพื่อคอยนำทางผู้สืบทอดของข้า ทำให้วิญญาณของข้าอ่อนแอมาก ด้วยสภาพของวิญญาณของข้า ถึงแม้ว่าจะเกิดใหม่ ข้าก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว ดังนั้นคนเดียวที่ช่วยเจ้าได้ตอนนี้ก็คือนาง!”

 

 

เมื่อเขาพูดจบ ร่างหยิ่งยโสและทรงอำนาจของเจวี๋ยเชียนก็หายไป แล้วภายในห้องก็เงียบสนิท

 

 

“จีจิ่วเทียน เจ้าช่วยเรียกฉาฉามาที่นี่หน่อย ส่วนสัตว์อสูรวิญญาณตัวอื่นก็ลงไปในบ่อน้ำพุฌานโลหิตแล้วฝึกพลังฌานซะ!”

 

 

ด้วยสมบัติที่สวรรค์มอบให้ภายในนี้ นางเชื่อว่าไม่นานนางก็จะผ่านด่านเลื่อนเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับกลาง…

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1445 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (2)

 

 

เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ ไม่นานก็ผ่านไปเป็นปี เวลาสามปีผ่านไปภายในมิติลวงตาแห่งนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

 

 

พรสวรรค์ของอวิ๋นลั่วเฟิงน่ากลัวมาก ยิ่งเมื่อได้น้ำพุฌานโลหิตช่วย นางก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งปีเพื่อผ่านด่านเลื่อนระดับจากผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์เป็นขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับกลาง

 

 

ปกติแล้วเมื่อผู้ฝึกฌานเพิ่มความแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง ถ้าไม่มีทรัพยากรหายากช่วย ต่อให้ใช้เวลาเป็นสิบปีพวกเขาก็ไม่มีทางผ่านด่านเลื่อนระดับขึ้นไปได้

 

 

ดังนั้นโชคของอวิ๋นลั่วเฟิงจึงค่อนข้างดีที่ได้รับสมบัติของเจวี๋ยเชียนมา ไม่อย่างนั้นนางไม่มีทางได้น้ำพุฌานโลหิตแล้วเลื่อนเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับกลางภายในเวลาแค่ปีเดียว

 

 

แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้นางจะผ่านด่านเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์นางก็ยังออกไปจากมิติลวงตานี้ไม่ได้เพราะนางต้องใช้เวลาอีกถึงสองปีเพื่อเรียนรู้วิชาหุ่นเชิด…

 

 

วิชาสร้างหุ่นเชิดนั้นยากมาก นางต้องใช้เวลาถึงสองปีเต็มๆ เพื่อทำให้ตัวเองให้เข้าใจวิชาอย่างถ่องแท้แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังทำไม่สำเร็จ

 

 

สองปีที่ผ่านมา สัตว์อสูรวิญญาณทั้งหมดก็ค่อยๆ เลื่อนระดับทีละตัว

 

 

คนแรกคือหั่วหั่ว นางเลื่อนระดับจากขั้นเซียนปราชญ์เป็นจักรพรรดิปราชญ์ระดับต่ำ แม้แต่เสี่ยวโม่เองก็เทียบนางไม่ได้จึงหยุดอยู่ที่ขั้นเซียนปราชญ์ระดับสูง แน่นอนว่าถ้าเขามีเวลามากกว่านี้ เขาก็คงจะเลื่อนจากเซียนปราชญ์ไปเป็นจักรพรรดิปราชญ์ได้

 

 

ส่วนคนอื่นๆ อย่างไหน่ฉาและราชินีหนู เมื่อสองสามเดือนก่อนทั้งคู่ก็เลื่อนขึ้นมาเป็นขั้นเซียนปราชญ์ระดับกลาง เหมิงเหมิงก็ตามหลังพวกเขามา แล้วเมื่อวานก็เลื่อนขั้นขึ้นเป็นหนูหาทองขั้นเซียนปราชญ์ระดับกลางเหมือนกัน

 

 

ส่วนสมาชิกตัวอื่นๆ ในเผ่าก็แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ตัวที่อ่อนแอที่สุดก็เลื่อนเป็นขั้นราชันปราชญ์ระดับกลาง และส่วนใหญ่ก็เลื่อนขั้นเป็นเซียนปราชญ์ระดับต่ำ

 

 

ความจริงแล้วฉาฉาแข็งแกร่งกว่าหั่วหั่ว แต่พรสวรรค์ของเขาไม่เท่านาง แล้วความสามารถในการดูดซับพลังฌานก็ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเขาจึงผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิปราชญ์เท่านั้น

 

 

ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสัตว์อสูรวิญญาณขั้นจักรพรรดิปราชญ์เหมือนกัน แต่คนหนึ่งเริ่มจากขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำ ขณะที่อีกคนเป็นเซียนปราชญ์แล้ว ดังนั้นความแตกต่างของทั้งสองจึงเห็นได้ชัด

 

 

มีเพียงคนเดียวที่ไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งถึงขั้นไหนก็คือเสี่ยวซู่ แม้แต่อวิ๋นลั่วเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวซู่แข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน

 

 

สามปีที่ผ่านมาหั่วหั่วและสัตว์อสูรวิญญาณตัวอื่นมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกพลังฌาน เผ่าหนูไม่สามารถผ่านด่านเลื่อนระดับได้ด้วยการซึมซับพลังฌาน ดังนั้นพวกเขาต้องฝึกด้วยการดูดซึมน้ำจากน้ำพุฌานโลหิต

 

 

เผ่าหนูน่าจะเป็นเผ่าเดียวที่ทำแบบนี้ได้ ถ้าเป็นสัตว์อสูรวิญญาณชนิดอื่น การดูดซึมน้ำพุจะทำให้ร่างพวกมันระเบิดจนตายทันที

 

 

แต่ว่าเสี่ยวซูแค่เล่นในน้ำพุแล้วก็ไม่ได้แสดงสัญญาณว่าจะผ่านด่านแต่อย่างใด แต่เพราะอะไรไม่ทราบทุกคนกลับสัมผัสได้ว่าตัวเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

 

การเปลี่ยนแปลงของเขาโดดเด่นกว่าทุกคน…

 

 

 

 

ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังยุ่งอยู่กับการรื้อหุ่นเชิดในมือเพื่อปรับแต่ง ขณะที่โม่เชียนเฉิงนั่งอยู่ข้างๆ แล้วมองนางด้วยความหลงใหล

 

 

เหมือนว่าสายตาของเขามองเห็นเพื่อนเก่าเมื่อพันปีที่แล้วผ่านนาง

 

 

“ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ” เด็กสาวค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วยืนขึ้น นางปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วยิ้มบาง

 

 

เด็กหญิงผมสีเลือดหมูนอนอยู่ข้างๆ นาง ดวงตาไร้ชีวิตของเด็กหญิงก็เป็นสีเลือดหมูเหมือนกัน

 

 

แต่ว่าจู่ๆ เด็กหญิงน่ารักก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนโดยมีสายตาตกตะลึงของโม่เชียนเฉิงมองอยู่ ดวงตานางดูมืดมัวและไร้ชีวิตเหมือนมีหมอกหนาบดบังนัยน์ตาของนางอยู่ แต่ว่าแขนขาทั้งคู่ของนางกับขยับอย่างกระฉับกระเฉง ไม่มีร่องรอยของความติดขัดสักนิดเดียว

 

 

“เจ้าสร้างหุ่นเชิดงั้นหรือ” โม่เชียนเฉิงพุ่งไปหาเด็กหญิงหน้าตาน่ารักอย่างกระตือรือร้น เขายกมือขึ้นสัมผัสผิวหนังที่ยืดหยุ่นแล้วเผยดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น “ผิวหนังของนางไม่ต่างจากผิวหนังมนุษย์แม้แต่น้อย มีความหยืดหยุ่นมาก! เจวี๋ยเชียน เจ้าช่างเก่งกาจจริงๆ!”