บทที่ 899 การร่ายรำที่อันตรายถึงชีวิตของนางพญางู

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“ชู่ว…” หลิงม่อรีบหันไปมองหลี่ย่าหลิน แล้วส่งสัญญาณให้เงียบ

ทั้งสองก้าวถอยกันอย่างพร้อมเพรียงใจกัน จากนั้นก็แยกกันยืนคนละฝั่งของประตู และจ้องประตูเขม็ง

ประตูนิรภัยที่ปิดสนิทในเวลานี้เปรียบเสมือนปากใหญ่ๆ ที่อาจจะอ้าออกได้ตลอดเวลา และเต็มไปด้วยอันตราย ทุกวินาที หลิงม่อสามารถสัมผัสได้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…

“แคร่กๆๆ…”

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน วินาทีถัดมาบานประตูก็ถูกกระแทกเปิดทันใด ท่ามกลางฝุ่นตลบ เงาร่างขนาดใหญ่เงาหนึ่งพลันปรากฏตัวอยู่หน้าประตู

“กรร…”

“ตอนนี้แหละ!”

หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ให้กระโจนเข้าไป และเหวี่ยงแขนฟาดไปที่หัวของเงาร่างนั้นตรงๆ และในเสี้ยววินาทีที่เขาเหวี่ยงแขนลงไป เงาร่างของหลี่ย่าหลินก็โฉบมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเงาร่างนั้นอย่างเงียบเชียบ จูบอสรพิษตวัดผ่านและสะท้อนแสงวิบวับภายใต้ท่วงท่าอันอ่อนช้อยของเธอ ทั้งรวดเร็ว และพลิกแพลง ราวกับงูพิษที่ฉกโจมตีศัตรูอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อร่วมมือกัน พวกเขาก็ทำได้ดีจนถึงขั้นไร้ช่องโหว่ พูดได้ว่าการร่วมมือโจมตีกันอย่างนี้ แทบจะปิดกั้นการโจมตีและการโต้กลับทั้งหมดของซอมบี้เลยก็กว่าได้…สิ่งเดียวที่มันสามารถเลือกได้ ก็คือถอย…

แต่เห็นชัดว่าเจ้าตัวโตตัวนี้ไม่เข้าใจตัวเลือกนั้น สิ่งแรกที่มันมองเห็น ก็คือหลิงม่อที่พุ่งโจมตีเข้ามาอย่างดุดัน และมันก็ตอบสนองต่อการโจมตีของหลิงม่อทันที…แต่กว่ามันจะตระหนักได้ว่ามีซอมบี้อยู่อีกตัวกำลังจดจ้องตัวเองอยู่ ก็สายไปเสียแล้ว…

“ตู้ม!”

หมัดขนาดใหญ่ของหุ่นซอมบี้ปะทะเข้ากับอุ้งมือหนักๆ ของซอมบี้ตัวนั้นอย่างจัง และในเสี้ยววินาทีสั้นๆ นั้น หลี่ย่าหลินได้ทำการโจมตีใส่เจ้าตัวโตที่กำลังบ้าคลั่งไปหลายสิบครั้ง ร่างกายของเธอบิดหมุนไปมาราวกับงูพิษ แต่ในท่วงท่าอันละลานตาและงดงามตระการตาของเธอ กลับซ่อนไว้ซึ่งเขี้ยวพิษที่คอยฉกโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง…

ความเร็วในการโจมตีที่น่ากลัวขนาดนี้ แม้แต่หลิงม่อก็ยังเคยเห็นเป็นครั้งแรก เขากระทั่งรู้สึกว่า ตอนที่หลี่ย่าหลินเริ่มการโจมตี บุคลิกและกลิ่นอายรอบตัวเธอได้เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

อันตราย งดงาม เย็นชา ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความหอมหวานชวนหลงใหล…เงาร่างอรชรของเธอ เคลื่อนไหวงดงามชดช้อยราวกับนางพญางูที่กำลังร่ายรำ เพียงแต่ในดวงตาที่เฉี่ยวคมชวนหลงเสน่ห์นั้น กลับแฝงไว้ด้วยสายตาอันเย็นชาและคลุ้มคลั่ง…

“สวบ!”

ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที หลี่ย่าหลินได้ทิ้งรอยมีดไว้บนร่างซอมบี้ตัวนี้จนนับไม่ถ้วน เมื่อเท้าของเธอสัมผัสพื้น ประโยคแรกที่เธอตะโกนออกมากลับเป็น “หลิงม่อ รีบถอยเร็ว! มันยังมีชีวิตอยู่!”

ไม่รอให้เธอตะโกนเสร็จ หลิงม่อได้กระโจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ความจริงไม่ต้องให้หลี่ย่าหลินเตือน เขาก็รู้สึกได้ถึงความแปลกของซอมบี้ตัวนี้แล้ว…ท่ามกลางการโจมตีของหลี่ย่าหลิน มือข้างที่มันต้านรับหมัดของหลิงม่อไว้ได้ กลับยังคงเพิ่มพละกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ…

“แขนของฉันได้มาจากการกินผักโขมจำนวนมหาศาลเชียวนะ!” หลิงม่อคิดอย่างพูดไม่ออก ขณะเดียวกันก็หันไปมองหลี่ย่าหลินอย่างตกตะลึงแวบหนึ่ง

เพราะอะไรกัน…ทำไมเธอถึงได้ดูจริงจังกว่าปกติล่ะ? เป็นเพราะความสนใจในการล่าถูกปลุกตื่นงั้นหรอ? บวกกับ ฝีมือของคู่ต่อสู้ค่อนข้างสูสีกัน?

ถ้าอย่างนั้น เวลาต่อสู้กับมนุษย์ สัญชาตญาณของเธอจะไม่สามารถถูกกระตุ้นออกมา…

ไม่รู้เพราะอะไร หลิงม่อสัมผัสได้รางๆ บางทีหลี่ย่าหลินในสภาวะนี้ ถึงจะเป็นซอมบี้ชนชั้นสูงที่สัญชาตญาณถูกปลุกตื่นอย่างเต็มรูปแบบ…มีทั้งความเยือกเย็นสุขุม และมีความกระตือรือร้นโดยสัญชาตญาณของซอมบี้ด้วย…ในสายตาของเธอ ไม่ได้มีเพียงการล่า แต่ยังมีความสนุกสนานที่ซ่อนอยู่ในนี้ด้วย…

“นี่ก็หมายความว่า ก้อนเหนียวหนืดหรือไวรัสนางพญาของเจ้านี่ ก็น่าจะมีประโยชน์กับรุ่นพี่น่ะสิ…” หลิงม่อเงยหน้ามองซอมบี้ตัวนั้น สายตาฉายแววเย็นชาแวบหนึ่ง

“กรร…”

ซอมบี้ตัวนี้เอาแต่คำรามลั่นตั้งแต่ปรากฏตัว และมันก็เพิ่งจะคำรามเสร็จตอนนี้…ร่างกายของมันมีเลือดพุ่งออกมาเหมือนถุงน้ำที่มีรอยรั่วเต็มไปหมด…แต่ในขณะที่กำลังเสียเลือด ร่างกายทุกส่วนของมันกลับหดตัวเล็กลงเรื่อยๆ เมื่อผิวหนังและกล้ามเนื้อหดตัว บาดแผลเหล่านี้ก็ถูกปิดสนิท แทบจะในพริบตาเดียว ขณะที่ร่างกายของมันขยายตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม บาดแผลพวกนั้นก็หายไปหมดแล้ว…

“เห็นแล้วใช่ไหม? วิธีการโจมตีธรรมดาไม่มีทางฆ่ามันได้ และทุกครั้งที่โจมตีกล้ามเนื้อของมันก็จะหดตัว เนื้อชั้นนั้นของมันฉีกขาดได้ยากมากเลยนะ” หลี่ย่าหลินพูดเสียงเบาจากอีกด้าน

“มันก็คือซอมบี้หัวหน้าฝูงตัวนั้นสินะ…ซอมบี้ตัวที่ถูกตั้งชื่อว่าเจ้าหมีนั่น ดูจากสถานการณ์ของดวงแสงแห่งจิตน่าจะใกล้ก้าวถึงระดับชนชั้นสูงแล้ว แต่มันกลับดูเหมือนซอมบี้กลายร่างด้วย…” หลิงม่อพยักหน้า แล้วพูด

“เป็นซอมบี้กลายร่างจริงๆ เนื้อชั้นนั้นของมันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพื่อนร่วมสายพันธุ์ทั่วไปถึงแม้จะสามารถหดกล้ามเนื้อได้ แต่ทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ ก็เหมือนกับที่เพื่อนร่วมสายพันธุ์อีกหลายตัวที่สามารถยืดข้อต่อกระดูกได้ แต่พวกมันทำไม่ได้เท่าฉันไง…” หลี่ย่าหลินพูดอย่างมั่นใจ

“รู้สึกเหมือนพี่จะฉลาดขึ้นมากเลย…การที่สัญชาตญาณถูกกระตุ้นทำให้ฉลาดขึ้นได้ด้วยหรอ?”

“ฮิฮิ…”

หลิงม่อถอนหายใจ แล้วจ้องเจ้าหมีบอกว่า “ก็หมายความว่า ต้องหาวิธีจัดการชั้นไขมันที่กลายสภาพชั้นนั้นของมันก่อนใช่ไหม…”

“อื้มๆ!” หลี่ย่าหลินพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็เบิกตากว่างบอกว่า “แต่ว่านอกจากนี้ พวกเรายังมีอย่างอื่นต้องจัดการด้วยนะ…”

“งี๊ดด งี๊ด…”

เสียงร้องระงมดังมาจากทางประตูห้อง แต่หลิงม่อกลับพึมพำด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เชี่ย เกือบลืมไปเลย…”

“โครม!”

แขนข้างหนึ่งของเจ้าหมี ยัดเข้ามาจากช่องประตู

มันจ้องหลี่ย่าหลินเหม่อๆ จากนั้นก็สูดหายใจลึก…

“หลิงม่อ!”

ขณะที่หลี่ย่าหลินตะโกนเสียงดัง เจ้าหมีที่กำลังสูดลมหายใจก็มองเห็นเงาดำที่ขยายใหญ่เรื่อยๆ

“โครม!”

เสียงอึกทึกดังมาทันที พร้อมกับใบหน้าของเจ้าหมีที่ยุบลงไป แม้แต่ร่างกายใหญ่ยักษ์ของมันก็ยังปลิวออกไปข้างหลัง

หลิงม่อยังคงอยู่ในท่าออกหมัด กระทั่งร่างกายของเขาก็ลอยออกไปพร้อมกับเจ้าหมีด้วย ขณะเดียวกันเขาตะโกนเสียงดังโดยไม่หันกลับไปมอง “รีบออกไป ถ้าถูกขังไว้ในนี้จะแย่เอา!”

“หา…เข้าใจแล้ว” หลี่ย่าหลินเพิ่งจะนึกได้ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะพูดว่า “สมกับเป็นมนุษย์จอมเจ้าเล่ห์…”

“เปลี่ยนเป็นคำพูดอื่นได้ไหม…เดี๋ยวก่อน…นี่มัน…”

หลิงม่อแทบจะใช้แรงทั้งหมดในการเหวี่ยงหมัดนี้ออกไป ส่งผลให้ซอมบี้สองตัวปลิวออกไปและกระแทกเข้ากับผนังทางเดินอย่างแรง แต่ขณะที่เขาหมายจะดึงหมัดกลับไป เขากลับค้นพบบางสิ่งที่น่ากลัว…

ดึงไม่ออก!

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเจ้าหมีกำลังหดตัวอย่างต่อเนื่อง และหมัดของเขาก็ถูกใบหน้าของเจ้านั่นดูดไว้แน่น!

“งี๊ด งี๊ดด…”

เหล่ากระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนจำนวนมากเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้ว ศพพวกนั้นยึดครองพื้นที่ทั้งบนผนังและเพดานจนหมด พวกมันกำลังปีนป่ายเข้ามาทางนี้ด้วยท่วงท่าบิดเบี้ยว ศพบางตัวกระทั่งมีร่องรอยของการเน่าเปื่อยปรากฏขึ้น รอยแผลบนหน้าท้องของพวกมันห่อหุ้มปากใหญ่ๆ ที่อ้าบ้างหุบบ้างของพวกร่างปรสิตไว้พอดี ของเหลวประหลาดไหลออกจากปากของพวกมันไม่หยุด…

เจ้าหมียกแขนขึ้น แล้วยื่นมือไปทางแผงอกหลิงม่อ พลันกระชากออกมาอย่างแรง

“บนใบหน้าไม่มีจุดอ่อน ถ้าอย่างนั้นหนังหัวล่ะ! เก่งนักก็หดหนังหัวให้ดูหน่อยสิวะ!”

ในเวลาคับขัน หลิงม่อง้างหมัดอีกข้างขึ้นอย่างไม่ลังเล และเหวี่ยงไปทางหัวของเจ้าหมีโดยตรง

“ผลัวะ!”

เมื่อเสียงกระแทกอย่างแรงดังขึ้น หัวของเจ้าหมีก็ยุบลงไปราวกับถูกชกจนจมลงไปในแผงอก

“ย๊ากกก!”

แขนของหลิงม่อง้างขึ้นอีกครั้งเพราะแรงสะท้อนกลับ แต่เขากลับเหวี่ยงหมัดลงไปอีกครั้งทันที

พริบตาเดียว เขาได้รัวหมัดออกไปติดต่อกันหลายครั้ง และในที่สุด กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเจ้าหมีก็เริ่มคลายตัวแล้ว

เวลานี้ หลิงม่ออยู่ห่างจากกระเป๋าเลี้ยงเด็กที่ใกล้ที่สุดไม่ถึงสามเมตรแล้ว…

“เร็วเข้า ต้องสลัดเจ้าพวกนั้นทิ้งให้ได้ก่อน!” เงาร่างของหลี่ย่าหลินโฉบผ่าน และในจุดที่เธอเคลื่อนผ่าน กระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนหลายตัวร่วงกราวลงมาตามๆ กัน แต่กระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนอีกหลายตัวกลับปีนป่ายเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกเหมือนฆ่าเท่าไหร่ก็ฆ่าไม่หมด

“ชิ ก็มีแต่เรื่องจำนวนนี่แหละที่น่าปวดหัวที่สุด” หลิงม่อพูด เขายกเท้าเหวี่ยงลูกเตะไปทางเจ้าหมีอย่างแรงอีกครั้ง แล้วค่อยถอยหลังเพื่อเพิ่มระยะห่าง และในการโจมตีสั้นๆ นี้ ก็ทำให้หมัดของเขามีรอยแตก ยิ่งแขนข้างที่ถูกเจ้าหมีดูด ตอนนี้ได้ถูกบีบอัดจนบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปไปแล้ว

“ความสามารถในการหดตัวสุดยอด…ถ้าเป็นอย่างนี้ จะเข้าไปสู้ระยะประชิดส่งเดชไม่ได้!ไม่น่าล่ะรุ่นพี่ถึงได้เลือกใช้วิธีโจมตีด้วยความเร็วอย่างนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นหากถูกโรมรันเข้าคงจะไม่ดีแน่”

เวลานี้ หลี่ย่าหลินกลับชี้ไปทางศพกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนหนึ่งในฝูง บอกว่า “เจ้าสิ่งนี้ก็จะสัมผัสส่งเดชไม่ได้ หลิงม่อดูสิ” เธอชี้ไปที่บาดแผลตรงนั้น “เห็นหรือยัง?”

“ลิ้น…แล้วยังมีของเหลวอีก…”

ลิ้นยาวๆ เส้นหนึ่งกำลังห้อยอยู่ตรงนั้น เหมือนกับท้องของศพศพนั้นมีปากเพิ่มขึ้นมา ของเหลวมากมายไหลออกมาจากแผล เหมือนน้ำลายที่ไหลออกมาจากปากไม่หยุด

“ไม่ใช่ของเหลวธรรมดา” หลี่ย่าหลินบอก พลางยกเท้าถีบศพให้พลิกคว่ำ

เมื่อแผลสัมผัสกับพื้น หลิงม่อก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นทันที

“งี๊ด งี๊ดด!”

“นี่มัน…”

หลี่ย่าหลินพยักหน้า “มันคือกรดในกระเพาะอาหารที่มนุษย์เรียกกันสินะ? ฉันนึกตั้งนานกว่าจะนึกศัพท์คำนี้ออก”

“นี่มันร้ายแรงกว่ากรดในกระเพาะอาหารเยอะเลยนะ…” หลิงม่อพูดอย่างตกตะลึง

“แน่นอนสิ เพราะนี่เป็นน้ำกรดที่เจ้าตัวเล็กนั่นคายออกมานี่นา พวกมันอาศัยน้ำกรดนี้เพื่อกัดกร่อนอวัยวะภายในของศพให้เน่าเปื่อย จากนั้นก็กินเข้าไป ขณะที่กำลังเติบโต น้ำกรดของพวกมันก็จะร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะทำให้เปลือกนอกของศพแยกออก แล้วมันก็จะออกมาไงล่ะ ส่วนที่กัดกร่อนง่ายที่สุดก็ยังคงเป็นอวัยวะภายในที่เริ่มเน่าสลายเป็นส่วนแรกอย่างที่คิดจริงๆ จากนั้นก็จะเป็นกระดูก” หลี่ย่าหลินอธิบายอย่างมีเหตุมีผล

“ถ้าอย่างนี้ตอนนี้พวกมัน…กำลังอยู่ในระยะไหน?” หลิงม่อถาม

“อืมมม…” หลี่ย่าหลินครุ่นคิด แล้วทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “น่าจะอยู่ในระยะที่พวกเราต้องหนีก่อนล่ะมั้ง…มีจำนวนเยอะเกินไปแล้ว พวกมันสามารถพ่นน้ำกรดเข้ามาในระยะใกล้ได้ หรือจะพ่นได้ไม่ไกลนักก็ตาม…”

“รุ่นพี่!…มีข้อมูลอะไรที่ยังไม่ได้บอกกันอีกไหม ช่วยบอกทีเดียวเลยไม่ได้รึไงเล่า!”

“ซย่าน่าอยู่ในลิฟท์…”

What?!

“ห๊ะ! ฉันจำภาษาอังกฤษได้นะ!แต่ว่า…มันหมายความว่ายังไงแล้วนะ?”

—————————————————————————–