ตอนที่ 257 มีเหตุผลพร้อมหลักฐาน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 257 มีเหตุผลพร้อมหลักฐาน

พอได้ยินคำพูดของเว่ยซื่อ การตอบสนองแรกของอันอิงเฉิงคือมิเชื่อ

ในใจของเขาคือหลี่ซื่อเป็นคนอ่อนโยนและมีเมตตา นางจักวางยาพิษเพื่อสังหารท่านแม่ได้อย่างไร ?

หลี่ซื่อน้ำตาคลอ น้ำตาของนางดูเหมือนจักร่วงแต่ก็มิร่วง นางก้มหน้าลงเผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่ดูอ่อนแอและบอบบาง

“เว่ยซื่อ เจ้าอย่าอาศัยความโปรดปรานของท่านแม่มาปรักปรำข้า”

นางมิได้เอ่ยถึงฮูหยินผู้เฒ่าและมิได้เอ่ยถึงอันหลิงเกอ นางเพียงโยนความผิดไปที่เว่ยซื่อโดยตรง “เจ้าบอกว่าสาวใช้ของข้าวางยาพิษท่านแม่ เจ้าเห็นกับตาหรือ ? เถ่าหงยอมรับหรือยังว่านางทำจริง ? เรื่องเหล่านี้มิเคยเกิดขึ้นแล้วเหตุใดเจ้าต้องใส่ร้ายข้า ! ”

เว่ยซื่อโกรธจนแน่นหน้าอก มิสนใจรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าอันอิงเฉิงอีกต่อไป นางยกนิ้วแล้วชี้หน้าหลี่ซื่อทันที “คนจัดซื้อยาเห็นสาวใช้ของเจ้าเข้าไปในคลังเก็บยาวันนี้ ป้าซุนก็นำสุนัขมาดมกลิ่นขมิ้นได้บนตัวเจ้า หรือสิ่งเหล่านี้มิถือว่าเป็นหลักฐาน ? ”

อันอิงเฉิงฟังจนปวดศีรษะ ใบหน้าทรงเหลี่ยมเริ่มดูเคร่งเครียด

สาวใช้ด้านข้างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังรอบหนึ่ง พอได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าถูกคนวางยาเพราะตัวยาโดนสับเปลี่ยนเขาก็ขมวดคิ้ว ดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเปลี่ยนยาของท่านแม่ ช่างบังอาจนัก ! ”

ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือก สาวใช้ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง อันอิงเฉิงเดินไปตรงหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่ เป็นลูกมิดีจนทำให้ท่านลำบากอีกแล้วขอรับ”

เมื่ออันอิงเฉิงเดินเข้ามา ฮูหยินผู้เฒ่าก็มีสีหน้าดีขึ้น นึกถึงว่าช่วงนี้อันอิงเฉิงได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้และได้ครอบครองกองกำลังทหารในมือ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ภูมิใจมากนัก

ตอนนี้พอเห็นท่าทางรู้สึกผิดของบุตรชาย ฮูหยินผู้เฒ่าจึงยิ้ม “แม่มิเป็นไร โชคดีที่เกอเอ๋อมาได้ทันเวลา แม่อาเจียนออกมารอบเดียวก็ดีขึ้นแล้ว”

ขึ้นชื่อว่ายาพิษย่อมทำร้ายร่างกาย เป็นไปได้หรือที่อาเจียนออกมาครั้งเดียวก็ดีขึ้น ?

นางกล่าวเช่นนี้ก็เพราะอยากให้อันอิงเฉิงสบายใจและเขาจักได้มิต้องรู้สึกผิด

อันอิงเฉิงเข้าใจความเป็นห่วงของฮูหยินผู้เฒ่าจึงซาบซึ้งมาก “ท่านแม่ ท่านสบายใจได้ ลูกต้องตามหาคนร้ายออกมาและจักมิยกโทษให้มันเด็ดขาด ! ”

เขากล่าวเช่นนี้เพราะเชื่อว่าหลี่ซื่อเป็นผู้บริสุทธิ์

สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าที่เดิมทีเริ่มดีขึ้น ในตอนนี้เริ่มคล้ำอีกครั้ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอันอิงเฉิง นางจึงต้องเก็บความโกรธไว้บ้าง “มิต้องตามหาแล้ว คนร้ายก็อยู่ในนี้”

ดวงตาหลี่ซื่อเป็นประกายวาบ เมื่อนางเห็นฮูหยินผู้เฒ่ามองมาจึงรีบพูดว่าโดนปรักปรำทันที “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านมีอคติต่อข้า แต่ข้ามิได้ทำร้ายท่านจริง ๆ เหตุใดท่านต้องใส่ร้ายข้า เช่นนั้นยิ่งทำให้คนร้ายตัวจริงได้ใจมิใช่หรือเจ้าคะ ? ”

นางกล่าวอย่างสมเหตุสมผลทำให้คนจับพิรุธมิได้เลย

อันอิงเฉิงจึงเอ่ยเสริม “นั่นสิขอรับท่านแม่ หลี่ซื่ออ่อนโยนและมีเมตตามาโดยตลอด นางจักวางยาพิษท่านได้อย่างไร ? ”

“เพราะข้าลงโทษนางครั้งก่อนอย่างไรเล่า ! ” ฮูหยินผู้เฒ่ามองอันอิงเฉิง แต่คำที่กล่าวออกมาเหมือนตั้งใจพูดให้หลี่ซื่อฟัง “ครั้งก่อนข้าใช้กฎจวนกับเจ้า เจ้าจึงเก็บความโกรธไว้ในใจแล้วหาโอกาสให้สาวใช้เปลี่ยนตัวยาเพื่อสังหารข้า ! ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถึงตรงนี้ก็เริ่มร้อนรนและอดมิได้ที่จักไอออกมาสองสามครั้ง อันหลิงเกอจึงรีบเดินมาหาแล้วตบหลังนางเบา ๆ

“ท่านย่า ร่างกายของท่านยังมิหายดี มิควรใจร้อนเช่นนี้เจ้าค่ะ”

คำกล่าวนี้ทำให้อันอิงเฉิงตระหนักได้ เมื่อครู่ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งถูกพิษ เป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอมาก หากเขาต้องถกเถียงกับนางเพราะหลี่ซื่อ นั่นก็คืออกตัญญูมิใช่หรือ ?

อันอิงเฉิงดูเสียใจอยู่บ้างจึงเม้มปาก เขาอยากเอ่ยบางอย่างออกมาแต่ก็มิได้เอ่ย

“ท่านพ่อเจ้าคะ”

อันหลิงเกอมองอันอิงเฉิง ใบหน้างดงามดูจริงจัง “เรื่องท่านย่าถูกพิษเป็นเรื่องใหญ่ จริงอยู่ที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน แต่เรื่องที่พวกเราสงสัยหลี่อี๋เหนียงก็ใช่ว่าไร้เหตุผลเจ้าค่ะ”

“หนึ่งคือตอนที่หลี่อี๋เหนียงมาถึงใหม่ ๆ นางก็กล่าวแล้วว่าท่านย่าถูกพิษ แต่ข่าวนี้มิเคยแพร่งพรายออกไป แล้วหลี่อี๋เหนียงรู้ได้อย่างไร ? ”

“สองคือลูกพบขมิ้นในน้ำซุปของท่านย่าและสุนัขของป้าซุนก็ได้กลิ่นขมิ้นบนตัวหลี่อี๋เหนียง นางมิใช่คนซื้อยาและมิได้ทำอาหาร ยิ่งมิได้ต้มยาใด ๆ แต่บนตัวกลับมีกลิ่นของขมิ้น นี่มิใช่ว่าแปลกมากหรือเจ้าคะ ? ”

“และสุดท้ายสำคัญที่สุดคือเถ่าหง สาวใช้ของหลี่อี๋เหนียงถูกจับได้ว่าเคยเข้าไปในคลังเก็บยาช่วงยามอู่วันนี้เจ้าค่ะ”

จักบอกว่าเรื่องนี้บังเอิญก็ได้ แต่ความบังเอิญในตัวหลี่อี๋เหนียงมากไปหน่อยหรือไม่

ความบังเอิญก็คือความมิบังเอิญ มักเกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์

อันอิงเฉิงเป็นขุนนางในราชสำนักมานานหลายปี เป็นไปมิได้ที่มิรู้หลักการเรียบง่ายเช่นนี้

เขาหันไปมองหลี่ซื่อด้วยแววตาที่เริ่มแฝงความสงสัย “เรื่องทั้งหมดนี้เจ้าจักอธิบายอย่างไร ? ”

“ท่านพี่ เมื่อครู่ข้าได้อธิบายให้ท่านแม่ฟังแล้ว ทว่าคุณหนูใหญ่เอาแต่มิเชื่อข้าลูกเดียว ข้าเองก็จนปัญญาเจ้าค่ะ”

สีหน้าหลี่ซื่อดูสมจริงยิ่งนัก น้ำตาที่คลอเบ้าในที่สุดก็ร่วงลงมา นางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับไว้ “ท่านพี่ ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ ข้าโดนใส่ร้าย ! ”

ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นเสียงทีหนึ่ง สีหน้าไร้กังวล “หากหลี่ซื่อโดนปรักปรำจริง เหตุใดเรื่องทุกอย่างจึงเชื่อมโยงหาเจ้าหมด ? ”

“จักบอกว่าเพราะหญิงแก่คนนี้ใจดำ มิชอบเจ้าจึงต้องสร้างเรื่องมาใส่ร้ายอย่างนั้นหรือ ? ”

ในตอนนี้นางโกรธมากจริง ๆ สีหน้าก็ดูเขียวคล้ำ ทำท่าจักไอออกมาอีก อันอิงเฉิงจึงรีบเอ่ยขึ้น “ท่านแม่โปรดระงับโทสะ ลูกแค่อยากตรวจสอบให้ชัดเจน ใช่ว่ามิเชื่อคำกล่าวของท่านแต่อย่างใดขอรับ”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ปลดนางทิ้ง ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าชี้ไปทางหลี่ซื่อ แววตาคมกริบ “ครั้งนี้ข้าโชคดีที่เกอเอ๋อช่วยกลับมาได้ หากครั้งหน้ายังมีคนวางยาข้าอีกก็คงมิโชคดีเหมือนวันนี้ ! ”

อันอิงเฉิงลำบากใจเหลือเกิน คนหนึ่งเป็นมารดาที่ตนเคารพ คนหนึ่งก็เป็นคู่เรียงเคียงหมอนเขามานานสิบกว่าปี นางได้คลอดบุตรสาวและเลี้ยงดูบุตรของเขา บัดนี้ทั้งสองคนบาดหมางใจกัน อันอิงเฉิงที่อยู่ตรงกลางจึงมิรู้ว่าควรทำอย่างไรดี

“ท่านย่า ท่านย่า ท่านเป็นอันใดเจ้าคะ ? ” อันอิงเฉิงกำลังลังเลก็ได้ยินเสียงอันหลิงเกอร้องอย่างกระวนกระวายเสียก่อน

พอเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่าหมดสติไปแล้ว โชคดีที่อันหลิงเกอกดกลางริมฝีปากบนของฮูหยินผู้เฒ่าไว้ อีกฝ่ายจึงค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา

ฮูหยินผู้เฒ่าที่ตื่นขึ้นมามีสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก ราวกับว่าดูแก่ชราไปมิน้อยเลย

“แม่มิได้อยากสร้างความลำบากให้เจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง “ในฐานะที่หลี่ซื่อคลอดบุตรให้จวนโหวของเรา นางจักอยู่ที่นี่ต่อก็ได้ แต่เจ้าต้องแต่งภรรยาเอกเข้ามาดูแลจวนแทนนาง”

แต่งภรรยาเอกเข้ามาหรือ ?

อันอิงเฉิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง