เย่เทียนกัดฟันกล่าวว่า “ฉันไม่ให้ แกจะทำไมฉัน”
“ไม่ให้ ฉันก็จะตบแกจนกว่าจะให้”
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
……
สิ้นเสียง เย่กวงก็ตบหน้าเย่เทียนครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนเย่ลั่วกับเย่ชิวก็เฝ้ามองดูเหตุการณ์อยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่ต้องตบแล้ว กูทนไม่ไหวแล้ว อยากได้ก็เอาไป”
หลังจากที่เย่เทียนโดนตบหน้าไปได้สิบกว่าที สุดท้ายก็ทนไม่ไหวร้องไห้ตะโกนออกมา
เย่กวงลูบข้อมือของตนเองที่เริ่มชา แล้วกล่าวอย่างดูถูก “ไอ้แก่ ฉันว่าแกน่าจะโดนตบอีกสักสองสามที ถ้าไม่ตบ แกคงไม่รู้จักฤทธิ์เดชของฉัน!”
ฮือออ!
อีกครู่หนึ่ง เย่เทียนก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
เขารู้สึกเสียใจ
ถ้ารู้แต่แรกว่าเย่กวงกับครอบครัวเป็นสุนัขจิ้งจอกแบบนี้ ก็น่าจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เย่ไห่แต่แรก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เสียใจก็สายเกินไปแล้ว
ชีวิตคนเราไม่มียาที่แก้ความเสียใจได้
“อี๋ กลิ่นเหม็นอะไรวะ”
เย่ลั่วขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“แม่งเอ๊ย ไอ้แก่นี่มันเยี่ยวแตก!”
เขาก้มหน้ามองจึงเห็นว่าที่เท้าของเย่เทียนมีน้ำสีเหลืองๆ เจิ่งนอง จึงตะโกนร้องเสียงดัง
เย่ชิวเอามือปิดจมูกของตัวเองเอาไว้แล้วกล่าวเสียดสีว่า “ปู่ฉันเนี่ยนะ โดนตีนิดตีหน่อยก็ไม่ได้ โดนพ่อตบไปไม่กี่ทีก็ฉี่แตกซะแล้ว”
“ฉัน……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำพูดเสียดสีของเย่ลั่วกับเย่ชิวเช่นนี้ สีหน้าของเย่เทียนก็เริ่มซีดเผือด
เย่กวงพูดออกมาด้วยสีหน้ารังเกียจ “ใครก็ได้มาลากไอ้แก่พิการนี่ออกไปหน่อย เอาไว้ก็เสียบรรยากาศ!”
“เย่กวง ครอบครัวพวกแกสักวันต้องโดนกรรมตามสนอง โอยยย!”
เย่เทียนที่โดนลากออกไปราวสุนัขแก่ๆ ตัวหนึ่ง ร้องตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้น
“พ่อ ยินดีด้วย! ตั้งแต่วันนี้พ่อกลายเป็นผู้นำตระกูลเย่แล้วนะ!”
เย่ชิวกล่าวยินดีกับเย่กวงด้วยรอยยิ้มกว้าง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่กวงก็ทำหน้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก
รอมาหลายสิบปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง หัวใจของเขาฟูพองไปด้วยความสุข
“แย่แล้ว!”
ทันใดนั้นเอง
ผู้ดูแลบ้านตระกูลเย่วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น
สีหน้าของเย่กวงเย็นชา เขากล่าวเสียงกร้าว “จะทำลุกลี้ลุกลนทำไม ดูท่าทางเข้าสิ”
ผู้ดูแลมองไปที่เย่กวงแล้วรีบกล่าวออกมาว่า “คุณชายรอง……”
“คุณชายรองอะไร? ตอนนี้พ่อฉันเป็นผู้นำตระกูลเย่แล้ว ตาบอดหรือไง” เย่ชิวต่อว่าหน้าเขียวหน้าดำ
“ผู้นำ?”
ผู้ดูแลบ้านชะงักไป
แต่เมื่อเห็นท่าทางดุดันของเย่กวงแล้ว เขาก็ได้แต่กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ท่านผู้นำ!”
เย่กวงจึงพยักหน้าอย่างพออกพอใจ “ว่ามา เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ผู้ดูแลกล่าวรายงานด้วยสีหน้ากังวล “ท่านผู้นำ เมื่อครู่นี้ผมเพิ่งได้ข่าวมาว่า เย่ไห่คือประธานคนใหม่ของเย่ซื่อกรุ๊ปแล้ว และได้เปลี่ยนชื่อของเย่ซื่อกรุ๊ปไปแล้วเป็นเฟิงเมิ่งกรุ๊ป เย่ไห่กลายเป็นประธานของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปแล้ว ส่วนเย่เมิ่งเหยียนเป็นกรรมการผู้จัดการ……”
“ว่าไงนะ”
“เวรเอ๊ย!”
ดวงตาของเย่กวงเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ
“ไอ้ขยะเย่ไห่ มีดีอะไรถึงได้เป็นประธาน?”
เขาตวาดลั่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
เย่ชิวเดินเข้ามาแล้วกล่าวพลางขมวดคิ้ว “พ่อ ใจเย็นๆ ก่อน จะต้องมีเรื่องอะไรผิดปกติแน่ๆ”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็มองไปที่ผู้ดูแลแล้วถามว่า “ก่อนหน้านี้เย่ซื่อกรุ๊ปถูกยึดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเย่ไห่ถึงกลายเป็นประธานกรุ๊ปไปได้”
ผู้ดูแลก้มหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าเพราะหยางเฟิง หม่าตงยกเย่ซื่อกรุ๊ปให้เขา เขาเลย……”
“ไอ้ลูกเขยสวะนี่อีกแล้ว! ทำไมมันถึงดวงดีขนาดนี้”
“ก่อนหน้านี้ก็ดูหมิ่นตระกูลเย่ของพวกเรา ไม่แค่ให้ฉันคุกเข่าให้มัน ยังทำให้พวกเราต้องสูญเสียทุกอย่างไปอีก”
“ตอนนี้ยังมาแย่งเย่ซื่อกรุ๊ปไปอีก แถมยังแต่งตั้งให้ไอ้สวะเย่ไห่เป็นประธาน ฉันไม่ยอมมันหรอก!”