“รออะไรอีก ก็ตอบมาสิ สอบกลางภาคที่ผ่านมาได้ที่เท่าไหร่ ?” หลี่ซู่เฟินรู้ทันแผนการของเฉินโม่ เธอแทบจะไม่ปล่อยโอกาสให้กับเข้าเลย ซ้ำยังกดดันเข้ามาเรื่อย ๆ
เฉินโม่ร้องห่มร้องไห้ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำเดียว อันดับหนึ่งจากท้ายสุด แถมยังหลับคาห้องสอบอีก จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่กลัวว่าคุณแม่จะรับไม่ไหวหัวใจหายไปซะก่อนน่ะสิ !
“คุณแม่ คะแนนครั้งนี้ช่างมันเถอะ รอถึงสอบปลายภาค ผมสัญญาว่าจะสอบเข้ามหาลัยที่ดีเลย !” เฉินโม่ตบหน้าอกตัวเองอย่างมั่นใจ ขาดก็แค่การสาบานกับพระเจ้าแล้ว
หลี่ซู่เฟินไม่ได้สนใจเฉินโม่ จ้องไปที่เขาด้วยสายตาเยือกเย็น “พูดความจริงมา ครั้งนี้ได้คะแนนเท่าไหร่ ? อยู่ลำดับที่เท่าไหร่ ? เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว !”
เฉินโม่ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แค่ใช้สายตาขอความช่วยเหลือเวินฉิงที่อยู่ข้าง ๆ แต่เธอกลับทำท่าที่ไม่สนใจ เปรย ๆ ว่าไม่คิดจะช่วยเขาตั้งแต่แรกนั่นเอง
เฉินโม่ทำอะไรไม่ถูก เขาเป็นผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพผู้สง่า ท่องจักรวาลอย่างตามใจ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้ ?
“คุณแม่ นี่แม่จะไม่เชื่อลูกของตัวเองหรอ ? ผมสัญญาว่าเทอมหน้าจะตั้งใจเรียน สอบได้มหาลัยดี ๆ !” เฉินโม่พูดด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย
ทันใดนั้น เขาก็ยกมือขึ้น ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง “ผมสาบาน !”
ทันใดนั้นเอง เอียนชิงเฉิงก็รินชามาสองใบ นำมาวางไว้ด้านหน้าหลี่ซู่เฟินและเวินฉิง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณน้า เชิญดื่มชาก่อน !” ทันทีที่เธอเห็นเอียนชิงเฉิง หลี่ซู่เฟิงก็ผงะไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้นหลี่ซู่เฟิงก็ต้องตกใจ พูดอย่างประหลาดใจไปว่า “เธอคือหญิงสาวตระกูลเอียนคนนั้น ! คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหน้าตาจะสะสวยได้ขนาดนี้ !”
เอียนชิงเฉิงยิ้มอย่างเขินอาย “คุณน้า ชมกันเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าไม่เจอกันตั้งหลายปี คุณน้ายังจำหนูได้ด้วย !”
เมื่อพูดถึงข่าวคราวของลูกสะใภ้ในอนาคต หลี่ซู่เฟินก็คอยใส่ใจอยู่ตลอด ได้ยินมาว่าเอียนชิงเฉิงกลายเป็นสาวสวยที่สุดในยานจิง
หลี่ซู่เฟินจู่ ๆ ก็มองไปยังเอียนชิงเฉิงด้วยความแปลกใจ และถามไปว่า “แล้วเธอมาอยู่กับไอ้เด็กนี่ได้ยังไงกัน ?”
เอียนชิงเฉิงเหลือบมองเฉินโม่ทีหนึ่ง พูดอย่างราบเรียบว่า “ตอนนี้หนูเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเฉินโม่”
“อะไรนะ !” หลี่ซู่เฟินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เวินฉิงเองก็มองไปยังเอียนชิงเฉิงด้วยความตกใจ จากนั้นก็มองไปยังเฉินโม่ด้วยความสงสัย
เฉินโม่ไม่มีท่าทีใด ๆ ใบหน้านิ่งเรียบอย่างที่ควรจะเป็น
จู่ ๆ หลี่ซู่เฟินก็ระเบิดอารมณ์ขึ้น คว้าหูของเฉินโม่ไว้อีกครั้ง พูดเสียงดังว่า “ไอ้ลูกเวร เอ็งใช้วิธีการเลว ๆ แบบไหน ถึงหลอกล่อคุณหนูตระกูลเอียนให้มาเป็นสาวใช้ได้ ! ถ้าหากตระกูลเอียนรู้เข้า แกจะเหลืออยู่กี่หัว !”
“คุณแม่ เบามือหน่อย เจ็บ !” เฉินโม่ตะโกนร้องขอความเมตตา พยายามอธิบายด้วยความรู้สึกผิดว่า “นี่ไม่ใช่เพราะผมนะ มันเป็นเพราะเธอมาเป็นคนใช้ให้เองต่างหากเล่า ไม่เชื่อก็ถามเธอดูสิ !”
“พูดไร้สาระ มันจะมีคุณหนูตระกูลเอียนดี ๆ ที่ไหน วิ่งมาเป็นคนใช้ให้กับคนอย่างแกกัน !” หลี่ซู่เฟินไม่เชื่อคำพูดของเขา
เอียนชิงเฉิงจึงรีบเข้าไปอธิบาย “คุณน้า คุณชายเฉินโม่ไม่ได้พูดโกหก หนูยินดีที่จะเป็นสาวรับใช้ให้กับเฉินโม่เอง !”
หลี่ซู่เฟินแข็งเป็นหิน เวินฉิงแข็งเป็นหิน !
ผ่านไปสักพัก หลี่ซู่เฟินก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก พูดอย่างไม่เชื่อว่า “ช่างเถอะ เรื่องของวัยรุ่น ฉันจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว และก็ไม่เข้าใจด้วย แต่ว่าพวกเธอต้องรักกันให้ดี อย่าทำอะไรเกินเลย จนสร้างความวุ่นวายให้กับตระกูลของเราทั้งสองดูไม่ดี !”
เฉินโม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก เอียนชิงเฉิงหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“เอาล่ะ ที่บริษัทยังมีงานอยู่ งั้นแม่ไปล่ะ คืนนี้ก็เตรียมตัวไปสักหน่อย พรุ่งนี้ต้องไปร่วมการประชุมสูงสุดกับแม่ !” หลี่ซู่เฟินกลอกตาไปมองเฉินโม่ พลางพูดอย่างเยือกเย็น
เวินฉิงเองก็ลุกตามไป กวาดตามองไปยังเอียนชิงเฉิงและเฉินโม่ด้วยท่าทีดูเป็นมิตร
เฉินโม่จ้องไปยังเวินฉิง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณแม่รอสักครู่ ผมมีของขวัญจะให้”
เฉินโม่ส่งหยกแขวนป้องกันภัยไปให้เธอ พร้อมกับเน้นย้ำว่าให้หลี่ซู่เฟินพกติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา
หลี่ซู่เฟินรู้สึกว่าเฉินโม่เป็นคนแปลก แต่ลูกของเธอก็หวังดี เธอจึงรับมันไว้อย่างมีความสุข ราวกับว่ามันคือของประดับที่สามารถเติมเต็มความรักของกันและกันไว้ได้