บทที่ 289 เพิ่มเลเวล
บทที่ 289 เพิ่มเลเวล

วันนี้เซียวเฟิงวางแผนที่จะช่วยเพิ่มเลเวลให้เฉียนโตวโตว เมืองจักรพรรดิเตรียมจะเปิดในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียเองก็เตรียมจะเข้าไปยังเมืองนั้น และเปลี่ยนเมืองแห่งนั้นให้กลายเป็นเมืองหลักที่ต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยฉายาของเซียวเฟิง มันทำให้ชายหนุ่มสามารถกว้านซื้อที่ดินในเขตธุรกิจภายในเมืองจักรพรรดิไว้ได้หมดแล้ว ตอนนี้คงพูดได้ว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการลงมือแล้ว

หากไม่ติดว่าเฉียนโตวโตวเลเวลต่ำเกินไปที่จะเข้าไปในเมืองจักรวรรดิ ณ ตอนนี้ เขาคงจะไปหาอะไรทำสนุก ๆ แล้ว

หากพูดถึงประสิทธิภาพในการเก็บเลเวล เซียวเฟิงมั่นใจมาก ๆ ว่าไม่มีใครสามารถตามเขาทันได้แน่ ๆ ต่อให้ผู้เล่นจากกิลด์มิดซัมเมอร์ทั้งหมดจะเข้าปาร์ตี้ด้วย พวกเขาก็เก็บเลเวลตามเซียวเฟิงไม่ทันหรอก

สถานที่ที่เขาชื่นชอบยังคงเป็นภูเขากระดูกดังเดิม ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์อันเดด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจำนวนมากราวกับเป็นฟาร์มเลยด้วย ดังนั้นมันจึงถือเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดหากจะเก็บเลเวลคนเดียว

“พี่เซียว! พวกเรามาแล้ว!”

ขณะที่เซียวเฟิงกำลังยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่เมืองป่า ในที่สุดเฉียนโตวโตวก็มาพร้อมกับพรรคพวกของเธอจากจุดวาร์ป

เฉียนโตวโตวไม่ได้มาเพียงคนเดียว และเหล่าสาว ๆ ที่ตามมาด้วยกว่าสิบคนนั้นก็เป็นพนักงานในร้านค้ามหาสมบัติทั้งหมดด้วยเช่นกัน คนพวกนี้ได้รับการเชื่อใจจากเฉียนโตวโตว นอกจากนี้พวกเธอเหล่านี้ยังสาวและสวยมาก ๆ อีกด้วย

ในเมื่อเฉียนโตวโตวต้องไปยังเมืองจักรพรรดิ แน่นอนว่าเธอไม่สามารถไปเพียงคนเดียวได้ เธอจำเป็นต้องนำลูกน้องของเธอบางส่วนไปด้วย ดังนั้นมันเลยทำให้แผนที่วางไว้ว่าจะไปเก็บเลเวลกันสองคนกลายเป็นต้องตั้งปาร์ตี้ระดับสิบกว่าคนขึ้นมาในทันที ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเซียวเฟิงที่เป็นผู้ชายแล้ว สมาชิกปาร์ตี้คนอื่น ๆ ก็เป็นผู้หญิงหมดเลยอีกต่างหาก!

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

เซียวเฟิงมองไปยังกลุ่มผู้เล่นสิบกว่าคนในปาร์ตี้ตอนนี้ ท่ามกลางพวกเธอเฉียนโตวโตวที่เลเวลสูงที่สุดอยู่ที่ 16 แม้ว่าเซียวเฟิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดยังไงดีจึงตัดสินใจไม่พูดแทน

แต่เดิมแล้วเซียวเฟิงตั้งใจจะพาแค่เฉียนโตวโตวไปเก็บเลเวลด้วยแค่นั้น เพราะการเก็บเลเวล ยิ่งมีผู้เล่นในปาร์ตี้น้อย อัตราการหารค่าประสบการณ์ก็จะได้เยอะมากขึ้นและถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็จะสามารถพัฒนาเลเวลได้เร็วขึ้นไปอีก

แม้ว่าเซียวเฟิงจะไม่ได้ว่าอะไรหากเฉียนโตวโตวจะพาคนอื่นมาด้วย แต่ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะพาคนมาเยอะขนาดนี้ ตอนนี้ค่าประสบการณ์มันจะถูกหารยิบย่อยกว่าสิบส่วนอีกนะ หากจะทำให้พวกเธอทั้งหมดขึ้นเป็นเลเวล 30 ได้ เซียวเฟิงคงแทบร่างมลายเลยแน่ ๆ

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทุกคนมาแล้ว เซียวเฟิงก็ไม่ได้มีความคิดจะไล่คนอื่นกลับไปแต่อย่างใด เพราะงั้นเขาจึงได้แค่นั่งนิ่ง ๆ เท่านั้น

“พี่เซียว…ขอบคุณในความเหน็ดเหนื่อยนะคะ…”

ด้วยรอยยิ้มเยินยอ เฉียนโตวโตวรีบเข้าไปช่วยนวดขาเซียวเฟิงที่นั่งอยู่บนหลังเสี่ยวเสวีย และด้วยความสูงของเสี่ยวเสวีย มันเลยทำให้เธอทุบถึงเพียงแค่ต้นขาของเขาเท่านั้น

“เอาเถอะ ๆ รีบไปได้แล้ว”

เซียวเฟิงลูบขนสีขาวของเสี่ยวเสวียเบา ๆ ก่อนจะเริ่มสั่งให้มันออกเดินช้า ๆ สาว ๆ ของร้านค้ามหาสมบัตินั้นไม่มีสัตว์ขี่กันเลย ดังนั้นเซียวเฟิงจึงทำได้แค่ควบเสี่ยวเสวียเดินไปกับพวกเธอเช่นนี้ และมันจึงทำให้พวกชายหนุ่มเดินทางได้ช้าลง สร้างความหนักใจให้เขามากยิ่งขึ้น

“พี่เซียว ให้ฉันขี่ไปด้วยไม่ได้เหรอ?”

เฉียนโตวโตวรีบเดินจนตามเซียวเฟิงทัน เธอเคยขี่เสี่ยวเสวียมาก่อน เพราะงั้นในครั้งนี้สาวเจ้าจึงมองที่นั่งบนหลังของม้ายูนิคอร์นตัวสีขาวสะอาดนี้ด้วยความที่รู้อยู่แล้วว่ามันสามารถขี่ได้สองคน

“ไม่ เดินไปด้วยขาของตัวเองนั่นแหละ”

ทว่าเซียวเฟิงก็ปฏิเสธแทบจะทันทีขณะที่ตัวเขาเองก็กำลังนั่งอ่านฟอรั่มข่าวอยู่

สาว ๆ กว่าสิบคนที่เดินตามหลังมาต่างพากันซุบซิบขณะที่มองมายังเซียวเฟิงและหัวหน้าของพวกเธอ

“ผู้ชายบนม้าสีขาวคนนั้นเป็นใครน่ะ? ทำไมฉันรู้สึกว่าบอสกำลังประจบประแจงเขาอยู่เลย?”

“นี่เธอไม่รู้จักเขาเหรอ? เธออยู่สาขาหลักจริงหรือเปล่าเนี่ย?”

“ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่สาขาในเมืองเซิงสุ่ยเพิ่งจะถูกย้ายมาที่สาขาเมืองเทียนหลงเมื่อไม่นานนี้เอง แบบนี้แสดงว่าพวกเธอทุกคนรู้จักเขาเหรอ?”

“แน่นอน แล้วแบบนี้เธอรู้หรือยังว่าวันนี้เรามาทำอะไรกัน?”

“อันนั้นฉันรู้ บอสบอกว่าเธอจะพาพวกเรามาอัปเลเวล ผู้ชายคนนั้นแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวเหรอ? เขาจะแบกพวกเราที่ไม่รู้สกิลต่อสู้เลยได้จริง ๆ ใช่ไหม?”

“ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งของเขาล่ะก็ ฉันคงสรุปให้ได้ว่า เขาแข็งแกร่งที่สุดในเขตฮัวเซียเลยก็ว่าได้ เอ๊ะ หรือป่านนี้จะแข็งแกร่งที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ไปแล้วนะ? พูดแบบนี้เธอพอจะเดาได้หรือยัง?”

“อ๊ะ! เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์เหรอ?”

“ใช่ เขาต้องเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่ ๆ ถึงแม้ว่าชุดที่ใส่อยู่จะต่างออกไปจากครั้งที่แล้วก็ตาม แต่ไม่มีใครคนไหนที่สามารถอยู่ใกล้ชิดกับบอสได้ขนาดนั้นเท่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้วนะ เธอต้องรู้เอาไว้ว่าบอสน่ะไม่เคยยิ้ม แม้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคราวน์ปรินซ์ก็ตาม”

“ฉันเคยได้ยินมาว่าร้านค้ามหาสมบัติมีความคุ้นเคยกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ตอนนี้ฉันว่ามันน่าจะจริงแล้วล่ะ!”

“นี่มันน่าจะมากกว่าคุ้นเคยแล้วนะ ดูสิ บอสเพิ่งพูดไปว่าอยากจะขี่ม้ากับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เองไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว ยังไงซะบอสของพวกเราก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่อยู่ในอันดับเทพธิดาของเขตฮัวเซียเลยนะ ดูท่าตอนนี้เธอคงจะไม่ยอมปล่อยเจ้าแห่งฮีลเลอร์ให้หลุดมือแน่ ๆ”

“นั่นเจ้าแห่งฮีลเลอร์เลยนะ! ถ้าฉันเป็นบอส ฉันก็ทำเหมือนกันแหละน่า! แต่ฉันกลัวเขาจะดูถูกฉันจัง…”

“เป็นใครก็ทำกันทั้งนั้นแหละ! แค่เพราะเขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ฉันว่าต้องมีผู้หญิงอีกหลายคนที่อยากจะโยนตัวเองเข้าใส่เขาแน่ ๆ ”

“ฉันได้ยินมาว่า แม้แต่หัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ที่เป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งในฮัวเซียก็ยังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เลยนะ!”

“โรสน่ะเหรอ? เธอคนนั้นเป็นอันดับ 1 ได้ยังไงกัน? เธอพอจะมีรูปให้ดูบ้างไหม?”

“ว่ากันว่ายังไม่มีผู้เล่นคนไหนเคยเห็นใบหน้าของเธอจริง ๆ นะ ปกติแล้วเธอจะสวมผ้าปิดหน้าตลอดเลย แต่ก็มีคนบอกอีกว่าความสวยของเธออาจทำให้แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันเองยังต้องหลงใหลเลย”

“ถ้าเรื่องนั้นฉันว่าน่าจะมีส่วนนะ ฉันเคยเห็นเธอมาคุยกับบอสที่สาขาหลักอยู่ครั้งหนึ่ง ออร่าของหลิวเฉียงเหว่ยน่ะเปล่งประกายมากเลย อย่างกับว่าเธอเป็นนางฟ้าเสียอย่างงั้นแหละ ฉันไม่กล้าสบตาเธอคนนั้นซะด้วยซ้ำ”

ระหว่างที่กลุ่มของผู้เล่นหญิงกำลังกระซิบกระซาบกัน เฉียนโตวโตวก็ไม่สามารถโน้มน้าวเซียวเฟิงให้เธอขี่ม้าไปด้วยได้จนกระทั่งตอนนี้ภูเขากระดูกเริ่มปรากฏรูปร่างอยู่ตรงหน้าแล้ว

มีเพียงส่วนสันเขาของภูเขากระดูกเท่านั้นที่ถือเป็นแผนที่ระดับสูง ที่นั่นมีมอนสเตอร์รวมตัวกันอยู่หนาแน่น ถ้าหากหลงเข้าไปแล้วจำเป็นต้องใช้ยาเพิ่มพลังชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นแล้วจึงมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะหลงเข้าไป พวกเขาส่วนใหญ่จะอยู่กันที่แผนที่ระดับกลางส่วนที่เป็นตีนเขาเสียมากกว่า

“พวกเธออยู่ที่นี่ แล้วก็ระวังตัวจากมอนสเตอร์ด้วย”

เซียวเฟิงเดินเข้าไปในหุบเขาของภูเขากระดูก เขาไม่ได้เข้ามาจัดการบอสที่นี่หลายวัน ดังนั้นจำนวนของพวกทหารกระดูกรวมไปถึงมอนสเตอร์ประเภทอื่น ๆ จึงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เท่าที่เห็นได้ตอนนี้ก็น่าจะมีอย่างน้อยพันตัวขึ้นไปแน่ ๆ และไม่ว่ามอนสเตอร์ภายในนี้จะมีกี่รูปแบบ พวกมันก็ล้วนอยู่ในวงศาคณาญาติของกองพันซี่โครงทั้งนั้น

“เสี่ยวเสวีย!”

หลังจากที่เซียวเฟิงบอกกล่าวกับเฉียนโตวโตวแล้ว เขาก็ลูบที่คอของเสี่ยวเสวีย ด้วยเสียงคำรามของม้าศึกตัวสีขาวสะอาดนี้ ปีกขนาดใหญ่ที่ถูกซ่อนเอาไว้ตลอดเวลาก็สยายออกกว้างทันที

ซู่ม!

เสี่ยวเสวียกระพือปีกที่กว้างใหญ่นั้นจนเกิดสายลมหมุนไปมา ท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้เล่นหญิงที่ยืนมอง เสี่ยวเสวียก็พาร่างของเซียวเฟิงทะยานขึ้นไปบนอากาศและมุ่งหน้าสู่กองพันซี่โครงอันเป็นเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

“ฉันเข้าใจแล้ว…ว่าทำไมผู้เล่นหญิงนับไม่ถ้วนถึงอยากจะถวายตัวเองให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์… ด้วยความสามารถของเขา พวกเธอทุกคนจะต้องได้ในสิ่งที่ฝันแน่ ๆ …”

ท่ามกลางเสียงกระซิบของสาว ๆ ผู้เล่นหญิงคนหนึ่งก็ได้จับจ้องไปยังยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังสยายปีกบินอยู่ในอากาศด้วยความอิจฉา เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมบอสของเธอถึงอยากจะขึ้นไปขี่เจ้าม้าตัวนั้นกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เสียเหลือเกิน แค่ได้เห็นสัตว์ขี่ของเขาทุกคนก็แทบจะเข้าไปล้อมเขากันหมดแล้ว

“โฮลี่ไลท์!”

“ถ้อยคำแห่งเงา!”

เซียวเฟิงเริ่มเปิดฉากการโจมตีแล้ว เนื่องจากกองพันซี่โครงนั้นเป็นมอนสเตอร์ขนาดเล็กที่เน้นหลักไปที่การโจมตีระยะประชิด พวกมันจึงไม่สามารถโจมตีระยะไกลได้ ทำให้เซียวเฟิงใช้ข้อได้เปรียบนี้ร่ายสกิลตั้งแต่ยังอยู่บนอากาศ

เสี่ยวเสวียบินผ่านกองทัพโครงกระดูกพวกนั้นเพื่อให้เซียวเฟิงสามารถร่ายสกิลใส่มอนสเตอร์ได้เยอะที่สุด ด้วยเหตุนี้มอนสเตอร์เผ่าอันเดดทุกตัวที่โดนสกิลของเซียวเฟิงจึงปรากฏตัวเลขแสดงความเสียหายขึ้นเต็มหัวไปหมดราวกับมันมีกลุ่มหมอกตัวเลขก่อตัวขึ้นมา พร้อมกันนั้น หลอดพลังชีวิตของมันก็หายกันไปครึ่งหนึ่งเลยด้วย!

แม้ว่ากองทัพโครงกระดูกเหล่านี้จะรู้สึกตัวและหันเข้าหาเซียวเฟิงที่บินอยู่บนอากาศแล้ว แต่พวกมันก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดีตราบใดที่เซียวเฟิงยังอยู่บนนั้น ชะตากรรมของมันคือการรอเวลาถูกกำจัดเท่านั้น

“พระเจ้า…พลังในการโจมตีของเขาจะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ! นี่หรือเปล่าที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เลเวลอัปเร็วน่ะ?”

กลุ่มของผู้เล่นหญิงหาจุดที่สามารถเห็นสถานการณ์ได้จากที่สูงได้แล้ว พวกเธอไปรวมตัวกันที่นั่นเพื่อรอรับส่วนแบ่งค่าประสบการณ์ สิ่งที่พวกเธอเห็นคือกลุ่มของตัวเลขแสดงความเสียหายสีแดงที่อยู่ในหุบเขา พวกเธอพอจะรู้กันมาบ้างว่าอีกฝ่ายใช้วิธีเก็บเลเวลแบบไหน แต่พวกเธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเห็นจริง ๆ เช่นนี้ ไม่มีใครเคยได้ยินหรือเห็นภาพการปะทะกับมอนสเตอร์กว่าพันตัวในคราเดียวเช่นนี้แน่ ๆ!

แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าภายในใจเซียวเฟิงนั้นมีความรู้สึกเสียดายปรากฏขึ้นอยู่ มีเพียงสกิลรักษาเท่านั้นที่เขาสามารถร่ายใส่เป้าหมายระยะไกลได้ หากสกิลโจมตีอื่น ๆ สามารถทำได้เช่นกัน ป่านนี้เซียวเฟิงคงร่ายหอกแสงศักดิ์สิทธิ์จากบนฟ้าไปแล้ว

เดี๋ยวก่อนนะ?!

ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเซียวเฟิงก็เปลี่ยนไป สกิลต่อสู้ของนักบวชนั้น หายากนัก ก่อนหน้านี้ก็ขอให้เฉียนโตวโตวหาเผื่อไว้ให้ตั้งนานแล้วก็ยังไม่ได้สักที แต่ในขณะเดียวกัน ภายในตลาดต่างก็มีสกิลรักษาเป็นจำนวนมาก แล้วก็ถ้าเป็นสกิลรักษาแบบทั่ว ๆ ไป ราคาขายของมันก็ไม่น่าจะเกินหนึ่งเหรียญทองหรือเปล่านะ?

“โตวโตว หาหนังสือสกิลรักษาให้ฉันหน่อย!”

หลังจากที่เซียวเฟิงร่ายแสงศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สองไปและทำให้เกิดหมอกตัวเลขสีแดงอีกครั้ง เขาก็หันไปตะโกนบอกเฉียนโตวโตวจากบนฟากฟ้า

“โอ๊ะ เข้าใจแล้ว! ฉันจะรีบไปหามาเดี๋ยวนี้เลย!” เฉียนโตวโตวรีบตอบกลับไปทันทีที่ได้ยิน

“สกิลรักษาของนักบวชเหรอคะ? ฉันมีอยู่เล่มหนึ่งพอดีเลย” หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ข้าง ๆ เฉียนโตวโตวพูดขึ้น

“งั้นเดี๋ยวฉันจะลงไปรับมัน”

ขณะเดียวกันนั้นเอง คูลดาวน์ของสกิลโฮลี่ไลท์ครั้งที่ 3 ก็เสร็จพอดี ถึงเวลาเผด็จศึกแล้ว ภายใต้หมอกตัวเลขสีแดงนี้ เหล่าทหารโครงกระดูกมากมายล้มลงไปกับพื้นก่อนจะกลายเป็นซากสลายไปกับพื้น เหรียญทองมากมายรวมไปถึงไอเทมปริมาณมหาศาลร่วงกระจายเต็มพื้นไปหมด นอกจากนี้เหล่าผู้เล่นหญิงในปาร์ตี้ทุกคนต่างก็เปล่งแสงสีขาวแสดงให้เห็นถึงการเลเวลอัปออกมากันด้วย

โชคดีที่ผู้เล่นหญิงเหล่านี้เตรียมตัวสำหรับการพัฒนาที่รวดเร็วเอาไว้หลังจากที่เห็นศักยภาพในการปัดเป่ามอนสเตอร์ของเซียวเฟิงก่อนหน้า พวกเธอจึงไม่ได้ตกใจอะไรกันมากนัก

เซียวเฟิงร่อนลงมาจากบนฟากฟ้า เสี่ยวเสวียที่ค่อย ๆ ชะลอตัวลงมานั้นค่อย ๆ กระพือปีกให้ช้าลงแต่ก็ยังทำให้เกิดสายลมพัดไปมาท่ามกลางสายตาที่กำลังอิจฉาของผู้เล่นหญิงทุกคนอยู่ดี กว่าจะรู้ตัว พวกเธอทั้งหมดก็ยืนห้อมล้อมเสี่ยวเสวียไปแล้ว

“นี่ค่ะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์”

ผู้เล่นหญิงตัวเล็กเดินเข้าไปหาเจ้าแห่งฮีลเลอร์อย่างระมัดระวัง เธอตัวสูงไม่ถึงระดับหัวของเสี่ยวเสวียด้วยซ้ำ ขนาดเขย่งขาแล้ว แววตาที่สนอกสนใจของหญิงสาวแอบมองเซียวเฟิงไปด้วยขณะเปิดฟังก์ชั่นส่งของ

เมื่อได้รับการแจ้งเตือน เซียวเฟิงก็รีบตอบรับทันที และทันใดนั้นสมุดสกิลระดับธรรมดาก็ปรากฏในกระเป๋าของเขา

สกิลรักษา

ระดับ : ทั่วไป

คลาสที่สามารถเรียนได้ : นักบวช

ผลลัพธ์ : รักษาเป้าหมายที่เป็นเพื่อน ภายใน 5 วินาที จะฟื้นฟูพลังชีวิต (ค่าพลังเวทผู้ใช้ x 10% x เลเวลสกิล) ต่อวินาที

คูลดาวน์ : 30 วินาที

มานา : 30 หน่วย

สกิลรักษาเป็นสกิลที่ใช้ในการค่อย ๆ เพิ่มพลังชีวิตให้ผู้เล่นหนึ่งคนอย่างต่อเนื่อง ผลของมันแย่กว่าการเพิ่มพลังชีวิตแบบทันทีของโฮลี่ไลท์รวมไปถึงปริมาณที่เพิ่มได้ก็ยังไม่ดีเทียบเท่าสกิลแสงศักดิ์ด้วย ด้วยเหตุนี้เมื่อผู้เล่นถึงเลเวล 5 จึงมีเพียงน้อยคนที่จะเลือกเรียนรู้สกิลนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็เลือกเรียนแสงศักดิ์สิทธิ์กันหมด

โชคดีที่สกิลรักษานี้ไม่ใช่สกิลที่หายากนัก แถมมันยังมีโอกาสดร็อปจากมอนสเตอร์บางตัวอีกด้วย ด้วยความที่หาได้ง่ายหากจะซื้อก็ราคาถูก ผู้เล่นนักบวชส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเรียนมันผ่านหนังสือสกิลแทนมากกว่า

เซียวเฟิงคำนวณไว้แล้วว่าการรักษาของสกิลรักษาในเลเวล 1 นั้นเท่ากับ 10% ของค่าพลังเวทต่อ 1 วินาที สกิลมีผล 5 วินาทีนั่นหมายถึงปริมาณที่ใช้รักษาได้คือ 50% ของพลังเวททั้งหมด

และค่าพลังเวทของเซียวเฟิงหลังจากการถูกเพิ่มพลังด้วยพรความกล้าแล้วมันน่าจะสูงได้ถึง 800 หน่วย ซึ่ง 50% ก็คือ 400 หน่วย นี่คือปริมาณการรักษาและสร้างความเสียหายได้ในเวลา 5 วินาทีด้วยสกิลนี้ นอกจากนี้เขายังมีผลของการรักษาและพลังแห่งทวยเทพที่เปรียบเสมือนบัฟให้ผู้เล่นที่เป็นธาตุแสง รวมไปถึงการเพิ่มผลการรักษาอีก 10% จากคทานักปราชญ์อีก ดังนั้นแล้วสกิลรักษานี้จึงถือว่าให้ผลดีมาก ๆ

จากการคำนวณเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าสกิลรักษานี้ก็มีดีในตัวมันเอง แล้วมันจะดียิ่งขึ้นไปอีกหากเลเวลของสกิลสูงขึ้น ดังนั้นเซียวเฟิงจึงพึงพอใจมากเมื่อได้เรียนรู้มันมา

“ไปกันต่อ ที่ยอดเขายังมีมอนสเตอร์อยู่อีกมาก แต่พวกเธอต้องระวังตัวให้ดี เพราะฉันคงจะไม่ได้หันมาระวังพวกเธอได้มากนักขณะที่กำลังสู้กับมอนสเตอร์อยู่”

ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปด้านหลังเพื่อพูดกับเหล่าสาว ๆ ที่ตามมาด้วย ทว่า ณ ตอนนั้น ที่ด้านหลังเขาก็ไม่มีใครอยู่แล้ว

เมื่อมองย้อนกลับไปอีก เขาก็พบว่ากลุ่มของผู้เล่นหญิงที่ตามเขามาด้วย ตอนนี้กำลังวิ่งกลับไปยังจุดที่เซียวเฟิงเพิ่งจะเคลียร์มอนสเตอร์ไป พวกเธอเก็บของที่ดร็อปทุกสิ่งอย่างบนพื้นที่นั้นด้วยความร่าเริง ไอ้ท่าทางเหมือนลิงได้กล้วยเนี่ย…เหมือนเฉียนโตวโตวไม่มีผิดเลย

สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงพูดไม่ออก อย่าบอกนะว่าเฉียนโตวโตวเลือกรับสมัครพนักงานโดยอิงเอาจากความหิวเงินของผู้มาสมัครน่ะ?