แววตากู้ชูหน่วนไม่เป็นมิตร น้ำเสียงก็เยือกเย็นลงบ้างเล็กน้อย

เซี่ยวอวี่เซวียนคาดคิดไม่ถึงว่าจู่ๆกู้ชูหน่วนจะโมโหมากเช่นนั้น

แม้ว่าจอมมารจะเป็นน้องชายแท้ๆของนางเองแต่เช่นไรเขาก็เป็นจอมมาร หากว่าเขาโกรธเพียงแค่โบกมือก็สามารถทำลายล้างนางได้แล้ว

เซี่ยวอวี่เซวียนเกลี้ยกล่อมว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ เหตุใดเจ้าถึงได้พูดจาเช่นนี้กับน้องชายหล่ะ เรื่องทุกอย่างสามารถพูดคุยต่อรองกันได้”

ใจจอมมารอบอุ่นขึ้นมาทันที

เช่นไรก็เป็นเสี่ยวจิ้วจื่อของเขา ในใจก็ยังเข้าข้างเขาอยู่

“พี่หญิงไม่ชอบที่ในร่างมีกลิ่นของอาม่ออยู่หรือ?”

“ไร้สาระ หากว่าในร่างกายของเจ้าติดตั้งGPSอยู่ ตลอดเวลามีคนสะกดรอยตามเจ้าแล้วเจ้าจะมีความสุขหรือไม่?”

“จีปีเอ๋อร์ซือนั่นเป็นวิธีการตายเช่นไร? พี่หญิงวางใจได้มีข้าอยู่ ไม่มีผู้ใดทำร้ายท่านได้”

“……”

กู้ชูหน่วนสงสัยว่าทั้งสองคนได้สมรู้ร่วมคิดกันเพื่อจัดการกับนางโดยเฉพาะจอมมาร

“รีบจัดการเอากลิ่นในกายข้าออกเดี๋ยวนี้”

“ก็ได้ก็ได้ เช่นนั้นท่านเอาลูกบอลในท้องออกได้หรือไม่?”

จอมมารโบกมือกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกลำโพงบนร่างกายของกู้ชูหน่วนก็หายไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย

เพียงแต่ว่าดวงตาคู่แปลกประหลาดนั้นของมารจ้องไปยังท้องอันแบนราบของกู้ชูหน่วนโดยที่คาดเดาความหมายของแววตาได้ยาก

กู้ชูหน่วนก้าวถอยหลังอย่างไม่ตั้งใจไปสองสามก้าวพร้อมกุมท้องของตนเองเอาไว้ “เจ้าจะทำสิ่งใด?”

“ลูกบอลนั่นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก อาม่อไม่ชอบเจ้าลูกบอลนั่น”

เซี่ยวอวี่เซวียนฟังอยู่เป็นเวลานานถึงจะเข้าใจว่าลูกบอลที่ว่านั้นหมายถึงสิ่งใด

เขาตกใจยิ่งนัก “แม่สาวอัปลักษณ์เจ้าตั้งครรภ์หรือ? ไม่หรอกมั้ง พ่อของเด็กคือผู้ใด? เทพแห่งสงคราม?”

กู้ชูหน่วน “……”

พวกเขาตาบอดแล้วใจก็บอดไปด้วยหรือ?

หากว่านางท้องจริงๆจะรอดพ้นจากการแต่งงานได้หรือ?

ไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาไปเอาความฉลาดทางด้านสติปัญญามาจากที่ใด?

“แม่สาวอัปลักษณ์เจ้ารีบบอกข้ามาเร็วว่าเทพแห่งสงครามบังคับเจ้าใช่หรือไม่?”

ลมปราณของจอมมารเยือกเย็นลงในทันใด ในแววตาสีอ่อนนั้นเกิดประกายแววเลือดแว๊บผ่าน “เยี่ยจิ่งหานกล้าบังคับเจ้าหรือ?”

กู้ชูหน่วน “……”

คนโง่เง่าสองคน พูดคุยกับพวกเขาแล้วทำให้นางรู้สึกว่าสูญเสียความฉลาดทางด้านสติปัญญาไป

จอมมารและเซี่ยวอวี่เซวียนน้อยนักที่จะเห็นกู้ชูหน่วนอยู่ในความเงียบ ในเวลานี้ฟันสีเงินของกู้ชูหน่วนปิดสนิทไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อยจึงอดไม่ได้ที่จะยืนยันว่าการคาดเดาของตนเองนั้นถูกต้อง

เยี่ยจิ่งหานเจ้าคนไร้ยางอายผู้นี้ ถึงกับกล้าบีบบังคับนางจริงๆ

ในใจทั้งสองคนนั้นเต็มไปด้วยความโมโหและกลิ่นไอสังหารจนถือเสียว่าเยี่ยจิ่งหานนั้นได้ตายไปแล้ว

เซี่ยวอวี่เซวียนปลอบว่า “แม่สาวอัปลักษณ์เจ้าก็อย่าได้คิดมาก หากว่าเจ้าต้องการเก็บเด็กคนนี้ไว้ก็เก็บไว้เถอะ ข้าจะปฏิบัติต่อเขาเสมือนลูกตนเอง และเชื่อว่าน้องชายก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับข้า”

จอมมารต้องการจะไปสังหารเยี่ยจิ่งหานในทันที

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยวอวี่เซวียนฝีเท้าราวกับถูกกรอกตะกั่วเข้าใส่โดยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปได้

นักฆ่าโลหิตเคยกล่าวไว้ว่าในช่วงเวลาที่หญิงสาวทุกข์ทรมานที่สุดนั้นต้องอยู่เป็นเพื่อน เช่นนี้จึงจะสามารถทำให้นางประทับใจได้

ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่พี่หญิงทุกข์ทรมานที่สุด น้องชายก็ยังคงคอยบอกเป็นนัยอยู่ตลอดว่าให้เขาปลอบใจพี่หญิง เขาไม่อาจทำลายเจตนาที่ดีของน้องชายได้ และก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้พี่หญิงทนทุกข์ทรมานเพียงลำพังได้

จอมมารกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ใช่ ข้าจะปฏิบัติต่อเขาเสมือนเป็นลูกของตนเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลใจกับเรื่องราวในภายหน้า ลูกของข้าม่อซือเฟยผู้ใดในใต้หล้าจะกล้ารังแก”

เซี่ยวอวี่เซวียนตะลึงและกล่าวแก้ไขว่า “เด็กในท้องของแม่สาวอัปลักษณ์ไม่ใช่ลูกของเจ้า” นั่นเป็นลูกของเขา

จอมมารนึกขึ้นในทันใด

ใช่ พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน ตอนนี้ยังไม่ใช่ลูกของเขา แต่ว่าเป็นเรื่องในไม่ช้าก็เร็ว

“ภายภาคหน้าจะเป็นลูกของพวกเรา” จอมมารกล่าว

กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าชาติที่แล้วนางต้องทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ถึงได้มารู้จักกับคนโง่สองคนนี้

หมายเหตุ

จี้ปี๋เอ๋อร์ซือ ทับศัพท์มาจากGPS ซึ่งจอมมารไม่รู้จักGPSที่กู้ชูหน่วนกล่าว จึงสงสัยว่าจี้ปีเอ๋อร์ซือคือสิ่งใด