บทที่ 132 ส่งยาเข้าวัง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

“ได้ยินแล้ว ให้คุณชายทังไปจัดการเรื่องสำนักศึกษาเถอะ” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความเต็มใจ

“พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านรีบไปจัดการทันที ฉีเฟยอวิ๋นกำชับนักคำนวณแล้วก็รีบหยิบตำลึงเงินออกมาจำนวนหนึ่ง นักคำนวณไม่กล้าชักช้า รีบคำนวณออกมาทันที

ฉีเฟยอวิ๋นเลือกรายชื่อออกมาสองสามคน เพื่อเรียกมาดูตัวหนึ่งรอบ

ถามบางคำถาม ถามเหตุผล หากไม่มีปัญหาก็จะส่งออกไป

ยามนี้ทั่วทั้งจวนท่านอ๋องล้วนอบอวลไปด้วยความปิติยินดี ทุกคนต่างชื่นชมฉีเฟยอวิ๋น ในใจของหงเถาและลี่ว์หลิ่วก็อิ่มเอมใจไปด้วย ปกติแล้วฐานเงินเดือนของพวกนางมีแค่หนึ่งถึงสองตำลึงเงินเท่านั้น คนที่อยู่ในจวนแห่งนี้ไม่น้อยเลย แต่บัดนี้เปลี่ยนเป็นสิบสองตำลึงเงินแล้ว ซึ่งมากกว่ารายได้ของราษฎร์ข้างนอกตลอดทั้งปีเสียอีก

อาอวี่น่าเห็นใจยิ่งกว่า เดิมทีฐานเงินเดือนของเขาก็แค่สามตำลึงเท่านั้น ไม่แตกต่างจากหมอประจำจวนของตำหนักหลังเท่าไร แต่บัดนี้กลับได้เพิ่มมากขึ้น บรรดาหญิงสาวในจวนเหล่านั้นล้วนจับจ้องเขาราวกับหมาป่าที่กำลังจ้องจับเหยื่อทำให้อาอวี่ถึงกับหนาวสะท้าน

หลังจากคำนวณเรียบร้อยฉีเฟยอวิ๋นก็ให้นักคำนวณไปยังห้องอื่น นางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว ค่อย ๆ หรี่ตาลงและหลับไปในที่สุด

ในห้วงความฝันฉีเฟยอวิ๋นฝันเห็นเรื่องแปลก หลังจากที่กลับมาถึงห้องปฏิบัติการ นางก็เห็นซูมู่หรง

ซูมู่หรงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดดำ ด้านนอกสวมทับด้วยเสื้อคลุมยาวสีขาวตัวหนึ่ง ยามนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของนาง

“หลิงอวิ๋น” ซูมู่หรงเรียกชื่อนาง ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

ครั้นฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้นมากลับหายใจติดขัด เหมือนจริงเกินไปแล้ว

มันเกิดอะไรขึ้น?

“เป็นอะไรไปรึ?” หนานกงเย่ที่อยู่ข้างกายของฉีเฟยอวิ๋น เห็นนางตื่นขึ้นมาจึงเอ่ยถามนาง

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า ลุกขึ้นมานั่งข้างเตียง จากนั้นก็เหม่อมองไปยังหนานกงเย่

นึกถึงในช่วงที่เขากลัวนางจากไปตลอดเวลา นางได้รับผลกระทบนั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเหตุใดนางถึงยังเห็นซูมู่หรงทั้ง ๆ ที่นางตายไปแล้ว?

หลังจากพักผ่อนได้สองวันอาการหวัดของฉีเฟยอวิ๋นก็ดีขึ้น หนานกงเย่เลิกราชกิจกลับมาดูแลฉีเฟยอวิ๋น ร้านขายยาสมุนไพรของฉีเฟยอวิ๋นเริ่มเข้าที่เข้าทาง และเปิดให้บริการเรียบร้อย

ครั้นหนานกงเย่เข้าไปดู ก็เห็นจำนวนคนไม่น้อยเลย แต่ไม่เห็นคนที่ต้องการเจอ

ฉีเฟยอวิ๋นกำลังเตรียมสมุนไพรที่ต้องใช้ให้แก่ฮองเฮา หลังจากจัดการอารมณ์ได้แล้ว หนานกงเย่ก็ผลักประตูเดินเข้าไป

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวไปมอง ก่อนจะรีบเก็บขวดยาที่อยู่ในมือทันที

หนานกงเย่ปิดประตูและเอ่ยถามนางว่า : “ซ่อนอะไรไว้?”

“ยาที่จะมอบให้แด่ฮองเฮาเจ้าค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับไป หนานกงเย่เอ่ยถาม : “ฮองเฮาตั้งครรภ์แล้วรึ?”

ฉีเฟยอวิ๋นสีหน้าเศร้าหมองลง หากตั้งครรภ์ก็ดีสิ น่าเสียดายชีวิตนี้

ฉีเฟยอวิ๋นจึงเอ่ยถามขึ้น : “เหตุใดท่านอ๋องถึงออกจากวังเร็วเพียงนี้ละเจ้าคะ?”

“อื้อ เรื่องของเขื่อนตู้ฟางจุนมีการพัฒนาแล้ว ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ ซือคงเซียงมีวิธีการจัดการได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ถึงสามวัน เขาก็นำแผนการที่เตรียมการไว้มาบอกกับข้า และสร้างเขื่อนตู้ฟางจุนขึ้นมาใหม่ได้ในที่สุด

เพียงแต่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรและแรงกายมากหน่อย” หนานกงเย่นั่งลงและกล่าวต่อไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงนั่งลงตาม ก่อนจะมองเขาโดยไม่กล่าวอะไร

“ชายามีเรื่องอะไรรึ?” หนานกงเย่กุมมือของนางไว้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงพยักหน้า

“ท่านอ๋อง ข้าต้องเข้าวังเจ้าค่ะ”

“ให้ข้าไปเป็นเพื่อนหรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นเงียบไปชั่วครู่ ดูท่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย แต่ครั้นนางต้องเข้าวังกลับรู้

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หนานกงเย่ก็เดินตามนางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นนั้น ฉีเฟยอวิ๋นต้องการให้เขารอ แต่เขากลับเข้ามาและปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้ว

“ท่านอ๋อง เมื่อคืนก็นำเสบียงไปส่งแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นถูกกดไว้บนกำแพงและถอดเสื้อผ้า ดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่พ้น จึงได้แต่ปล่อยให้หนานกงเย่ทำตามอำเภอใจ

หนานกงเย่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา หมุนตัวและเดินกลับไปยังเตียง

“วันนี้ยังไม่ส่ง”

“….” กล่าวเช่นนี้ ยามถัดไปก็ยังต้องส่งเช่นนั้นหรือ?

ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง ก่อนจะตั้งใจอาบน้ำเป็นพิเศษ

ไม่เช่นนั้นนางกลัวว่าจะทำให้คนอื่นแตกตื่น ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องยามบ่าย คนที่อยู่ด้านนอกสวนดอกกล้วยไม้ต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เพราะกลัวว่าฉีเฟยอวิ๋นขุ่นเคืองหมองใจ

หนานกงเย่ตั้งใจให้เกิดขึ้น ทำเรื่องบางอย่างตอนกลางวันแสก ๆ และไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะด้วย

ครั้นมาถึงหน้าประตูวังฉีเฟยอวิ๋นก็ต้องชะงักไปชั่วขณะ ไม่เจอะเจอกันตั้งนาน!

ยิ่งไม่อยากเจอก็ยิ่งต้องเจอ นั้นคือสองสามีภรรยาท่านอ๋องตวน

ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้าหนานกงเย่จึงยื่นมือไปทางนาง เพราะรู้ว่าเมื่อครู่เขาใช้แรงหนักต่อร่างกายของนางเพียงใด ย่อมไม่กล้าเมินเฉยเป็นแน่

ครั้นฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้ามา หนานกงเย่ก็อุ้มนางทันที ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่รู้สึกกลัวสักนิด ปกติแล้วชายหนุ่มผู้นี้ก็อาจหาญเช่นนี้อยู่แล้ว

การอุ้มครั้งนี้ หนานกงเย่ทำการหมุนตัวหนึ่งครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นถูกอุ้มราวกับองค์หญิงและอ้อมไปด้านหน้าของรถม้า อาอวี่รีบไปยืนด้านข้างทันที ฉีเฟยอวิ๋นจึงถูกวางลงในที่สุด

ครั้นขาทั้งสองข้างถึงพื้นฉีเฟยอวิ๋นก็จัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง กระทั่งเห็นสองสามีภรรยาท่านอ๋องตวนที่อยู่ตรงข้าม

ท่านอ๋องตวนกำลังกุมมือของจวินฉูฉู่ ทั้งสองคนแต่งกายด้วยชุดคลุมยาวลายนกยูงสีฟ้า ยามนี้จวินฉูฉู่งดงามจนสะกดใจคน ท่านอ๋องตวนมีบุคลิกที่องอาจ ทั้งสองคนเพิ่งลงจากรถม้าเช่นนั้น แต่ทั้งสองคนเห็นฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่แล้ว ยามนี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจอย่างมาก ทำเหมือนกับนางต้องเอาอกเอาใจจวินฉูฉู่อย่างไรอย่างนั้น ครั้นรู้ว่าตนเองลงรถม้ามาก่อน ตอนนี้จึงรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก

จวินฉูฉู่คลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังท่านอ๋องตวน : “ท่านอ๋อง เราไปกันเถอะ”

ท่านอ๋องตวนพยักหน้า จากนั้นก็มองไปยังหนานกงเย่ด้วยแววตาล้ำลึกแวบหนึ่ง สองสามีภรรยาจึงเดินเข้าวังก่อน

ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นรู้ดี คนที่ย่างเข้าไปในวังเวลานี้ จะต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างแน่นอน จวินฉูฉู่ไม่ได้มาหาเรื่องทำเลาะกับนางเป็นแน่

หลังจากที่เข้าวังมาฉีเฟยอวิ๋นก็ไปขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิอวี้ตี้ในตำหนักบำรุงฤทัย หนานกงเย่ตั้งใจจะไปยืนรออยู่หน้าประตูเป็นเพื่อนนาง คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องตวนและพระชายาตวนจะรออยู่ที่นั่นด้วย

ทั้งสี่คนเพิ่งแยกกันได้ไม่นานก็ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง

ฉีเฟยอวิ๋นถูกหนานกงเย่จูงมือของนางตลอดทางจนมาถึงด้านนอกตำหนักบำรุงฤทัย หลังจากบอกกงกงให้รีบรายงานแล้ว ก็ยืนอยู่ด้านนอกตำหนักบำรุงฤทัยต่อ พร้อมกับสองสามีภรรยาท่านอ๋องตวน

“หนาวหรือไม่?” ฉีเฟยอวิ๋นปกติมาก หนานกงเย่กลับไม่วางใจปล่อยนางออกมา หากเป็นช่วงกลางวันก็แล้วไป แต่เวลานี้ท้องฟ้ากลับมืดแล้ว หนาวก็หนาว

จึงได้เอ่ยถามฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า : “ไม่หนาวเจ้าค่ะ”

“ไม่หนาว เหตุใดมือถึงได้มือเย็นเช่นนี้?” หนานกงเย่ดึงมือของฉีเฟยอวิ๋นมาตรงปาก และเปาลมร้อนก่อนจะถูอย่างเบามือ

จวินฉูฉู่ดึงมือออกจากท่านอ๋องตวนทันที จวินฉูฉู่ดูหมิ่นเรื่องที่ผู้อื่นทำเสมอ

มือของท่านอ๋องตวนว่างเปล่าจึงร้อนใจ หมุนตัวไปกล่าวกับหนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋นว่า : “ในที่สาธารณะ พวกเจ้าช่วยยับยั้งชั่งใจกันหน่อย ให้คนรับใช้เห็นเป็นเรื่องน่าขบขันไปเสียได้”

ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ จากนั้นก็หมุนตัวไปมองท่านอ๋องตวน ทำราวกับปกติเขาไม่ทำอย่างไรอย่างนั้น

หนานกงเย่ไม่ได้ตอบอะไร ดึงมือของฉีเฟยอวิ๋นหลับไป และถูกันต่อ กระทั่งดึงกลับมาอย่างจริงจังด้วย

ท่านอ๋องตวนถูกเมินเฉยจึงรู้สึกไม่พอใจ กล่าวตามหลังว่า : “ต่อหน้าฝ่าบาท คิดจะอุ้มลงจากรถม้าก็อุ้มในทันที ครั้นกล่าวออกไปไม่เป็นการวิจารณ์ในทางที่ไม่ดียิ่งกว่ารึ”

“ท่านอ๋องตวนก็เกินไป เรื่องของสามีภรรยา เกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องตวนหรือ? ข้าอยากทำอะไร นั้นก็เรื่องของข้า มันหนักส่วนไหนของท่านอ๋องตวนไม่ทราบหรือเจ้าคะ? หรือท่านอ๋องตวนอิจฉา?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากสนใจท่านอ๋องตวนอีก แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดต่อไป เขาคิดจะเอาชนะไม่จบไม่สิ้น

ท่านอ๋องตวนขุ่นเคืองอย่างมาก : “คำพูดของข้าและน้องสาม เอ่ยถึงเจ้าตรงไหนไม่ทราบรึ”

ฉีเฟยอวิ๋นแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา : “ท่านอ๋องตวนกล่าวเช่นนี้ก็ดูจะคลุมเคืออยู่ไม่น้อยนะเจ้าค่ะ เจ้าเองก็ไม่ได้เอ่ยชื่อ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าหมายถึงท่านอ๋อง หรือหมายถึงพระชายาละ?”

“เจ้า…..” ท่านอ๋องตวนกำลังจะกล่าวอะไรออกไป กงกงก็ออกมาพอดี

หนานกงเย่ไม่ได้กล่าวอะไร ซึ่งท่านอ๋องตวนโกรธฉุนเฉียวอย่างมาก

“น้องสามเจ้าไม่สนใจนางหน่อยรึ?” ท่านอ๋องตวนกล่าวอย่างดูแคลน

หนานกงเย่จึงหันไปมองท่านอ๋องตวน กระทั่งสร้างความลำบากใจให้อีกฝ่าย : “เหตุใดพี่รองถึงต้องมาทะเลาะกับน้องสะใภ้ด้วยล่ะ นางเป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่ง บางครั้งก็ปากไวไปบ้าง ข้ายังไม่ใส่ใจนางเลย พี่รองกลับต้องพะว้าพะวังด้วย เหตุใดต้องมาเปลืองความคิดเช่นนี้ด้วย
อวิ๋นอวิ๋น ดูท่าเจ้าจะทำให้พี่รองโกรธเกรี้ยวเสียแล้วละ ทั้งยังเป็นพี่รองของข้า ไม่สมควรจะมาทะเลาะกับเจ้าเลยสักนิด? ยังไม่รีบขอโทษอีก”

“หึ!”

ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองตามองอย่างเหยียดหยามแวบหนึ่งจากนั้นก็หมุนตัวและสะบัดมือของหนานกงเย่ออก เป็นจังหวะเดียวกับที่กงกงทูลรายงานว่าฝ่าบาททรงอนุญาตให้พวกเขาเข้าเฝ้าพอดี ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินนำเข้าไปในตำหนักบำรุงฤทัยเป็นคนแรก

สวีกงกงแสดงสีหน้างุนงง พลางมองไปยังทั้งสามคนที่อยู่อีกด้าน จากนั้นก็หมุนตัวเดินตามเข้าไป

ครั้นเดินทิ้งห่างระยะหนึ่งแล้วสวีกงกงจึงเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจ : “พระชายาช้าก่อน หลังเข้าไปแล้วให้เดินตรงไปยังทิศใต้ มีคนรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”

สวีกงกงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทุกครั้งที่พระชายาเย่เสด็จเข้าวังจะต้องพยายามขอเข้าเฝ้าอยู่ร่ำไป ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร

เท่าที่ดูไม่น่าใช่เรื่องรักของชายหญิงเป็นแน่ ดูจากสีหน้าของท่านแม่ทัพฉีที่ต้องเผชิญหน้ากับฝ่าบาทแล้วไม่น่าใช่

ฝ่าบาทมีความจริงใจต่อฮองเฮามาหลายปี หากคิดเอียงเอน ไม่มีทางประทับอยู่วังหลังนานเช่นนั้นเป็นแน่

ยิ่งไปกว่านั้นอารมณ์ของพระชายาเย่ก็มั่นใจได้ว่าไม่ใช่คนที่ฝ่าบาทจะทรงโปรดปราน

หลังจากที่สวีกงกงทูลรายงาน ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้าไปในตำหนักบำรุงฤทัย สวีกงกงจึงรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ฉีเฟยอวิ๋นทำตามที่สวีกงกงบอกนั้นคือหลังจากที่เข้ามาข้างในแล้วให้เดินไปยังทิศใต้ของตำหนักบำรุงฤทัย ซึ่งตำหนักบำรุงฤทัยมีการตระเตรียมพร้อมแล้ว และไม่มีผู้ใด

หลังจากเดินอ้อมเข้าไป ทิศใต้มีระเบียงทางเดินทอดยาวของตำหนักข้าง ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินไปตามระเบียงทางเดินกระทั่งเข้าไปในตำหนักข้าง หลังจากเข้ามาถึงด้านในก็เห็นกับจักรพรรดิอวี้ตี้

“หม่อมฉันขอคารวะฝ่าบาทเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นจักรพรรดิอวี้ตี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบเดินไปตรงหน้าของจักรพรรดิอวี้ตี้ทันที เตรียมจะคุกเข่า จู่ ๆ จักรพรรดิอวี้ตี้ก็ยื่นมือออกมาประคองให้ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น

“ช่างเถอะ ข้าต้องไปยังตำหนักบำรุงฤทัยแล้ว ขอพูดแบบรวบรัดละกัน เอาออกมาเถอะ” จักรพรรดิอวี้ตี้ปล่อยมือพลางเอ่ยขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นเองก็หยิบขวดยาให้แก่จักรพรรดิอวี้ตี้อย่างไม่ลังเล

“ฝ่าบาท ยาชนิดนี้ต้องใส่ลงไปในน้ำถึงจะทรงดื่มได้นะเจ้าค่ะ หลังจากที่กินลงไปแล้วจะไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากนั้นสามวันประจำเดือนจะหายไป ท้องจะค่อย ๆ นูนออกมา แต่การตั้งครรภ์แบบหลอกลวงจะมีผลเสียต่อร่างกายเจ้าค่ะ

หม่อมฉันทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว แต่หม่อมฉันจะปกป้องฮองเฮาอย่างสุดความสามารถ เพียงแต่หากเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทจะต้องนำสิ่งนี้ไปให้แก่ฮองเฮา และต้องนำไปด้วยพระองค์เอง ถึงคราวต้องให้กำเนิดบุตร มั่นใจได้เลยว่าฮองเฮาจะปลอดภัยเจ้าค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นล้วงไปหยิบถุงหอมใบหนึ่งออกมาจากในอ้อมกอด ในนั้นคือสมุนไพรที่นางเตรียมไว้ ซึ่งมีกลิ่นหอมอ่อน

จักรพรรดิอวี้ตี้รับมาดมเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น : “นี่คืออะไร?”

“ในนี้คือยาหอมชนิดหนึ่งเจ้าค่ะ เป็นยาหอมที่ใช้ตัวตุ๊กแกบดออกมาเป็นผง ผสมผสานกับสมุนไพรที่ขึ้นชื่อบางอย่าง ยังไม่ต้องใช้ตอนนี้เจ้าค่ะ แต่จะทำให้ร่างกายของฮองเฮามีกลิ่นนมของทารกคล้ายกับหญิงตั้งครรภ์เจ้าค่ะ

ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์จะมีกลิ่นหอมของเด็กทารกบางอย่าง นำเจ้าสิ่งนี้มาบดบังการตั้งครรภ์แบบหลอกลวงของฮองเฮาได้

อีกทั้งกลิ่นนมนี้ ยังปกป้องฮองเฮาได้อีกด้วย

หากต้องการปกป้องฮองเฮา ต้องเริ่มใช้ยาตั้งแต่บัดนี้ หม่อมฉันกลัวว่าถึงตอนนั้นจะไม่คุ้มเสียเอา

ในนี้มียาจำนวนสองเม็ด รอให้ถึงคราวพระสนมเอกเซียวให้กำเนิด วางยานี้ให้แก่ฮองเฮา จะทำให้ฮองเฮาปลอดภัย อีกทั้งฮองเฮาจะมีอาการคล้ายกับการคลอดลูกเจ้าค่ะ”

“คลอดลูก?” จักรพรรดิอวี้ตี้แปลกใจ อะไรคือคลอดลูก

ฉีเฟยอวิ๋นรีบอธิบายทันที : “ก็คือให้กำเนิดนั่นแหละเจ้าค่ะ”

“อื้อ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน” จักรพรรดิอวี้ตี้ถือของเหล่านั้นจากไป ฉีเฟยอวิ๋นทำความเคารพ

“ส่งเสด็จฝ่าบาทเจ้าค่ะ”

จักรพรรดิอวี้ตี้จากนั้น ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้เดินกลับไปทางด้านข้าง ในตอนที่นางปรากฏตัวในตำหนักบำรุงฤทัย จักรพรรดิอวี้ตี้กำลังพูดคุยอยู่พอดี หนานกงเย่มองหานางอยู่ภายในตำหนักบำรุงฤทัยอย่างเหม่อลอย