Ep.357 หลิงเป่ยโหว

สองวันต่อมาช่วงกลางดึก เว่ยโฉวนำทหารมังกรผงาดไปช่วยลำเลียงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดสองร้อยห้าสิบขวดและอาวุธสองร้อยเก้าสิบแปดชิ้นจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นอาวุธวิญญาณระดับที่ถูกหลอมมาจากศิลาวิญญาณที่เหลือในถุงสรรพสิ่ง ส่วนใหญ่เป็นอาวุธระดับหนึ่งและสอง จำพวกหอก ดาบและอื่นๆ ที่เหมาะสมกับการรบ

ตั้งแต่การก่อกบฏของจักรวรรดิอี้เหอเมื่อสามปีก่อนจวบจนวันนี้ ทั้งสองจักรวรรดิยังคงสู้รบกันอย่างสิ้นหวังบริเวณชายแดน จำนวนอาวุธที่มีเริ่มน้อยลง ฉะนั้นสิ่งเดียวที่ทุกคนต้องการคืออาวุธที่คมและแข็งแกร่ง

เช้าตรู่วันที่สาม ร้านค้าจื่อยินเปิดอย่างเป็นทางการ จินเสี่ยวถังอาศัยความสัมพันธ์และอำนาจทางการค้าของตนป่าวประกาศ หนึ่งวันก่อน ขุนนางที่ร่ำรวยจากมณฑลชีไห่ อวิ้นจง เทียนชู่ และดารา ได้แห่แหนกันมาเพียงเพื่อซื้อโอสถฝันคืนสู่สูงสุดกับอาวุธน่าใช้

“ท่านผู้นำ คุณหนูเสี่ยวถังรออยู่ด้านนอกขอรับ” หม่าหลินหนึ่งในครูฝึกของวิหารศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างนอบน้อม

“อ้อ ทราบแล้ว…”

หลินมู่อวี่ที่กำลังเคลิ้มหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของหม่าหลินก่อนจะปัดฝุ่นตรงบ่าและกล่าว “หม่าหลิน บอกให้ครูฝึกและบรรดาลูกศิษย์ตามข้าไปร้านค้าจื่อยินเพื่อช่วยเสี่ยวถัง”

“ขอรับท่านผู้นำ…”

ไม่นาน ปรมาจารย์เจ็ดคน ครูฝึกห้าคน และใต้เท้าสามคนก็เตรียมพร้อมยืนรอผู้นำหนุ่มอยู่ห้องโถง แม้เจิ้งซานเหอและไป๋หลีจะแข็งแกร่งมาก ทว่าทั้งสองยังคงเคารพในตัวหลินมู่อวี่ ตอนนี้หลินมู่อวี่อายุยี่สิบหกแล้ว เขากลับมายังวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยขอบเขตนภาขั้นสูงสุดพร้อมบรรลุได้ทุกเมื่อ ซึ่งการบรรลุสู่ขอบเขตปราชญ์ทั้งที่อายุไม่ถึงสามสิบนั้นนับว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นการที่หลินมู่อวี่กล้าเผชิญหน้ากับลั่วหลานในสงครามเมื่อสามปีก่อน เป็นเรื่องที่น่ายกย่องอย่างมากสำหรับคนทั่วไป ทำให้เขากลายเป็นสุดยอดจอมยุทธ์ในจักรวรรดิผู้น่านับถือยิ่งไปอีก

“ท่านผู้นำ เราพร้อมเดินทางแล้วขอรับ” เจิ้งซานเหอประสานหมัดกล่าว

“อืม ไปกันเถิด”

นอกประตูวิหารศักดิ์สิทธิ์ จินเสี่ยวถังพร้อมทหารอารักขาที่จ้างมาจากร้านค้าจื่อยินรอคอยอยู่พักใหญ่แล้ว “พี่อาอวี่ หากออกมาช้ากว่านี้ข้าจะบุกเข้าไปแล้ว รีบไปกันเถิด งานเลี้ยงเปิดจะเริ่มแล้ว”

“อืม…”

นอกร้านค้าจื่อยินเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ทว่ากลับไม่มีประทัดไฟถูกจุด เนื่องจากไม่มีดินปืนมากพอให้ใช้ในโลกที่แห้งแล้งตอนนี้ หลินมู่อยู่ครุ่นคิดอยู่นาน หากดินปืนและปืนใหญ่สามารถพัฒนาให้เป็นอาวุธเย็นได้ คงเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้มากทีเดียว น่าเสียดายที่หลายหุบเขาและเหมืองแร่ต่างๆ ไม่มีกำมะถันอยู่เลย หากไม่มีกำมะถันก็ไม่สามารถสร้างดินปืนได้

ด้านในร้านค้าครึกครื้นอย่างมาก ฝูงชนทยอยควบม้ามากันไม่ขาดสาย กลุ่มคนสวมชุดจีนห้อมล้อมติชมบรรดาอาวุธ ยา ขุดเกราะที่ร้านค้านำมาจัดแสดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานของหลินมู่อวี่ ทว่าไม่มีผู้ใดรู้

ด้วยวิหารศักดิ์สิทธิ์และร้านค้าจื่อยินนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

หลังงานเลี้ยงเปิดเริ่มขึ้น งานจัดประมูลก็ดำเนินต่อทันที

จินเสี่ยวถังสวมชุดยาวสีขาวแดง ก้าวขึ้นบนเวทีอย่างสง่างาม ในมือของนางถือม้วนกระดาษ ก่อนจะเริ่มประกาศรายนามสินค้าที่จะใช้ในการประมูล “ก่อนอื่นข้าต้องขอขอบคุณการสนับสนุนจากร้านค้าจื่อยินแห่งนี้เจ้าค่ะ สินค้าที่จะนำมาประมูลวันนี้คือ…ดาบหยกคราม อาวุธนิลระดับหนึ่ง ราคาเริ่มต้นสามพันเหรียญทอง หอกเพลิงกระหน่ำ อาวุธนิลระดับหนึ่ง เริ่มต้นสี่พันเหรียญทอง หอกจิ้งจอกไฟ อาวุธนิลระดับหนึ่ง เริ่มต้นสี่พันเหรียญทอง ดาบสายฟ้า อาวุธนิลระดับสอง เริ่มต้นสองพันเหรียญทอง…”

จินเสี่ยวถังรู้สึกปีติยิ่งเมื่อขายดาบห้าสิบเล่มได้สำเร็จ

บรรดาผู้เข้าร่วมประมูลเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่และตะโกนขึ้น “เมื่อไรจะประมูลโอสถฝันคืนสู่สูงสุดเสียที?”

“นายท่านอย่าได้กังวลไปเจ้าค่ะ” จินเสี่ยวถังยิ้ม “หากอาวุธถูกประมูลหมดเมื่อไร ก็จะถึงคราวของโอสถฝันคืนสู่สูงสุด…”

ทันทีที่จินเสี่ยวถังกล่าวจบ งานประมูลก็ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

ด้วยเหล่าเศรษฐีจากเมืองหลันเยี่ยน มณฑลเทียนชู่ มณฑลดาราและมณฑลอื่นๆ จำนวนมากมาร่วมงาน ทำให้ดาบนิลระดับหนึ่งถูกขายไปกว่าห้าหมื่นเหรียญทอง จินเสี่ยวถังยิ่งมีความสุขมากเมื่อโอสถฝันคืนสู่สูงสุดขวดแรกถูกขายได้ในราคาหนึ่งหมื่นสี่พันเหรียญทอง ตามด้วยขวดที่สองในราคาหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยเหรียญทอง

บริเวณที่นั่งด้านบน หลินมู่อวี่ เว่ยโฉว ฉินเหยียนและคนอื่นๆ นั่งดูการประมูลสินค้าอย่างสนอกสนใจ ร้านค้าจักรวรรดิเคยสร้างเงินพวกเขา ทว่าครั้งนี้พวกเขาสร้างมันด้วยตนเอง

ฉินเหยียนหรี่ตามองพลางกล่าว “ท่านพี่ ดูชายชุดดำที่ประมูลโอสถฝันคืนสู่สูงสุดผู้นั้นสิ นั่นมันชุดจากหลิงหนาน ใช่คนของจักรวรรดิอี้เหอหรือไม่? หากใช่…ข้าจะไปจัดการมัน”

“ช้าก่อน”

หลินมู่อวี่ส่ายศีรษะ “ต่อให้เป็นคนจากจักรวรรดิอี้เหอจริง มันคงไม่กล้าทำอะไรที่นี่ ร้านค้าจื่อยินเป็นสถานที่ค้าขาย ซึ่งหลิงหนานและหลิงเป่ยก็ทำการค้ากันอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลให้จับมันที่นี่ มิเช่นนั้นจะเป็นการทำลายสายสัมพันธ์กันเสียเปล่า”

“ทราบแล้วขอรับ”

ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นด้านนอก ทหารมังกรผงาดนายหนึ่งวิ่งขึ้นไปหาหลินมู่อวี่ก่อนประสานหมัดกล่าว “มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นด้านนอกขอรับ ถังลู่และกองกำลังจากชีไห่เข้ามากล่าวหาว่าร้านค้าจื่อยินเป็นแหล่งกบดานให้สายสืบของจักรวรรดิอี้เหอ จึงขอเข้าตรวจค้นโดยไม่มีการคัดค้านใดขอรับ”

“ถังลู่หรือ?”

หลินมู่อวี่กัดฟัน “นำข้าไป จะให้คนของถังลู่มารบกวนร้านค้าจื่อยินไม่ได้”

“ขอรับ…”

กลุ่มทหารมังกรผงาดกับสมาชิกวิหารศักดิ์สิทธิ์ตามหลินมู่อวี่ออกไปด้านนอกร้านค้าจื่อยิน ถังลู่และกองกำลังป้องกันกว่าสามร้อยนายกำลังส่งเสียงโวยวายด้วยความโมโห

“หยุด!”

หลินมู่อวี่ออกคำสั่งก่อนจะก้าวเข้าไปประสานหมัดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าน้อยขอคารวะท่านหลิงเป่ยโหว”

ถังลู่ยิ้มและประสานหมัดกล่าว “ถังลู่ยินดีที่ได้พบท่านผู้นำศักดิ์สิทธิ์”

“ข้าไม่ทราบมาก่อนว่าท่านจะมาที่นี่ มีธุระสำคัญอันใดหรือไม่?”

“อย่าถ่อมตนเลย” ถังลู่โบกมือปัดก่อนจะกล่าวด้วยความนับถือ “ข้าเพิ่งได้รับรายงานลับว่ามีสายสืบจากจักรวรรดิอี้เหออยู่ในร้านค้าจื่อยิน จึงรีบนำกองกำลังป้องกันเมืองมาจับมัน หวังว่าท่านผู้นำจะไม่ขัดขวางข้าจากการทำภารกิจทางการนะขอรับ”

“ภารกิจทางการหรือ?” หลินมู่อวี่ยิ้ม “เท่าที่ข้ารู้…การอารักขาความปลอดภัยของเมืองเป็นหน้าที่ขององครักษ์อวี้หลิน เหตุใดจึงต้องรบกวนกองกำลังป้องกันเมืองของท่านหลิงเป่ยโหวด้วยขอรับ?”

ถังลู่กล่าว “สายสืบของจักรวรรดิอี้เหอแฝงตัวปะปนอยู่ในเมืองหลันเยี่ยน เรื่องนี้หาใช่เรื่องเล็กไม่…ข้าจึงนำกองกำลังป้องกันเมืองออกทำภารกิจด้วยตนเอง”

เว่ยโฉวแค่นเสียงกล่าว “ท่านหลิงเป่ยโหว การดูแลความปลอดภัยของร้านค้าจื่อยินเองก็อยู่ในความดูแลของวิหารศักดิ์สิทธิ์ คงไม่ขอรบกวนทหารของท่าน โปรดกลับไปเสียเถิด…”

“ผู้บัญชาการเว่ยโฉวช่างอาจหาญนัก…” ถังลู่หัวเราะ “เป็นเพียงผู้บัญชาการทหารมังกรผงาด แต่กล้าต่อปากกับถังลู่ผู้นี้หรือ?”

หลินมู่อวี่ปรามเว่ยโฉวพลางประสานหมัดกล่าว “ตอนนี้ข้ากำลังเร่งรีบนัก เว่ยโฉวอาจขาดวุฒิภาวะไปบ้าง โปรดยกโทษให้เขาด้วยเถิด…”

“หึ!”

ถังลู่กล่าวอย่างไม่แยแส “ท่านผู้นำวิหารปล่อยมันออกมาเถิด มิเช่นนั้นข้าจะคิดว่าท่านกำลังปกป้องสายสืบจากอี้เหอ แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

“ท่านต้องการแบบนั้นจริงหรือ?”

หลินมู่อวี่ผายมือกล่าว “ทหารมังกรผงาดและสมาชิกวิหารศักดิ์สิทธิ์ทุกคนที่นี่ต่างพร้อมสู้เสมอ ผู้ใดอาจหาญท้าทาย รับรองว่าพวกข้าจะสังหารพวกมันอย่างไร้ปรานี จากนั้นเรื่องทั้งหมดนี้ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง!”

เว่ยโฉวและคนอื่นๆ ง้างคันธนู ฉินเหยียนกระชับหอกเขี้ยวอัคคีพร้อมเรียกปราการเกล็ดมังกรออกมาป้องกัน ทุกคนต่างมองถังลู่ด้วยรอยยิ้มท้าทาย

เหล่าทหารในที่นี้ล้วนเป็นหัวกะทิของกลุ่มมังกรผงาดและวิหารศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงหลินมู่อวี่ที่ได้รับการฝึกพลังยุทธ์จากราชาปีศาจเจ็ดประทีป หากเขาลงมือ…ถังลู่มีโอกาสรอดไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกันจินเสี่ยวถังเดินออกมาและทำความเคารพแก่ถังลู่ด้วยรอยยิ้ม “บางทีท่านหลิงเป่ยโหวคงยังไม่ทราบ เจ้าของร้านค้าจื่อยินนั้นหาใช่จินเสี่ยวถังไม่…ทว่าเป็นใครคนหนึ่ง เพราะนาง…ร้านค้าจื่อยินจะไม่มีวันปกป้องสายสืบจากจักรวรรดิอี้เหออย่างแน่นอน”

“โอ้?” ถังลู่เลิกคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร?”

จินเสี่ยวถังหยิบสัญญาการค้าออกมาก่อนจะกางมันออก “ท่านหลิงเป่ยโหวโปรดอ่านให้รอบคอบนะเจ้าคะ ผู้เป็นเจ้าของร้านค้าจื่อยินแห่งนี้คือองค์จักรพรรดินีฉินอิน สัญญาฉบับนี้ถูกลงพระปรมาภิไธยและประทับตราโดยพระองค์แล้ว หากท่านยังสงสัยว่าเราซ่อนตัวสายสืบไว้ ก็เท่ากับสงสัยในตัวจักรพรรดินีด้วย”

บรรดาทหารด้านหลังถังลู่ต่างคุกเข่าตะโกนพร้อมกันทันใด “ทรงพระเจริญองค์จักรพรรดินี!”

ถังลู่ตกตะลึงก่อนจะกัดฟันกล่าว “บังอาจนักหลินมู่อวี่ ไปกันได้!”

กองกำลังป้องกันเมืองออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าถังลู่มันคิดจะทำสิ่งใดกัน?” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว

จินเสี่ยวถังคลี่ยิ้ม “พี่อาอวี่คงยังไม่รู้ว่าร้านค้าล่ามังกรแห่งเมืองหลันเยี่ยนเป็นของหลานกง ไม่แปลกใจหรือว่าเหตุใดพานจื่อเถียนจึงหายสาบสูญไปหลังการสังหารหมู่? และเหตุใดร้านค้าล่ามังกรจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว? เราทำการค้าแข่งกับหลานกง เขาจึงพยายามขัดขาเราเช่นนี้ ต้องขอบคุณเล่ห์เหลี่ยมพี่อาอวี่ มิเช่นนั้นข้าคงไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร”

“ไม่เป็นไร”

หลินมู่อวี่กำหมัดแน่น ดูเหมือนการที่ร้านค้าจื่อยินจะครองเศรษฐกิจหลักของเมืองหลันเยี่ยนได้คงไม่ใช่เรื่องง่าย…