เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาอันเร่าร้อนของเย่ลั่ว เย่เมิ่งเหยียนจึงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
เธอขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “กรุณาให้เกียรติกันด้วยค่ะ”
“ให้เกียรติ? ฮ่าๆ” เย่ลั่วหัวเราะร่าออกมา
“คนสวย ได้ยินมาว่าแต่งงานกับยาจกเหรอ ไปอยู่กับฉันดีกว่าไหม ฉันชื่อเย่ลั่ว รับประกันเลยว่าเธอจะต้องมีกินมีใช้ไปตลอดชาติ”
ระหว่างที่พูด เย่ลั่วก็ยื่นมือออกไปที่ใบหน้าของเย่เมิ่งเหยียนด้วยสีหน้ายียวน
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
เพี๊ยะ!
เย่เมิ่งเหยียนตวาดลั่น แล้วตบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง
เธอไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย ถึงขั้นจะลวนลามผู้หญิงมีสามีแล้วงั้นหรือ
เมื่อเย่ลั่วโดนตบหน้าไปเต็มแรงหนึ่งที เขาก็ชะงักไป
“เย่เมิ่งเหยียน เธอบ้าไปแล้วเหรอ เธอไม่รู้หรือไงว่าคนที่เธอตบคือใคร”
“นี่คือประธานเย่ซื่อกรุ๊ปของพวกเรา เป็นคนตระกูลเย่จากเมืองเอก เธอทำเขาแบบนี้เธอต้องได้รับการลงโทษแน่!”
เมื่อเห็นเย่ลั่วถูกตบหน้าแบบนี้ เย่ชิวก็รีบก้าวออกมาปกป้อง
ตระกูลเย่แห่งเมืองเอก?
เย่เมิ่งเหยียนขมวดคิ้ว
เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินคุณปู่เย่เทียนเล่าให้ฟังว่า ตระกูลเย่แห่งตงไห่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่า คนของตระกูลเย่จากเมืองเอกจะมาถึงตงไห่
“นังแพศยา เธอกล้าตบหน้าฉัน ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!”
สีหน้าของเย่เมิ่งเหยียนเกรี้ยวกราด เขายกมือขึ้นตั้งท่าจะตบหน้าเย่เมิ่งเหยียน
กรี๊ดดด!
เย่เมิ่งเหยียนกรีดร้องก่อนจะถอยหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว
เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะไปสู้เย่ลั่วได้ยังไง
ฟึ่บ!
ในตอนที่ฝ่ามือของเย่ลั่วกำลังจะกระทบเข้าที่ใบหน้าของเย่เมิ่งเหยียนอยู่นั้น เงาร่างหนึ่งก็โฉบเข้ามา
“คนที่กล้ารังแกผู้หญิงของฉัน มันจะต้องตาย”
หยางเฟิงคว้าข้อมือของเย่ลั่วเอาไว้ด้วยสีหน้าเอาเรื่องเต็มที่
“เด็กน้อย ที่แท้ก็แกนี่เอง”
เมื่อเย่ลั่วเห็นว่าเป็นหยางเฟิง เขาจึงแน่ใจทันทีว่าคนๆ นี้เป็นคนที่ตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับเขาในงานประมูล แถมยังสั่งให้คนมารุมทำร้ายเขาอีก
ในตอนนั้นความแค้นเก่าๆ ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“เด็กน้อย ฉันว่าแกมากกว่าที่รนหาที่ตาย!”
เย่ลั่วตะวาดกลับ แต่หลังจากนั้นกลับพบว่าข้อมือของตัวเองถูกหยางเฟิงล็อกเอาไว้จนขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
กึก!
หยางเฟิงไม่รอให้เย่ลั่วได้ทันตั้งตัวได้ เขาออกแรงบิดซ้ำ
จากนั้นจึงได้ยินเพียงเสียงกร็อบ นั่นคือเสียงกระดูกข้อมือของเย่ลั่วหักนั่นเอง
โอ๊ย!
หลังจากนั้นเย่ลั่วก็ร้องเสียงหลงราวกับหมูโดนเฉือด
เย่ชิวรีบวิ่งเข้าไปพลางตะโกนเสียงลั่น “หยางเฟิง แกบ้าไปแล้วหรือไง นี่เป็นคนตระกูลเย่จากเมืองเอกเชียวนะ แกกล้าทำร้ายเขา แกไม่กลัวตายหรือไง”
หยางเฟิงปล่อยมือแล้วกล่าวอย่างดูแคลน “คนจากตระกูลเย่เมืองเอกอะไรกัน ต่อให้เป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่มาจากที่อื่น ก็ยังไม่กล้ารังแกผู้หญิงของฉัน!”
ท่าทางของหยางเฟิงในเวลานี้เต็มไปด้วยพลังดุดัน มีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างเต็มที่ เมื่อเย่เมิ่งเหยียนเห็นอย่างนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกหลงใหลในตัวเขา
หยางเฟิงหันหน้ากลับไปมองเย่เมิ่งเหยียน แล้วกล่าวถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ที่รัก ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เย่เมิ่งเหยียนส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“ไปตายซะ ไอ้เวร ฉันจะฆ่าแก!”
เย่ลั่วโกรธจนตวาดออกมา แล้วกระโจนเข้าใส่หยางเฟิงอย่างจะเอาชีวิต
เย่ชิวจึงรีบห้ามเอาไว้ “ท่านประธาน อย่าเพิ่งใจร้อน ในตระกูลเย่นี้หยางเฟิงเป็นแค่ลูกเขยยาจก ไอ้เวรนี้มันก็เป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง แต่ฝีมือการต่อสู้ไม่เลว ถ้าจะดวลกับมันเราอาจจะเสียเปรียบได้นะ”
หลายครั้งก่อนหน้านี้ เย่ชิวพยายามที่จะท้าทายหยางเฟิงมาแล้ว ผลสุดท้ายก็ย่ำแย่ทุกครั้ง
เขารู้ดีว่าคนไม่เอาไหนอย่างหยางเฟิงฝีมือร้ายกาจ และที่สำคัญคือเขาเป็นคนบ้าระห่ำ ไม่ว่าใครก็ลงมือไม่เลือก
“ไสหัวไป!”
เย่ลั่วผลักเย่ชิวอย่างแรงแล้วตะโกนออกมาว่า “ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำร้ายกู วันนี้มันต้องตายทุกคน!”
โอ๊ย!
เย่ชิวถูกผลักล้มลงไปนอนกองบนพื้น และไม่กล้าลุกขึ้นมาขวางอีก
เย่ลั่วจ้องเขม็งไปที่หยางเฟิงแล้วกัดฟันกล่าวว่า “เด็กน้อย มึงเป็นแค่ลูกเขยแต่กล้าลงมือกับกูงั้นเหรอ ถ้าวันนี้ถ้ากูไม่สั่งสอนมึงให้รู้สำนึก กูคงไม่ใช่คนตระกูลเย่แล้วล่ะ!”