กว่านางจะรวบรวมไข่มุกมังกรได้สามลูกจากเจ็ดลูกก็แทบตายแล้ว
นางเป็นผู้นำของนิกายเทพอสูร นั่นก็หมายความว่าที่นิกายเทพอสูรมีไข่มุกมังกรอีกสี่ลูกสินะ
ถ้าอยากได้ไข่มุกมังกร นางก็แค่ต้องไปที่นิยายเทพอสูรแล้วขโมยออกมา
กู้ชูหน่วนทุบหยกพระจันทร์เสี้ยวให้แตก ดวงตาที่เป็นประกายดั่งหยดน้ำมองดูอักษรรูนบนหยกพระจันทร์เสี้ยวซึ่งประทับตราไว้บนระฆังวิญญาณสะบั้นอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นแผนที่ภูมิประเทศซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แผนที่นี้ซับซ้อนและยังมีบางส่วนที่ขาดหายไป กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ มองดูอยู่นาน แต่พวกเขาก็ดูไม่ออกว่ามันคือที่ไหน
“ข่าวของเจ้าถูกต้องแน่ใช่หรือไม่ เศษหยกชิ้นสุดท้ายอยู่ที่ภูเขาสวินหลงจริงๆ หรือ”
“อาจจะ ข้าเองก็ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าไปเห็นหรือได้ยินมาจากไหน พี่หญิง ไข่มุกมังกรไม่ใช่ของดีเลยสักนิด มันเป็นสิ่งอัปมงคล คนที่มีความเกี่ยวข้องกับไข่มุกมังกรดูเหมือนจะมีจุดจบที่ไม่ดีเลยสักราย อาม่อไม่อยากให้พี่สาวไปรวบรวมไข่มุกมังกรเลย”
อัปมงคล?
เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องนี้
กู้ชูหน่วนลากเสียงยาว “เอ่อ… มันอัปมงคลอย่างไรรึ”
“ข้าบอกไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ทำให้ข้ารู้สึกไม่ดีเอามากๆ ก่อนหน้านี้เคยมีหลายคนที่พยายามจะแย่งชิงไข่มุกมังกร สุดท้ายพวกเขาแต่ละคนก็ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูกและหายไปจากใต้หล้าอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าที่โลกภายนอกเล่าลือกันไปอย่างไร ถึงขนาดลือกันว่าพวกเขากลายเป็นเซียนไปอยู่บนสวรรค์ ฮึ… เซียนจากโลกไหนกัน”
กู้ชูหน่วนเก็บระฆังวิญญาณสะบั้นและคิดสะระตะไปเรื่อย
ดูเหมือนนางยังต้องกลับไปที่สำนักศึกษาวังหลวงอีกครั้ง การชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกรกำลังจะเปิดฉากขึ้น นางจำเป็นต้องไปหาหยกหักชิ้นสุดท้ายให้เจอ
ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา กู้ชูหน่วนกลับเห็นว่าจอมมารกำลังมองนางด้วยสายตาน้อยอกน้อยใจ ราวกับกำลังรอการปลอบโยนจากนาง
กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เก็บแววตาที่เว้าวอนของเจ้ากลับไปเลย ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอกนะ เรื่องของผู้นำกองธงกล้วยไม้ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย”
“พี่หญิงอารมณ์ไม่ดี คงจะดีกว่าถ้าข้าไปเด็ดหัวของเยี่ยจิ่งหานมามอบให้ท่าน”
“…..”
สมองกลวงหรือไงน่ะ
เห็นๆ กันอยู่ว่านางพูดถึงผู้นำกองธงกล้วยไม้
ซือม่อเฟยจงใจเปลี่ยนเรื่องหรือเขาฟังภาษามนุษย์ไม่เข้าใจกันนะ
ต่อให้กระบวนการทางสมองของจอมมารจะแปลกไปสักหน่อย ทว่าทักษะการต่อสู้ของเขากลับสูงส่งยากจะหาใครเทียบเทียม
เยี่ยจิ่งหานได้รับบาดเจ็บ ถ้าเขาบังคับให้เยี่ยจิ่งหานเป็นคู่ต่อสู้ เกรงว่าแม้แต่เยี่ยจิ่งหานเองก็ต้องประสบกับเรื่องเดือดร้อนมากมาย
กู้ชูหน่วนระงับความร้อนรนเอาไว้และเอ่ยอย่างอดทนว่า “เจ้ากลับไปที่เผ่าปีศาจเสียเถอะ อย่ามาสร้างปัญหาให้เยี่ยจิ่งหานอีก เข้าใจหรือไม่”
“พี่หญิงอยากจะฆ่าเขาด้วยมือตัวเองงั้นหรือ”
“ข้าจะจัดการปัญหาระหว่างข้ากับเขาเอง เจ้าเลิกยุ่งได้หรือไม่ ถ้าเจ้าเข้ามายุ่มย่ามอีกละก็ข้าจะโกรธเจ้าจริงๆ ด้วย”
จอมมารรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นทันตา
พี่หญิงของเขาชอบเขามากอย่างที่คิด
พี่หญิงรู้ว่าวิทยายุทธของเยี่ยจิ่งหานแก่กล้าและกลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางเลยสั่งไม่ให้เขาไปหาเรื่องเยี่ยจิ่งหาน
พี่หญิงกำลังปกป้องเขาจริงๆ ด้วย
“ก็ได้ ในเมื่อพี่หญิงพูดแบบนี้ เช่นนั้นข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง” นางสั่งไม่ให้คนอื่นยื่นมือมายุ่ง จะจับเยี่ยจิ่งหานมาเป็นๆ แล้วมอบให้พี่หญิงจัดการด้วยตัวของนางเอง
กู้ชูหน่วนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เจ้าทึ่ม
ในที่สุดก็ฟังรู้เรื่องเสียที
“พี่หญิง ข้ากลับเผ่าปีศาจแล้ว ท่านจะกลับเผ่าปีศาจด้วยกันหรือไม่” กลับไปเผ่าปีศาจและแต่งงานกับเขาอะไรแบบนั้น
“ไปสิ รอให้ข้าจัดการเรื่องทุกอย่างจนเรียบร้อยแล้วข้าจะไปหาเจ้าที่เผ่าปีศาจ”
เซี่ยวอวี่เซวียนอดประทับใจไม่ได้
ว่ากันว่าจอมมารสังหารผู้คนได้โดยไม่กะพริบตา จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้คือเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอย่างมาก
เสี่ยวจิ้วจื่อ*ของเขาช่างจิตใจดีจริงๆ
“แม่สาวอัปลักษณ์ ถึงตอนนั้นข้าจะกลับไปที่เผ่าปีศาจกับเจ้าเอง ต่อไปที่นั่นจะเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของพวกเรา”
ดวงตาของจอมมารเป็นประกาย “บ้านอีกหลังหนึ่ง? มันก็ใช่ ข้าจะต้องให้คนของข้าทำความสะอาดและจัดห้องไว้เสียแล้ว เมื่อพวกท่านมาถึงจะได้เข้ามาอยู่ได้ทันที”
เสี่ยวจิ้วจื่อของเขาช่างจิตใจดีจริงๆ ที่ปฏิบัติต่อเขาประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงขนาดบอกว่าเผ่าปีศาจเป็นบ้านหลังหนึ่งของพวกเขา
กู้ชูหน่วนปวดกะโหลกตุบๆ
เจ้าทึ่มสองคนนี้โรคบ้ากำเริบอีกแล้ว
เสี่ยวจิ้วจื่อ แปลว่าน้องชายของภรรยา